สธ.ชงศบค.คลายล็อกเพิ่ม
เปิดประเทศเฟส2
เข้าไทยได้/ไม่ต้องกักตัว
ต้องมีเอกสารฉีดวัคซีนครบโดส
ปรับแผนใช้ATKตรวจหาเชื้อได้
เพิ่มช่องทางเข้าทางบก-ทางเรือ
ติดเชื้อรายวัน6,335-ตาย37ศพ
ยอดติดโควิดไทยลดต่อเนื่องรายวันเจอเพิ่ม 6,335 คนตาย 37 ศพ ภาพรวมยังติดเชื้อทั้งประเทศ ชลบุรี-ประจวบฯขึ้น 10 อันดับติดเชื้อสูงสุดของประเทศ ไทยฉีดวัคซีนทะลุ 90 ล้านโดส คณะกรรมการโรคติดต่อฯไฟเขียวแผนเปิดประเทศระยะ 2 เริ่ม 1 ธันวาคมชงที่ประชุมศบค. 26 พ.ย. ผ่อนคนเข้าประเทศมากขึ้น เน้น 3 ประเด็นหลักคือ “เปิดช่องทางเข้าประเทศทางน้ำ-ทางบกมากขึ้น แต่เลือกเฉพาะด่านที่ปลอดภัย ใช้ATK ตรวจได้ /ลดค่าธรรมเนียม ออกใบรับรองฉีดวัคซีน-ซื้อยารักษาเพิ่ม พร้อมลงนามซื้อไฟเซอร์30ล.โดส
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศประจำวัน ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง แต่ยังต้องเฝ้าระวังการระบาดเป็นคลัสเตอร์ในต่างจังหวัด
ติดเชื้อ6,335-หายป่วย7,218คน
ทั้งนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,335 คน แยกเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.)และปริมณฑล 1,143 ราย พื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ 873 ราย จังหวัดอื่น 54 จังหวัด 3,755 ราย พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด 527 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 30 ราย และจากผู้เดินทางจากต่างประเทศ 7 ราย มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,059,464 ราย หายป่วยแล้ว 7,218 ราย หายป่วยสะสม 1,959,663 ราย รักษาอยู่ 80,657 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 38,881 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 41,776 ราย
ตาย37-โคมา1,508-ใส่ท่อ363
ส่วนผู้ป่วยอาการหนักอยู่ที่ 1,508 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 363 ราย เสียชีวิตอีก 37 ราย ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 20,487 ราย เป็นชาย 17 ราย หญิง 20 ราย คนไทย 35 ราย เมียนมา 1 ราย ไม่ระบุ 1 ราย เป็นผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 33 ราย มีโรคเรื้อรัง 4 ราย
ชลบุรี/ประจวบฯติด10อันดับ
ศบค.ยังระบุภาพรวมการติดเชื้อทั้งประเทศว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อทุกจังหวัด มี 15 จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อไม่ถึง 10 ราย ได้แก่ อ่างทอง สมุทรสงคราม สกลนคร สุโขทัย ยโสธร นครพนม หนองบัวลำภู เลย อุทัยธานี อำนาจเจริญ ลำปาง น่าน มุกดาหาร บึงกาฬและแพร่ สำหรับ 10 จังหวัดติดเชื้อใหม่สูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 672 ราย สะสม 418,752 ราย สงขลา 455 ราย สะสม 59,094 ราย นครศรีธรรมราช 429 ราย สะสม 38,803 ราย สุราษฎร์ธานี 263 ราย สะสม 24,104 ราย เชียงใหม่ 258 ราย สะสม 25,152 ราย สมุทรปราการ 206 ราย สะสม 127,831 ราย ชลบุรี 204 ราย สะสม 106,713 ราย ปัตตานี 178 ราย สะสม 45,017 ราย ยะลา 171 ราย สะสม 46,382 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 154 ราย สะสม 17,756 ราย
ไทยฉีดวัคซีนทะลุ90.4ล้านโดส
ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนของไทย ข้อมูลถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน ฉีดได้เพิ่ม 574,772 โดส แยกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 199,502 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 331,802 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 43,468 ราย ทำให้ยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์- 24 พฤศจิกายน มียอดสะสม 90,468,955 โดส แยกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 47,233,526 ราย คิดเป็น 65.6% ของประชากร เข็มที่ 2 จำนวน 40,056,072 ราย คิดเป็น 55.6% ของประชากร และเข็ม 3 จำนวน 3,179,357 ราย คิดเป็น 4.4% ของประชากร สำหรับการฉีดวัคซีนในกลุ่มนักเรียนและนักศึกษาอายุ 12 – 17 ปี ฉีดเข็ม 1 จำนวน 3.025 ล้านคน คิดเป็น 67.2% เข็ม2 จำนวน 2.57 ล้านคน คิดเป็น 57.2% หญิงตั้งครรภ์ ฉีดเข็ม1 จำนวน 92,416 คน คิดเป็น 18.5 % เข็ม2 จำนวน 72,946 คน คิดเป็น 14.6% เข็ม3 จำนวน 1,314 คน คิดเป็น 0.3%
24วันนนท.เข้า9.8หมื่นติดเชื้อ131
ผลการดำเนินงานการรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย หลังเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ในช่องทางที่สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ สนามบินหัวหิน สนามบินภูเก็ตและสนามบินสมุยตั้งแต่วันที่ 1- 24 พฤศจิกายน มียอดสะสม 98,900 คน มีผู้ติดเชื้อ 131 ราย มีอัตราติดเชื้ออยู่ที่ 0.13% แยกเป็นกลุ่ม Test&Go 77,026 คน ติดเชื้อ 62 ราย, แซนด์บ็อกซ์ 17,599 คน ติดเชื้อ 35 ราย,อยู่ระหว่างกักตัว(Quarantine) 4,275 คน ติดเชื้อ 34 ราย
สธ.ลงนามซื้อไฟเซอร์30ล.โดสปี65
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) แถลงหลังประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่า วันนี้มีการลงนามในสัญญาสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 30 ล้านโดส สำหรับปี 2565 ซึ่งจะนำมาเป็นบูสเตอร์ โดส รวมถึงในสัญญากับผู้ผลิตมีการเปิดช่องว่า หากมีวัคซีนรุ่นที่ 2 หรือวัคซีนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีลงมาได้ ไทยสามารถจัดซื้อในล็อตดังกล่าวได้ทันที และการลงนามจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) 5 หมื่นคอร์สหรือ 2 ล้านเม็ด เพื่อรักษาผู้ติดเชื้อ
ปรับแผนเปิดปท.เฟส2ใช้ATKตรวจ
นายอนุทินกล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯมีมติ 3 เรื่องสำคัญได้แก่ 1.การปรับแนวทางสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตามแผนเปิดประเทศระยะที่ 2 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป โดยรับผู้เดินทางไม่กักตัวตามระบบ Test and Go ใน 63 ประเทศ ที่ต้องมีเอกสารฉีดวัคซีน หลักฐานการตรวจหาเชื้อแบบอาร์ที-พีซีอาร์ (RT-PCR) ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง โดยจะปรับว่าหากเข้ามาถึงไทยแล้วสามารถตรวจด้วยแอนติเจน เทสต์ คิท (ATK) ได้เป็นระยะ ทั้งนี้ สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามสถานการณ์เพื่อปรับมาตรการ หากจำเป็นต้องผ่อนคลายก็ผ่อนคลาย ส่วนที่ต้องขันให้แน่นขึ้นก็จะขัน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในประเทศ สามารถประกอบธุรกรรมได้ปกติที่สุด
“การประชุมศบค. ชุดใหญ่ วันที่ 26 พฤศจิกายน สธ.จะเสนอมาตรการเปิดประเทศระยะที่ 2 หลังเดือนธันวาคมน่าจะมีมาตรการผ่อนคลายประเทศให้มีความสะดวกมากขึ้น เช่น ใช้ ATK มากขึ้น เมื่อเดินทางมาที่ประเทศไทยไม่ต้องตรวจแบบRT-PCR แต่ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศบค.อีกครั้ง”นายอนุทินระบุ
ยกเว้นค่าธรรมเนียมออกใบรับรอง
และว่า รื่องที่ 2.การยกเว้นค่าธรรมเนียมออกหนังสือรับรองสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เฉพาะโควิด-19 ตามเดิม 50 บาท ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ E-vaccines Passport สำหรับผู้เดินทางระหว่างประเทศวันที่ 1-31 ธันวาคม ซึ่งจัดหน่วยบริการ 120 แห่งได้แก่ กทม. จ.นนทบุรีรวม 3 แห่งคือ รพ.บางรัก ถนนสาธร สถาบันบำราศนราดูร และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) พื้นที่ระดับเขต 7 แห่งได้แก่ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเชียงใหม่ ราชบุรี สระบุรี ชลบุรี ขอนแก่น อุดรธานีและสงขลา และระดับจังหวัด 110 แห่ง ที่ผ่านมาผู้รับบริการกว่า 9 หมื่นคน จึงให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ซื้อยาโมลนูพิราเวียร์-แพกซ์โลวิด
3.การจัดหายารักษาโควิด-19 ซึ่งเป็นขั้นตอนปฏิบัติ โดยจะซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ที่ผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว โดยขอความเห็นชอบจัดซื้อยาแพกซ์โลวิด (PAXLOVID) จากบริษัท ไฟเซอร์ เป็นการขยายฐานการเข้าถึงยาของประชาชน โดยจัดซื้อในจำนวนเท่ากันที่ 5 หมื่นคอร์ส หรือ 2 ล้านเม็ด ใช้คอร์สละ 40 เม็ด นอกจากจะซื้อแล้ว จะให้ศึกษาวิจัยทางคลินิก โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่ม 607 เราหวังว่ายาเหล่านี้ จะมาทำให้ประชาชนปลอดภัย มีทางเลือก มั่นใจว่า แพทย์มียาที่มีสรรพคุณดีที่สุด
ขาดอีก3ล้านคนยังไม่ได้วัคซีน
นายอนุทินให้สัมภาษณหลังประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติอีกครั้งนี้ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯยังรับทราบประเด็นการฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน ปัจจุบันฉีดให้ประชาชนแล้ว 47 ล้านคน จากเป้าหมาย 50 ล้านคน แสดงให้เห็นว่ายังมีผู้ไม่ได้รับวัคซีนอีก 3 ล้านคน ซึ่งมี 2 กลุ่มคือ ผู้เข้าไม่ถึงข้อมูลว่าฉีดวัคซีนที่ใดบ้าง และยังรอวัคซีนอยู่ ดังนั้น อยากขอย้ำว่า อย่ารอ ทุกคนควรเข้ามารับวัคซีนให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ สธ.เร่งให้ทุกแห่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้ยังไม่ได้รับ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หญิงตั้งครรภ์ เด็ก และขยายการฉีดให้แรงงานต่างด้าวที่ขึ้นและยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ขณะนี้ไทยมีวัคซีนในทุกเทคโนโลยีเพียงพอกับคนไทยและคนที่อาศัยในประเทศทุกคน
มั่นใจมาตรการเข้มต่างจากยุโรป
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ยุโรปล็อกดาวน์กันหลายประเทศ สธ.ต้องเตรียมพร้อมอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มาตรการของยุโรป ไม่เหมือนไทย เช่น เรายังไม่เปิดดูฟุตบอลในสนาม 5-6 หมื่นคน อัตราการฉีดวัคซีนของเราก็สูงกว่า ดังนั้น จึงนำมาเทียบกันไม่ได้ อย่างการเข้าประเทศของเราก็เข้มข้น ทำให้มั่นใจว่า หากไม่ใช่ลักลอบเข้าเมืองอย่างไรก็ตรวจสอบเจอ เพื่อเข้าสู่การรักษา งบประมาณเราก็ไม่ต้องเสียเพราะเขามีประกันสุขภาพ แต่หากเราจะล็อกทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดเคสเลย แต่ผู้คนทำมาหากินไม่ได้ เศรษฐกิจเดินไม่ได้ มันก็ไม่ได้ เราต้องหาวิธีการที่ทุกมิติเดินไปได้ ส่วนสถานการณ์ยุโรปจะกระทบตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยหรือไม่ ยอมรับว่าก็ต้องมีผลระดับหนึ่ง เนื่องจากเขาไม่ให้คนของเขาเข้าออก แต่ของเราเปิดให้คนเข้ามาประเทศเรา ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เราวางไว้ ก็เข้ามาได้
ผับบาร์เปิดได้ถ้าผ่านโควิดฟรีเซ็ตติ้ง
เมื่อถามถึงการผ่อนคลายให้ผับบาร์ คาราโอเกะ หลังผู้ประกอบการเรียกร้องให้เปิดวันที่ 1 ธันวาคม นายอนุทินกล่าวว่า เราขอให้ดำเนินการมาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง ให้ผู้ประกอบการฉีดวัคซีนให้พนักงาน ตรวจสอบลูกค้าต้องฉีดวัคซีนให้ครบโดสก่อนเข้าร้าน หากทำกันได้ แสดงให้เห็นว่าทำได้ เราก็พร้อมผ่อนคลาย แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่ไปร้านที่ไหนยังเห็นคนไม่ฉีดวัคซีน หากพนักงานไม่ฉีดวัคซีนถือว่าน่ากลัวมาก เป็นสิ่งที่ตนขอให้กรมควบคุมโรค กรมอนามัย เร่งทำความเข้าใจให้มีมาตรการตรงนี้ให้เข้มข้นที่สุด มิฉะนั้นจะขยับลำบาก
นายกฯห่วงคลัสเตอร์สถานบันเทิง
ถามต่อถึงกรณีนายกฯกังวลสถานบันเทิงมีคลัสเตอร์สถานบันเทิงเกิดขึ้น นายอนุทินกล่าวว่า นายกฯกังวลมาก ทั้งเรื่องความเสี่ยงติดเชื้อ เรื่องทำมาหากิน และสั่งการมาตลอด ให้ทำนู้นทำนี้ มียาอะไรดีๆก็บอกให้เร่งจัดหาให้ได้ และวันนี้พึ่งมาการเซ็นสัญญาซื้อวัคซีน และ ยา เพิ่มเข้ามา ทำให้เกิดความมั่นใจแก่ผู้มีอำนาจในรัฐบาลตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ประชาชนจะได้กลับมาทำมาหากิน
ซัดพวกแหกกฎสร้างความวิบัติ
ส่วนกรณีที่มีข่าวสถานบันเทิงแอบเปิดใจกลางเมืองกรุงนั้น นายอนุทินกล่าวว่าทุกครั้งที่มีคลัสเตอร์ มีการระบาดใหญ่ หรือมีความสูญเสีย ส่วนใหญ่มาจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย ลับลอบกระทำในสิ่งที่รัฐได้พยายามขอร้องให้ปฏิบัติตาม ตรงนี้เป็นเรื่องสำนึก และสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องเร่งไปจัดการให้เรียบร้อย ถ้าผู้คนร่วมมือเหมือนช่วงนี้ของปีก่อน ประเทศไทยเราไม่มีผู้ติดเชื้อ และตายมาตั้ง 6 เดือน พอมีการทำผิดกฎหมาย เสี่ยงกฎหมายเมื่อไหร่ ความวิบัติก็ตามมา รัฐพยายามให้มีมาตรการทุกเรื่องเพื่อความสะดวก แต่ถ้ามีคนทำนอกมาตรการ ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดายโอกาส เกิดเหตุอะไรขึ้นมา ก็ต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นไป เพื่อแลกกับความปลอดภัย เราพยายามทำให้ดีที่สุด
ชงเข้าปท.ทางเรือ-ทางบกได้
ขณะที่นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องการเปิดประเทศระยะที่ 2 ที่จะเสนอเข้าศบค.วันที่ 26 พฤศจิกายน เป็นไปตามที่รมว.สาธารณสุขระบุ หลักๆคือจะเปิดช่องทางการเข้าประเทศมากขึ้น เพราะดูข้อมูลแล้วว่าอัตราติดเชื้อในคนที่เข้ามาในประเทศระยะแรกค่อนข้างน้อย เช่น คนที่เข้ามาตามระบบ Test & Go ติดเชื้ออยู่ที่ 0.08% เป็นไปตามแผนที่นายกฯกำหนดไว้ ดังนั้น 1. จะเสนอเปิดช่องทางการเข้าประเทศมากขึ้น เดิมอนุญาตให้เข้ามาเฉพาะทางอากาศเท่านั้น จะเปิดเพิ่มทางเรือและทางบก แต่ก็ไม่ใช่เปิดด่านบกทั้งหมดทั่วประเทศ จะเลือกเฉพาะด่านที่ปลอดภัย เป็นการนำร่องก่อน 2. มีข้อจำกัดน้อยลง แต่ต้องเข้มข้นเรื่องฉีดวัคซีน และการตรวจหาเชื้อทางห้องปฎิบัติการ
เข้มเงื่อนไขฉีดวัคซีนครบโดส
ส่วนรายชื่อประเทศที่จะเข้ามานั้น ที่ประชุม ศบค.ก่อนนี้มอบให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้พิจารณา แต่แนวโน้มไม่น่าจะประกาศลดประเทศเดิมที่เราอนุญาตไปก่อนหน้านี้ เพราะดูประเทศก็เป็นเพียงต้นทาง ไม่สำคัญเท่าคนที่เข้ามาคือ ต้องฉีดวัคซีนครบทุกคน ยกเว้นเด็กที่ฉีดไม่ได้ ก่อนเข้าต้องตรวจ RT-PCR ในระยะ 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และเมื่อเข้ามาแล้วเดิมเรากำหนดว่าให้ตรวจ RT-PCR ซ้ำ ก็อาจปรับเป็นการตรวจ ATK แทน และมากำหนดว่าระหว่างนี้จะให้อยู่รอที่ไหน ใครจะรับผิดชอบเรื่องอะไรบ้าง ดังนั้น ต้องวางระบบให้ดีก่อน
โมเดอร์นามาชัวร์1.38ล้านโดส27พ.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กองค์การเภสัชกรรม (อภ.)ประกาศความคืบหน้าการนำเข้าโมเดอร์นา ของบริษัท ซิลลิค ฟาร์มามาถึงไทยอีก 1,382,500 โดส วันที่ 27 พฤศจิกายนว่า อภ.ติดตามความคืบหน้าการส่งมอบวัคซีนโมเดอร์นามาต่อเนื่อง และล่าสุดได้รับแจ้งจาก บริษัท ซิลลิคฯว่า โมเดอร์นาล็อตที่มาจากแหล่งผลิตของสหรัฐฯจะมาถึงไทย 1,382,500โดส วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน เวลา 16.45 น. โดยสายการบิน China Airlines เที่ยวบิน CI 0835เส้นทาง ไทเป-กรุงเทพมหานคร รวมวัคซีนที่นำเข้ามาแล้ว 1,942,700โดส
นายกฯกระตุ้นอย่ารอ/รีบฉีดวัคซีน
ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างเป็นประธานพิธีมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี”ว่า ขอความร่วมมือประชาชนฉีดวัคซีน ให้ครบ ขออย่ารอ อย่าเลือกเพราะมีวัคซีนเพียงพอแล้ว และเป็นวัคซีนที่ผ่านการรับรอง ทั้งจากองค์การอนามัยโลก และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่วนตัวนายกฯฉีดครบแล้ว แต่มีบางคนยังไม่ยอมฉีด จึงขอให้ทุกจังหวัดจัดชุดเคลื่อนที่เข้าบริการฉีดวัคซีน ในพื้นที่ที่เป็นคลัสเตอร์ต่าง ๆ เพราะ การดำเนินการต่างๆ จะไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าเกิดระบาดขึ้นมาใหม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี