4อำเภอท่วมหนัก-ถนนถูกตัดขาด
ชุมพรอ่วมรอบ3
‘สุราษฎร์ธานี’ฝายแตก
ปภ.เตือน14จว.ภาคใต้
ระวังน้ำหลาก/ดินถล่ม
ปภ.แจ้งให้จ.เพชรบุรี-ประจวบฯ และ 12 จังหวัดภาคใต้เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินถล่ม 26-30 พฤศจิกายนนี้ส่วนชุมพร อ่วม! น้ำท่วมระลอก 3 ในรอบเดือน เสียหายหนัก ขณะที่สุราษฎร์ธานี ฝนถล่มฝายกั้นน้ำพังทลาย เร่งอพยพผู้ประสบภัย เตือนระวังดินถล่ม เหตุอุ้มน้ำเต็มที่แล้ว ด้านกทม.สั่ง 11 ชุมชน จับตาน้ำทะเลหนุน
เมื่อวันที่ 25พฤศจิกายน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) รับแจ้งจากศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าพื้นที่ภาคใต้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ว่าได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์กรมหาชน) พบว่าพื้นที่ จ.เพชรบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ 12 จังหวัดภาคใต้ ยังมีฝนตกต่อเนื่อง จึงเน้นย้ำให้เฝ้าระวังสถานการณ์ภัย ช่วงวันที่ 26-30 พฤศจิกายน 2564 ดังนี้ 1.พื้นที่เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินถล่ม ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง ตรัง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
2.พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำในภาคกลาง ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ ระนอง ภูเก็ต ตรังและนราธิวาส และ 3.เฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพรสุราษฎร์ธานีนครศรีธรรมราชสงขลายะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยประสานจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เตรียมเครื่องมือ เครื่องจักร และทีมปฏิบัติการเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทันที
ด้าน น.ส.พะเยาว์ เมืองงาม ผอ.ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกกล่าวว่า ได้ออกประกาศฉบับที่7 (44/2564) เรื่อง คลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยและมีฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก โดยบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ส่งผลให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ในช่วงวันที่ 25-26 พฤศจิกายนนี้ บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ มีฝนหนักมากบางแห่งขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง ส่วนอ่าวไทยคลื่นลมค่อนข้างแรง ทะเลมีคลื่นสูง 2 เมตร บริเวณที่ฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ที่ จ.ชุมพร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดน้ำท่วมระลอก 3 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ภายหลังฝนตกหนักจนเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมโดยเฉพาะ อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน อ.พะโต๊ะ และ อ.ละแม โดยน้ำท่วมเป็นวงกว้างส่งผลให้ถนนสายต่างๆ ตามหมู่บ้าน และตำบล รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ ถนนสายหลักเลียบชายฝั่งทะเลจาก อ.หลังสวน ไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี หลายจุดเกิดน้ำท่วมจนไม่สามารถใช้เส้นทางได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย เคลื่อนย้ายผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ออกจากพื้นที่ไปในจุดที่ปลอดภัย ขณะที่ฝนยังคงตกต่อเนื่อง คาดว่าน้ำในแม่น้ำสายหลักต่างๆ จะมีปริมาณสูงขึ้นและเอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ จ.ชุมพร ถูกน้ำท่วมไปแล้ว 2 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในพื้นที่ 7 อำเภอ ส่งผลให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนกว่า 20,000 ราย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ส่วนที่อยู่อาศัย สิ่งสาธารณูปโภค และพื้นที่การเกษตร เสียหายเป็นจำนวนมาก
นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รอง ผวจ.ปฏิบัติราชการแทน ผวจ.ชุมพร ออกประกาศด่วนแจ้งเตือนภัยให้ผู้ที่อาศัยในพื้นที่อ.หลังสวน อ.ละแม อ.ทุ่งตะโก และอ.พะโต๊ะ เฝ้าระรังน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน โดยผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงขอให้ขนย้ายทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยงและอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย นอกจากนี้ได้ออกโทรสารด่วนที่สุดถึงนายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนทองถิ่น ให้แจ้งเตือนสถานการณ์อุทกภัยแก่ประชาชน และปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไปอยู่ในที่ปลอดภัยตามที่กำหนดไว้
ส่วนที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก จนฝายกั้นน้ำห้วยมอด หมู่ 6 ต.คันธุลี อ.ท่าชนะ พังทลาย น้ำไหลทะลักท่วมพื้นที่ และไหลลงสู่ที่ราบริมทะเล ประกอบกับฝนที่ตกหนัก ส่งผลให้น้ำท่วมเป็นวงกว้างในเขตเทศบาล ต.ท่าชนะ ระดับน้ำสูงประมาณ 50-80 เซนติเมตร โดยทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานี ต้องประกาศให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังสถานการณ์เนื่องจากขณะนี้ดินได้อุ้มน้ำเต็มที่แล้ว อาจจะเกิดดินโคลนถล่มได้ พร้อมกับเข้าติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เร่งระบายน้ำลงสู่ทะเล
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง และฝ่ายปกครอง ยังคงเร่งค้นหาตัว นายสุเมธ ชูชอบ อายุ 38 ปี ชาวบ้านหมู่ 7 ต.ปากหมาก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ที่ออกหาปลากับเพื่อน 6 คน ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แล้วถูกกระแสน้ำพัดจมน้ำหายไป บริเวณบ้านโตนเรือบิน หมู่ 7 ต.ปากหมาก อ.ไชยา แต่ตลอดช่วง 2 วันที่ผ่านมา ก็ยังไม่พบผู้สูญหายรายนี้แต่อย่างใด
อีกด้านหนึ่ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยว่า ตามประกาศกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือเรื่อง สภาวะระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ , ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ และพื้นที่ใกล้เคียง ช่วงวันที่ 28 พฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา อาจสูงขึ้น จึงขอให้ชุมชนนอกคันกั้นน้ำ 11 ชุมชน 239 ครัวเรือน ใน 7 เขต ประกอบด้วย ดุสิต พระนคร สัมพันธวงศ์ บางคอแหลม ยานนาวา บางกอกน้อย และคลองสาน เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี