ศบค.ยังไม่ปลดล็อกผับ-บาร์
ห่วงปีใหม่พัง
ซ้ำรอยระบาดหนักปีที่แล้ว
พร้อมประกาศศักยภาพประเทศ
ร้านร่วมมืออาจเปิดเร็วกว่า15ม.ค.
นายกฯสั่งจับตาเชื้อกลายพันธุ์
ห้ามเดินทางไปปท.เจอระบาด
ไทยติดโควิด6.5พัน/ดับ64ศพ
ศบค.ไฟเขียวต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักรถึง 31 มกราคม 2565 ยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) -ไม่มีเคอร์ฟิวทั่วประเทศเริ่ม 1 ธันวาคม ดับฝัน “ผับ-บาร์-คาราโอเกะ” ยังปิดยาว ให้เวลาเตรียมพร้อม “โควิด ฟรี เซตติ้ง”ก่อนดีเดย์ 1 ธันวาคม ส่งทีมตรวจประเมินมาตรฐาน ใครผ่านอาจได้เปิดก่อนกำหนดเดิม 16 มกราคม 2565 โฆษก ศบค.แจงที่ประชุมห่วงสถานบันเทิงยังเสี่ยงสูง หวั่นทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหญ่ลามทั่วปท.อดฉลองปีใหม่ นายกฯย้ำทุกกิจกรรมกิจการต้องผ่านมาตรฐานโควิด ฟรี เซตติ้ง ยันเยียวยาผู้ประกอบการ ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ จี้สธ.จับตาโควิดกลายพันธุ์ที่แอฟริกา ห้ามเดินทางไปปท.ที่เชื้อกลายพันธุ์ “หมออุดม” ห่วงธันวาคมมีหลายเทศกาล เสี่ยงยอดพุ่ง ซ้ำรอยยุโรปที่กลับมาระบาดหนักอีก เตือนสติคนไทยฉีดวัคซีนแล้วยังต้องยกการ์ดสูง ส่วนผู้ติดเชื้อรายวันของไทยอยู่ที่ 6,559 ตาย 64 ราย
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมศุนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) หรือศบค. ชุดใหญ่ มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.เป็นประธาน
ไทยติดเชื้อรายวันทรงตัว5,768คน
หลังประชุม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงว่า สถานการณ์ระบาดโควิด – 19 ในประเทศไทยรายวัน พบผู้ติดเชื้อใหม่ 6,559 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 5,768 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 5,543 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 225 ราย มาจากเรือนจำ 752 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 39 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,094,886 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 6,875 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,993,964 ราย อยู่ระหว่างรักษา 80,277 ราย
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 26 พฤศจิกายน ได้แก่ กทม. 609 ราย สงขลา 457 ราย นครศรีธรรมราช 457 ราย สุราษฎร์ธานี 287 ราย สมุทรปราการ 214 ราย ปัตตานี 203 ราย ชลบุรี 202 ราย เชียงใหม่ 193 ราย ภูเก็ต 128 ราย พัทลุง 115 ราย
ตาย64คน-ฉีดวัคซีนแล้ว90.7ล้านโดส
เช่นเดียวกับ ผู้ป่วยอาการหนัก 1,440 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 341 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 64 ราย เป็นชาย 29 ราย หญิง 35 ราย เป็นผู้เสียชีวิตอายุ 60 ปีขึ้นไป 42 ราย มีโรคเรื้อรัง 21 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และเชียงใหม่ จังหวัดละ 8 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 20,645 ราย
ส่วนยอดผู้ได้วัคซีนของไทยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนฉีดวัคซีนเพิ่ม 266,114 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ทั้งสิ้น 90,735,069 โดส ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 260,279,922 ราย เสียชีวิตสะสม 5,198,905 ราย
ต่อพรก.ฉุกเฉินถึงมค.65เลิกจว.แดงเข้ม
นพ.ทวีศิลป์ยังแถลงผลประชุม ศบค.ที่เห็นชอบขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครั้งที่ 15 ออกไปอีก ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 31 มกราคม 2565 พร้อมทั้งเห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ จากเดิมที่มีพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 6 จังหวัด เหลือเป็น 0 จังหวัด ทำให้ขณะนี้ไม่มีพื้นที่ใดประกาศใช้ข้อกำหนดที่ห้ามออกนอกเคหสถานแล้ว ขณะที่พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) จาก 39 จังหวัด ปรับเป็น 23 จังหวัด พื้นที่ควบคุม (สีส้ม)มี 23 จังหวัดเหมือนเดิม พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 5 จังหวัด ปรับเป็น 24 จังหวัด พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) จาก 4 จังหวัด ปรับเป็น 7 จังหวัด ได้แก่ กทม. กระบี่ ภูเก็ต พังงา โดยเพิ่มขึ้นมา 3 จังหวัดคือ กาญจนบุรี นนทบุรี ปทุมธานี
ผับบาร์ยังเสี่ยงผวาซ้ำรอยเลื่อนเปิดยาว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า จากนั้นที่ประชุมได้หารือถึงมาตรการสำหรับสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ เนื่องจากการประชุมวันที่ 12 พฤศจิกายน มีมติให้เปิดบริการได้วันที่ 16 มกราคม 2565 แต่ผู้ประกอบการยื่นหนังสือขอให้เปิดดำเนินการเร็วขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้นิ่งเฉย เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.)ได้นำมาหารือในที่ประชุม
“ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า หากเปิดจะมีความเสี่ยงหลายประการ ทั้งเรื่องถ่ายเทอากาศ เรื่องพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องถอดหน้ากากอนามัย เวลาดื่มแอลกอฮอล์การครองสติอาจมีปัญหา อีกทั้ง จะอยู่ในสถานประกอบการเป็นเวลานาน ที่ผ่านมามีคลัสเตอร์ใหญ่ เกี่ยวกับสถานบันเทิงไม่ต่ำกว่า 2 คลัสเตอร์ ปีที่แล้วไทยพลาดการฉลองปีใหม่ เพราะติดเชื้อใหญ่ก่อนเทศกาลปีใหม่ไม่นาน ทำให้ภาพลักษณ์การส่งเสริมท่องเที่ยวขาดช่วงไป” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
หวังได้ฉลองปีใหม่ประกาศศักดาปท.
และย้ำว่า ดังนั้น ต้องทำให้เห็นถึงมาตรการควบคุมโรคที่เป็นการประกาศศักดา ประกาศศักยภาพของประเทศ การใช้เทศกาลฉลองปีใหม่ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ประชุมจึงเห็นชอบว่าขอให้ดำเนินการตามแผนงานที่กำหนดไว้เดิม โดยตัดเรื่องวันที่ 16 มกราคม 2565 ออกไป เพราะถ้าผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเต็มที่อาจเปิดเร็วได้กว่าวันดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ภาพลักษณ์ของไทยช่วงปีใหม่สำคัญสูงมาก ถ้าเราช่วยประคับประคอง ดูแลกัน แล้วทำให้การฉลองปีใหม่เกิดเป็นภาพระดับประเทศดำเนินการตรงนั้นได้ จะส่งเสริมอีกหลายธุรกิจ อีกหลายด้าน ที่ทำให้ไทยมีชื่อชั้นว่ามีศักยภาพป้องกันโรคได้อย่างดี
1ธค.ส่งทีมประเมินให้เปิดเมื่อพร้อม
นพ.ทวีศิลป์ยังให้รายละเอียดมาตรการตรวจสอบสถานบันเทิงอีกว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ให้สถานประกอบการเตรียมความพร้อม โดยปรับปรุงสภาพแวดล้อมและมอบให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จัดทำทีมประเมินสถานบันเทิงและซักซ้อมความเข้าใจมาตรการที่กำหนด ให้พิจารณาเปิดดำเนินการเมื่อพร้อมในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว พื้นที่เฝ้าระวังสูง พื้นที่เฝ้าระวัง
ขายเหล้าได้ถึง5ทุ่ม-งดโอเกะ-เต้นรำ
ทั้งนี้ การเปิดบริการกำหนดให้จำหน่ายสุราได้ถึง 23.00 น. เปิดบริการได้ถึง 24.00 น. แต่ให้งดกิจกรรมคาราโอเกะ งดพื้นที่เต้นรำส่วนกลาง งดบริการเครื่องดื่มที่ใช้แก้วร่วมกัน งดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ต้องยกระดับโควิดฟรีเซตติ้ง นักร้อง พนักงานต้องฉีดวัคซีนครบเกณฑ์ ตรวจคัดกรองพนักงานทุกคนด้วย ATK ทุก 3 วัน ลูกค้าต้องแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนและตรวจ ATK ด้วยตัวเองก่อนเข้าบริการ สถานประกอบการต้องลงทะเบียนประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์มไทยสตอปโควิด 2พลัส ควบคุม กำกับ ให้พนักงานตนเองผ่านไทยเซฟไทย
ชี้ใครอยากเปิดต้องผ่านโควิดฟรีเซตติ้ง
โฆษก ศบค.ยังย้ำว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุขระบุถึงมาตรการสำหรับสถานประกอบการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่อยากเปิดต้องมีเรื่องของโควิดฟรีเซตติ้ง เน้นเรื่องบุคคล ลูกค้า และสิ่งแวดล้อม จึงฝากผู้ประกอบ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่มีเวลาเตรียมตัวให้พร้อม ถ้าตอบคำถามกับคณะที่ปรึกษาหรือกับกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโควิดในกิจกรรมที่เสี่ยงสูง ก็มั่นใจได้ว่ากิจกรรมเหล่านี้จะได้กลับมา
สั่งก.แรงงานสำรวจคนได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการที่ยังไม่สามารถเปิดได้ นายกฯให้กระทรวงแรงงานไปสำรวจทั้งนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงแรงงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดูแลเรื่องการเยียวยาต่อไป โดยบ่ายวันเดียวกัน กระทรวงแรงงาน พร้อมกับสภาพัฒน์ฯ จะหารือกับตัวแทนผู้รับได้รับผลกระทบ
นทท.เทสแอนด์โกใช้ATKตรวจได้
ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาปรับมาตรการ ป้องกันควบคุมโควิด-19 สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร หลังมีนโยบายให้มีแซนด์บ็อกซ์รองรับคนที่เดินทางเข้าประเทศนั้น นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า
ผลการดำเนินงาน พบผู้ที่เดินทางเข้าโปรแกรมเทสแอนด์โก เข้ามาแล้วไม่ต้องกักตัว และเดินทางต่อไปได้ มีการติดเชื้อน้อยมาก ค่าเฉลี่ย 0.08% จากจำนวนคนเดินทางเข้ากว่าแสนคน ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศตามโปรแกรมเทสแอนด์โก ตรวจหาเชื้อโควิดด้วย ATK หากผลเป็นลบออกเดินทางได้เลย เพราะบุคคลเหล่านี้ตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ก่อนเดินทางมาแล้ว 72 ชั่วโมง หากมาตรวจ RT-PCR ซ้ำอีกทำให้เสียเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือบางกรณีอาจต้องพัก 1 คืนเพื่อรอผล
เข้าปท.ทางบกได้นำร่องด่านหนองคาย
นอกจากนี้ สำหรับช่องทางการเดินทางเข้าประเทศไทย จากเดิมที่เดินทางเข้ามาทางอากาศเท่านั้น ที่ประชุมศบค. เพิ่มช่องทางบกและทางเรือ โดยทางบกนำร่องที่ด่านหนองคาย เริ่มวันที่ 24 ธันวาคม ส่วนทางเรือ มีข้อกำหนดเพิ่มเติมว่าต้องฉีดวัคซีน ผ่านการลงทะเบียน ผ่านการตรวจ RT-PCR 1 ครั้งบนเรือ ซึ่งจะเพิ่มนักท่องเที่ยวได้ การพำนักในแซนด์บ็อกซ์ลดเหลือ 5 วันจากเดิม 7 วัน ส่วนการกักตัวในสถานที่กักตัวนั้น จากเดิม 10-14 วัน เหลือ 5-7 วัน ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีที่จะเดินทางเข้ามา ไม่ต้องมีผลการตรวจ RT-PCR แต่ต้องมีผู้ปกครองที่มีผลตรวจ RT-PCR ไม่พบเชื้อ อนุญาตให้มาเป็นครอบครัวได้ นอกจากนี้ หากมีการตรวจด้วย RT-PCR โดยสถานพยาบาลที่กำหนดและผลเป็นลบสามารถเดินทางต่อได้ ทั้งนี้ เพื่อเรียกนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องการเดินทางมาและเที่ยวได้ทันที
ฟรีค่าธรรมเนียมวัคซีนพาสปอร์ต
นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวถึงกรณีคนไทยที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ ในเรื่องขอวัคซีนพาสปอร์ตนั้น ถึงแม้รูปแบบเอกสารรับรองวัคซีน ที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ดำเนินการได้โดยใช้แอปพลิเคชั่น หมอพร้อม เมื่อกรอกข้อความสำคัญเรียบร้อยแล้วจะออกมาเป็นเอกสารสีเขียวที่อยู่ในมือถือได้เลย ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับประเทศปลายทางว่าเขารับเอกสารรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์นี้ด้วยหรือไม่ และผอ.ศบค.ย้ำว่าเดิมต้องมีค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันมอบนโยบายว่าขอให้เป็นของขวัญปีใหม่ ให้ฟรีไปเลย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนไทยที่จะเดินทางออกไปต่างประเทศ
เปิด5จว.กักตัวแรงงานต่างด้าว4.24แสนคน
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานนำข้อมูลจับแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย มารายงาน และย้ำนโยบายของนายกฯที่ให้นำแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบเอ็มโอยูถูกกฎหมาย เพื่อตอบสนองความต้องการ โดยรมว.แรงงานเสนอเป้าหมายของแรงงานที่ไทยต้องการคือ 424,703 คน ขณะนี้เปิดสถานที่ที่จะใช้เป็นที่กักตัวเอาไว้แล้วใน 5 จังหวัด ตาก ระนอง หนองคาย มุกดาหาร สระแก้ว เป็นด่านยอดนิยมที่มีการเดินทางผ่านขณะนี้ รวมทั้งเสนอผลดำเนินงาน ซึ่งได้หารือกับประเทศต้นทางอย่าง ลาว กัมพูชา เมียนมาแล้วและเห็นสอดคล้องกัน ระหว่างสองประเทศ และจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป ดังนั้น ผู้ประกอบการ และคนพี่ลักลอบเข้าเมืองมา ขอบอกว่าไม่ต้องทำแล้ว เพราะจากนี้จะเข้าเมืองถูกกฎหมายกว่า 4 แสนคน มาแล้วปลอดโรคปลอดภัยมาช่วยทำงานในประเทศ ดังนั้น ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปลักลอบ 4 แสนกว่าคนนี้ จะคุ้มต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยคนประเทศเพื่อนบ้านที่มาใช้แรงงานในประเทศไทย
นายกฯไม่อยากเห็นระบาดก่อนปีใหม่
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ศบค.ชุดใหญ่ว่า การประชุมวันนี้มีมาตรการพอสมควรโดยเน้นมาตรการโควิด ฟรี เซตติ้งทุกที่ ทุกจุด ทุกกิจกรรม ต้องใช้มาตรฐานนี้ให้ได้ ซึ่งเราเน้นเรื่องฉีดวัคซีนให้ครบทั้งผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะโรงแรม ที่พัก สถานประกอบการ สถานบันเทิง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ เมื่อไหร่ที่พร้อมค่อยว่ากันอีกที ต้องเห็นใจด้วยว่ามาตรฐานสาธารณสุขนั้นสำคัญ เราต้องการให้เทศกาลปีใหม่ของเราเป็นปีใหม่ที่มีความสุข ไม่อยากเห็นการระบาดช่วงก่อนปีใหม่ ขอให้เข้าใจ จึงเป็นมติจากการหารือในที่ประชุม
ห้ามเดินทางไปปท.มีเชื้อกลายพันธุ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการรายงานเรื่องสายพันธุ์ของเชื้อสายพันธุ์ยุโรปหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนรับทราบแล้ว และติดตามกันอยู่แล้ว ซึ่งกรมควบคุมโรคกำลังดูอยู่ ตนเน้นเรื่องการกลายพันธุ์ในเชื้อสายพันธุ์แอฟริกา และเชื้ออื่นว่าต้องมีมาตรการอย่างไร การเดินทางไปในประเทศเหล่านี้ก็ต้องห้ามโดยเด็ดขาด เพื่อจะไม่นำเชื้อมาติด โดยเฉพาะสายพันธุ์แอฟริกามีการกลายพันธุ์ไปมากพอสมควร ดังนั้น ต้องระวังในกลุ่มประเทศเหล่านี้ นอกจากนี้ นายกฯยังย้ำเรื่องวัคซีนสิ่งสำคัญคือ ต้องรณรงค์ให้คนมาฉีดวัคซีนกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้ทำระบบหมอพร้อม ที่ทุกคนจะบันทึกข้อมูลของตัวเอง ใช้แสดงก่อนเข้าใช้บริการกิจการ กิจกรรมต่างๆว่าฉีดวัคซีนครบหรือยัง แล้วจึงไปพบกับมาตรการในพื้นที่ ทั้งตรวจ ATK หรือ RT-PCR หรือตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัดจะกำหนด
แบล็คลิสต์ผับแหกกฎ-คาดโทษตร.
ถามต่อว่า มีการพบการเปิดสถานบันเทิงใกล้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายกฯกล่าวว่า ตนได้กวดขัน สั่งการตร.ไปแล้ว ต้องตรวจและปิดให้หมด สถานบันเทิงเหล่านี้ก็ขึ้นบัญชีเอาไว้ เมื่อไหร่ที่เปิดได้ พรุ่งนี้ก็ไม่ให้เปิด และผู้รับผิดชอบพื้นที่ต้องรับผิดชอบไปด้วย มีโทษทางวินัย ตนสั่งปิดทุกวัน
ส่วนการเปิดเรียนแบบ Onsite จะเป็นภาระผู้ปกครองหรือไม่ เพราะต้องตรวจ ATK ก่อนเข้าเรียน นายกฯกล่าวว่า ต้องช่วยกันเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการดูแลตรงนี้อยู่ ก็ได้ย้ำไปแล้วเรื่องการเปิดเรียน Onsite สิ่งสำคัญที่สุดของการศึกษาคือ การพบปะกัน เมื่อมีปัญหาต้องใช้มาตรการต่างๆด้วย อะไรที่เปิดได้ก็เปิด อะไรที่ทำได้ก็ทำ ขอร้อง เพราะหลายอย่างมีผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น
รัฐพร้อมฉีดให้คนยังไม่ได้วัคซีนทางเลือก
นายกฯยังกล่าวถึงผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่องว่า ตนพยายามถามว่าการเสียชีวิตช่วงแรกเกิดจากอะไร ส่วนใหญ่พบว่าเป็นผู้ไม่ฉีดวัคซีนจึงมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อและเสียชีวิต ขออย่าเลือกเลยวัคซีน ทั้งนี้เรื่องวัคซีนทางเลือกรัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ แต่กรณีที่ไปจองเองรัฐบาลสนับสนุนให้ไม่ได้ ดังนั้น ผู้ที่ไปจองวัคซีนทางเลือกขอให้ไปฉีดวัคซีนของรัฐพร้อมให้บริการ
วิถีนิวนอร์มอลใครไม่ฉีดเดินทางลำบาก
“สิ่งสำคัญวันนี้เราจะอยู่กันอย่างไรแบบนิวนอร์มอล วันหน้าใครที่ไม่ฉีดวัคซีนจะเดินทางไปไหนไม่ได้ ไม่ใช่เป็นการจำกัดสิทธิมนุษยชน แต่ต้องปฏิบัติตามกรอบมาตรการสาธารณสุข ถ้าไม่รับผิดชอบตัวเอง ไม่ฉีดวัคซีนก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ถ้าไม่ฉีดก็จะเป็นตัวแพร่ระบาดคนอื่นก็เดือดร้อน แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ยังต้องระวัง”นายกฯกล่าว และว่า เรื่องการท่องเที่ยวมีมากขึ้น แต่ต้องดูสถิติให้รัดกุม ยืนยันเข้มงวดทุกกิจกรรมกิจการ ทุกคนต้องการให้ผ่อนคลายเร็วขึ้น ก็ต้องหามาตรการรองรับที่ปลอดภัย จึงต้องมี ศบค.ที่หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเห็นชอบมาตรการต่างๆ”นายกฯระบุ
ยันรบ.พร้อมเยียวยาผับ-บาร์
และชี้แจงกรณีผู้ประกอบการและสถานบันเทิงที่ยังเปิดไม่ได้ ซึ่งตนสั่งให้พิจารณาดูแล้ว ทางการแพทย์มองว่ายังมีปัญหาอยู่ และเกรงว่าปีใหม่จะเกิดปัญหาอีก คนจะไม่มีความสุขอีก ถ้ายังทำมาตรการ มาตรฐานได้ไม่ครบในสถานประกอบการยังต้องขยับไปก่อน แต่จะพยายามทำให้ได้เร็วที่สุด ดังนั้น สถานประกอบการก็ต้องฟังและทำมาตรฐานตัวเองให้ครบ ซึ่งวันนี้มีมาตรการออกไปแล้ว ทั้งโรงแรม สถานบันเทิง ต้องยอมรับตรงนี้ ไม่อย่างนั้นมันอันตรายกับประเทศ เราเดินหน้ามาถึงวันนี้แล้วจะกลับไปถอยหลังอีกหรือ แต่รัฐบาลจะหามาตรการเยียวยาทดแทนให้ ซึ่งได้เตรียมงบประมาณดูแลกรณีที่เปิดไม่ได้จะทำอย่างไร ต้องช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการ นักแสดง นักดนตรี โดยให้กระทรวงแรงงานร่วมกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หามาตรการดูแลคนเหล่านี้ รัฐบาลก็ช่วยเป็นกลุ่มมาตลอด ขอให้เห็นใจรัฐบาลบ้างเพราะมีงบประมาณจำกัด จะทำอะไรมีผลกระทบทั้งสิ้น ถ้าทุกคนเสนอแต่ความต้องการมาอย่างเดียวแต่ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหา ก็ไม่มีอะไรที่จะทำได้ ตนรับฟังทุกคน
เปิด3จุดฉีดวัคซีนเก็บตกเข็มแรก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 47 ล้านคน จากเป้าหมาย 50 ล้านคน ยังมีผู้ไม่ได้รับวัคซีนอีก 3 ล้านคน คาดว่าจะฉีดครบ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน ทุกแห่งจะเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หญิงตั้งครรภ์ เด็ก และขยายไปถึงกลุ่มแรงงานข้ามชาติ เนื่องจากผู้ไม่ได้รับวัคซีนเสี่ยงติดเชื้ออาการหนักและเสียชีวิต ทั้งนี้ ยืนยันว่า วัคซีนทุกชนิดที่กระทรวงสาธารณสุข จัดซื้อเป็นวัคซีนที่ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลลดความเสี่ยงติดเชื้อ ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ ผู้ที่จองวัคซีนทางเลือกส่วนใหญ่จะอยู่ในกทม.จึงให้อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และอธิบดีกรมสุขภาพจิต จัดสถานที่ฉีดวัคซีน mRNA 3 แห่งคือ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ สถาบันบำราศนราดูร และโรงพยาบาลศรีธัญญา สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรก หรือผู้ที่จองซื้อวัคซีนทางเลือกไว้ ส่วนผู้ที่จองวัคซีนทางเลือกในต่างจังหวัดจะให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสำรวจ และจะจัดส่งวัคซีน mRNA ไปให้
หมออุดมห่วงธค.ยอดติดเชื้อพุ่ง
ขณะที่นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค.แสดงความเป็นห่วงกรณีมีหลายเทศกาลในเดือนธันวาคม เพราะถ้าดูสถานการณ์ทั้งโลกจะเห็นว่า ตัวเลขกำลังขึ้นมาก โดยเฉพาะในยุโรป ที่ผ่านมาสถานการณ์ของเราก็ตามยุโรป 2-3 เดือนทุกที ตนจึงคิดว่าการผ่อนปรนต้องทำแน่นอน เพียงแต่เราต้องเคร่งครัดมาตรการ ทั้งใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ไม่เช่นนั้นมันขึ้นแน่นอน เพราะขณะนี้เริ่มเข้าฤดูหนาว อากาศเย็นไวรัสจะเติบโตได้ดี และเรื่องวัคซีนเริ่มเห็นชัด ที่ยุโรปใช้วัคซีนที่ดี ครอบคลุม 70-80% ก็กลับมาใหม่ สิ่งที่อยากจะเตือน คือ พอเราได้ฉีดวัคซีนแล้วเริ่มจะสบายใจ ซึ่งในยุโรปภาพตรงนี้ชัดมาก พอฉีดวัคซีนแล้วไม่ใส่หน้ากากอนามัย ไม่เว้นระยะห่าง ต้องปรับทัศนคติตรงนี้ อย่างเช้าวันนี้ ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ของไทยเริ่มกระดกขึ้น หลังเปิดอะไรสัก 2-4 สัปดาห์ตนเชื่อว่าตัวเลขขึ้นแน่นอน แม้จะไม่มาก แต่เป็นปัญหากับการเปิดประเทศ อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนสำคัญ ต้องช่วยกันฉีด เป้าหมายฉีดเข็มแรก 50 ล้านคน ขณะนี้ฉีดไป 47 ล้านคนแล้ว เหลืออีก 3 ล้านคน และธันวาคมจะครบเข็ม 2 เพราะวัคซีนเพียงพอแน่
ผวาซ้ำรอยยุโรปอดฉลองปีใหม่
นพ.อุดมกล่าวต่อว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนว่าจะมีระบาดใหญ่ อีกทั้ง ได้ให้ข้อมูลด้วยว่า ประเทศที่ได้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า คนเจ็บป่วยรุนแรงน้อยกว่าประเทศที่ได้รับไฟเซอร์เป็นตัวหลัก ตอนนี้จึงอยากบอกว่าฉีดอะไรก็ได้ฉีดไปก่อน เราโชคดีที่มีแอสตร้าเซนเนก้าเป็นตัวหลัก หรือแม้แต่การที่เราฉีดซิโนแวคเยอะ จากข้อมูลป้องกันเจ็บป่วยรุนแรงได้แน่นอน ถือเป็นการช่วยประเทศ ช่วยให้ระบบสาธารณสุขไม่มีภาระมากเกิน ไม่เช่นนั้นเราจะมีปัญหาเรื่องเตียง
“ผมเองกังวล เพราะเราจะผ่อนคลายอะไรอีกหลายอย่าง กลัวจะไม่ได้ฉลองปีใหม่ อันนี้พูดตรงๆ ปีใหม่จะไม่ได้ฉลอง ถ้ามันขึ้นมาวูบๆ ตอนนี้ในยุโรป 4 หมื่นกว่าทุกวัน เยอรมนีก็ขึ้นมาเยอะ เราเดินตามหลังเขามา 2-3 เดือน ดังนั้น เราไม่อยากให้เกิด เราอุตส่าห์ทำดีแล้ว อย่างน้อยเราเคร่งครัดมาตรการมากกว่าเขา คงขึ้นบ้าง แต่อย่าให้ขึ้นมาก คงทำให้เศรษฐกิจเดินได้ เรื่องผ่อน นายกฯก็ยอม ผมก็พยายามดึงๆไว้บ้างว่าต้องพอเหมาะพอสม ไม่อย่างนั้นมันกลับมาใหม่ แล้วต้องล็อคดาวน์ใหม่ มันเรื่องใหญ่มาก” นพ.อุดม กล่าว
ไทยติดเชื้อใหม่ยังไม่ลดแนวโน้มไม่ดี
และว่า ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ของไทยวันนี้ไม่ได้ถือว่าลง และอย่างนี้ถือว่าไม่ดี เพราะตัวเลขมันทรงตัวอยู่ที่ 5-7 พันรายมา 2-3 สัปดาห์แล้ว แสดงว่ามันไม่ดี ถ้าดีทำไมไม่ลงไปเรื่อยๆ ยิ่งไปดูต่างประเทศที่ตอนนี้เขาขึ้นมาก ไม่มีทางที่เขาขึ้นแล้วเราจะไม่ขึ้น อย่างที่แอฟริกาที่มีเชื้อกลายพันธุ์ แปบเดียวมาฮ่องกงแล้ว เชื้อมันไปเร็ว สิ่งที่ตนพูดคือ การเตือน แต่ขออย่ากังวล
สธ.รับไหวป่วยไม่ถึง2พัน-ตายไม่เกิน20
ผู้สื่อข่าวถามว่า สรรพกำลังของสาธารณสุขเพียงพอหรือไม่ หากมีการระบาดใหม่ นพ.อุดมกล่าวว่า เรามีบทเรียน คิดว่ารองรับได้แน่ แต่ทำไมต้องไปเหนื่อยอีก หากตัวเลขไม่เกิน 5 พันราย แม้ถือว่าเยอะ แต่มันไม่เหนื่อยมาก แต่หากไปถึง 7 พันถึง 1 หมื่นราย เราเหนื่อยมาก ถ้าไปถึง 2 หมื่นรายเตียงไม่พอแน่ ภาพการเข้าถึงเตียงยาก เสียชีวิตที่บ้าน เราไม่อยากให้เกิดภาพเช่นนั้น จึงอยากให้ประชาชนดูแลตัวเอง เพราะการดูแลตัวเองเหมือนการดูแลสังคมและประเทศ ยอมรับว่า ต่อไปจนถึงกลางปี 2565 เราต้องอยู่กับโควิค แต่อยากให้ได้วันละ 1-2 พันราย เสียชีวิตไม่เกิน 20 ราย แบบนี้ไม่เหนื่อย รับได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี