สู้‘โอมิครอน’!ปรับแผนรับคนเข้าประเทศ เช็ค‘โควิด’ในไทย จำแนกทุกสายพันธุ์
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ตอนหนึ่ง (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘โอมิครอน’ลาม89ประเทศ เปิด‘คลัสเตอร์’ในไทยโยง 5 จังหวัด) ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รายงานสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิดในประเทศไทย ระหว่างเดือน เม.ย. ถึงวันที่ 19 ธ.ค. พบว่า มากที่สุดยังเป็นสายพันธุ์เดลตา 68.67% สายพันธุ์อัลฟา 29.79% เบตา 1.41% และโอมิครอน 0.13%
ทั้งนี้ หากดูเฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 11-19 ธ.ค. จะพบว่าสายพันธุ์เดลตา 96.61% สายพันธุ์โอมิครอน 3.26% และจากการสุ่มตรวจ 1,595 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบเป็นเดลตา 96.61% โอมิครอน 3.26% และหากแยกย่อยในพื้นที่ กทม.จะพบว่าเป็นเดลตา 81.1% โอมิครอน 18.3% และในส่วนภูมิภาค เป็นเดลตา 98.6% โอมิครอน 1.3%
ขณะที่จากการคาดการณ์การระบาด กรณีคนในประเทศไม่มีภูมิคุ้มกันเลย ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา 1 คน แพร่เชื้อได้ 6.5 คน สายพันธุ์โอมิครอน 1 คน แพร่เชื้อได้ 8.5 คน แต่จากข้อมูลผู้ติดเชื้อโอมิครอน ผู้ป่วยหนักและนอนโรงพยาบาลไม่สูงกว่าเดลตา โดยองค์การอนามัยโลกได้ให้ข้อมูลว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะเพิ่มภูมิคุ้มกันเชื้อโอมิครอนได้มากขึ้น สรุปแล้วสถานการณ์สายพันธุ์โอมิครอนในไทย คล้ายกับสถานการณ์โลกที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้น ผู้ติดเชื้อทุกรายในประเทศไทย ยังผูกโยงกับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดย 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อที่ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เป็นสายพันธุ์โอมิครอน
“ดังนั้นการยกระดับการบริหารจัดการนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศ ต้องมีการปรับอย่างแน่นอน โดย ศบค.ชุดเล็ก จะพิจารณา เพื่อเสนอ ผอ.ศบค.พิจารณาในที่ประชุม ศบค.ว่าจะมีการยกระดับอย่างไรบ้าง อีกทั้งเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ยังมีกรณีที่ตรวจไม่พบผลเป็นบวกก่อนเดินทาง เมื่อมาถึงไทยผลก็ยังเป็นลบ แต่เมื่อออกจากระบบวันที่ 3- 4 ถึงมีอาการ และตรวจพบผลเป็นบวก ดังนั้นการเข้าประเทศแบบ เทสต์ แอนด์ โก ต้องมีการจัดการให้ตรวจจับได้มากขึ้น อาจต้องปรับระบบไปเป็นการติดตามการตรวจแบบ RT-PCR หรือต้องกักตัวเป็นระยะเวลาเพิ่มขึ้น ส่วนจะใช้เวลาเท่าไร คงต้องติดตามมาตรการต่อไป” พญ.สุมนี กล่าว
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนในประเทศไทย ข้อมูลวันที่ 19 ธ.ค. เวลา 21.30 น. ฉีดเพิ่มได้ 94,426 โดส ทำให้มียอดรวมสะสมอยู่ที่ 100,054,961 โดส ถือว่าฉีดได้ครบ 100 ล้านโดสตามเป้าหมายที่วางไว้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี