‘สมศักดิ์’สั่ง‘ดีเอสไอ’

ล่าแก๊งขนของหนีภาษี

จากฝั่งลาววันละ3-4ตู้

มูลค่า45ล้านบาทต่อตู้

รมว.ยุติธรรม สั่งดีเอสไอเร่งล่า แก๊งขนของหนีภาษีชายแดน ผ่านชายแดนลาว เข้า มุกดาหาร-นครพนม-หนองคาย ลำเลียงวันละ3-4 ตู้ มูลค่าสินค้าประมาณ 35 ถึง 45 ล้านบาทต่อตู้ ชี้กระทบความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ทำชาติเสียหายลั่นหากเจ้าหน้าที่มีเอี่ยว ต้องฟันไม่เลี้ยง ไม่มีละเว้น

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 กระทรวงยุติธรรมได้ประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรมว.ยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว นายสหการณ์ เพ็ชรนริทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมต่างๆ และผู้บริหารเข้าร่วมการประชุม

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบขนส่งสินค้าหนีภาษีผ่านทางชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยอาศัยช่องโอกาสเกี่ยวกับข้อยกเว้นด้านศุลกากร ลักษณะเป็นการขนส่งผ่านรถบรรทุกตู้สินค้า ผ่านทางชายแดนประเทศลาวเข้าสู่ 3 จังหวัดในช่วง มุกดาหาร นครพนมและหนองคาย มีการลำเลียงประมาณวันละ 3 - 4 ตู้ มูลค่าสินค้าประมาณ 35-45 ล้านบาทต่อตู้ และมีการหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า สำแดงภาษีเท็จ ตนจึงขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อเอาผิดและจับกุมกลุ่มบุคคลดังกล่าว

“เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นการสร้างความเสียหายต่อระบบความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ และหากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายให้หนัก ไม่มีการละเว้นใครทั้งสิ้น นอกจากนี้ ยังมีการลักลอบขนแรงงานซึ่งเป็นลักษณะการค้ามนุษย์ การลักลอบทำลายทรัพยากรอันกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะพื้นที่นี้เท่านั้นแต่ขอให้ดำเนินการในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ”รมว.ยุติธรรมย้ำ

นพ.ไตรฤทธิ์ เตมหิวงษ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ทางดีเอสไอได้มีการติดตามในเรื่องนี้ ในเบื้องต้น ดีเอสไอได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร ศรภ. และกอ.รมน. เข้าตรวจค้นโรงพักสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร(โรงพักสินค้าเอกชน) แห่งหนึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นสถานที่ตรวจเก็บ หรือตรวจปล่อยของนําเข้า ของผ่านแดน ของถ่ายลําเลียง ที่ยังมิได้เสียอากร และยังอยู่ในอารักขาของศุลกากรแห่งหนึ่ง ผลการตรวจค้นพบสิ่งของต้องสงสัยหลายรายการซึ่งเป็นที่น่าเชื่อว่าของมีมูลค่าเกินพิกัดอัตราตามประกาศและอาจมีการหลีกเลี่ยงภาษีรวมมูลค่ากว่าหลายล้านบาทและได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรดำเนินการตรวจสอบอายัดสิ่งของ เพื่อทำการประเมินราคาและเรียกเก็บค่าอากรเพิ่ม และดำเนินการรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับการสำแดงการนำเข้าเพื่อสืบสวนขยายผลการกระทำผิดความผิดและตรวจทางเส้นทางการเงินต่อไป