สถานการณ์การติดเชื้อโรคโควิด-19 ปัจจุบันมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดบกรมควบคุมโรคเปิดเผยสถานการณ์โรคโควิด19 ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-14 พฤษภาคม มีผู้ป่วยสะสม 71,067ราย ผู้เสียชีวิต 19 ราย ต้องยอมรับว่า ผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมากชัดเจน แต่อัตราป่วยตายไม่ได้สูงขึ้น ข้อมูลก่อนสงกรานต์ วันที่1-10เมษายน พบผู้ป่วยประมาณ 12,505ราย หลังสงกรานต์พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 4-5หมื่นรายและข้อมูลปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 7หมื่นราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว โดยร้อยละ84 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ร่วมกับอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ปอดอักเสบ โดยสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด ยังคงเป็น XEC เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ได้ก่อโรครุนแรง แต่แพร่กระจายเชื้อได้ดี ทั้งนี้ อัตราการป่วยตายอยู่ที่0.03 สูงกว่าไข้หวัดใหญ่ จึงเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง ผู้ที่มีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจต้องสวมหน้ากากอนามัย และเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสังคม เพื่อลดการแพร่เชื้อ
เนื่องจากทั้งเชื้อโควิดและไข้หวัดใหญ่ มีการแพร่ระบาดที่สัมพันธ์กับกิจกรรมหรือการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก จึงต้องย้ำเตือนให้ดูแลป้องกันตนเองไว้ก่อน ยิ่งช่วงเทศกาลเปิดเทอมเริ่มภาคการศึกษาของสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่มีการรวมกลุ่มของนักเรียนจำนวนมาก มาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันการติดเชื้อจึงมีความสำคัญ นอกจากนี้ การแสดงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ซึ่งจัดขึ้นในฮอลล์ที่ปิดทึบ อากาศไม่ถ่ายเท หรือการฝึกทหารใหม่ของกองทัพ ที่มีกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ชิดติดกันปริมาณมากก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นมาตรการที่ใช้ได้ผลเมื่อครั้งโควิด19 ระบาดใหญ่ ได้แก่ การสวมหนากากอนามัย ฉีดฆ่าเชื้อด้วยสเปรย์แอลกอฮอล์หลังการจับต้องสัมผัสสิ่งต่างๆ จึงต้องนำกลับมาปฏิบัติอย่างเข้มข้นอีกครั้ง เพื่อป้องกันตนเองและลดการแพร่ระบาดของโรค
ศ.ดร.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง“โควิด19 หลากหลายสายพันธุ์ จึงยากที่จะป้องกันการติดเชื้อด้วยวัคซีนและimprint immunity หรือภูมิคุ้มกันที่จำไว้เดิม จะเป็นภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ดั้งเดิม”ระบุว่า โควิดไวรัส เป็นไวรัสที่มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมและเกิดความหลากหลายทางพันธุกรรมอย่างมากและรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอด แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายขึ้น แต่ลดความรุนแรงของโรคลงตามกฎเกณฑ์ของวิวัฒนาการ ระบบภูมิต้านทานที่เกิดขึ้น จากการฉีดวัคซีน หรือการติดเชื้อ จะยังคงความเดิมของสายพันธุ์เดิม หรือจำไว้เดิม เมื่อได้รับสายพันธุ์ใหม่ หรือฉีดวัคซีนสายพันธุ์ใหม่ ภูมิคุ้มกันจะไปกระตุ้นความจำเดิมimprint immunity ได้ดีกว่าสายพันธุ์ใหม่ ทั้งที่เราต้องการให้กระตุ้นสายพันธุ์ใหม่ไม่ใช่สายพันธุ์เดิม จึงเป็นเหตุผลที่ การฉีดวัคซีนซ้ำๆ หรือ การติดเชื้อซ้ำมาอีก ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นสายพันธุ์เดิมมากกว่าสายพันธุ์ใหม่ จึงทำให้ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ได้น้อยลง โดยเฉพาะจากวัคซีน อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อ หรือวัคซีนที่เคยฉีด ร่างกายจะมีหน่วยความจำระดับเซลล์ ต่อตัวไวรัสโดยเฉพาะการทำลายไวรัสในระดับเซลล์ โดยภูมิที่สร้างความจำไว้ให้กับเซลล์ โดยเฉพาะที่เกิดจากการติดเชื้อ และหรือวัคซีน ทำให้การกำจัดไวรัสหลังการติดเชื้อ ได้ดีและเร็วขึ้น จึงเป็นการลดความรุนแรงของโรคลง
ปัจจุบันแม้จะพบผู้ป่วยได้มาก แต่ส่วนใหญ่อาการจะน้อยลงและดูแลรักษาเช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจ เมื่อไม่มีอาการก็ไปโรงเรียนได้ไปทำงานได้ ไม่มีการกำหนดว่าจะต้องหยุดกี่วัน สิ่งสำคัญคือ การป้องกันด้านสุขอนามัย ด้วยการล้างมือ ใช้แอลกอฮอล์ ถ้าป่วยให้ใส่หน้ากากอนามัย เพื่อลดการแพร่กระจายของโรคและการให้ความรู้กับเด็กนักเรียนในการป้องกันโรคทางเดินหายใจ รวมทั้งโรคมือเท้าปากไปพร้อมๆกัน จึงมีความสำคัญมากกว่า
ขณะเดียวกัน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.มีความห่วงใยเรื่องติดเชื้อโควิด จึงมอบหมายให้กรมแพทย์ทหารบก กำหนดมาตรการและดำเนินการแนะนำการปฏิบัติส่วนบุคคลเเละส่วนรวมในการฝึกและการดูแลความเป็นอยู่ของทหารใหม่ แจ้งไปยังหน่วยฝึกทั่วประเทศเพื่อให้การปฏิบัติในภาพรวมเป็นไปในแนวทางเดียวกันเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและเพื่อให้การฝึกทหารใหม่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ กองทัพบกได้กำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ดังนี้ 1.สังเกตอาการทหารใหม่ หากพบอาการไอ เจ็บคอ ไข้สูง ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย มากกว่า 3นายขึ้นไป ให้รีบรายงาน 2.แจ้งหน่วยแพทย์ ติดต่อ รพ.ทบ.หรือหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบและควบคุมโรค 3.คัดกรองสุขภาพทุกวัน เช้าและเย็น ตรวจวัดอุณหภูมิ คัดกรองอาการเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ 4.แยกทหารที่มีอาการ หากพบอาการเข้าข่าย ให้แยกการรักษาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด 5.หาสาเหตุและตรวจสอบพื้นที่: เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและ6.ทำความสะอาดพื้นผิวที่หยิบจับสัมผัสบ่อยๆและนำที่นอน หมอน ผ้าห่ม มาตากแดด เพราะสุขภาพที่ดีของทหาร คือสิ่งสำคัญที่ทำให้ทุกภารกิจสำเร็จ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี