เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานพิธีเปิดสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าร่วม ณ สถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร โดยดีเอสไอได้จัดตั้งสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ (DSI Academy) ขึ้น ตั้งอยู่ที่
แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร รวมเนื้อที่ประมาณ 54 ไร่ มีอาคารทั้งหมด 12 อาคาร ประกอบด้วย (1) อาคารอำนวยการ (2) อาคารเรียนรวม (3) อาคารเฉพาะควบคุมพิเศษ (4) อาคารฝึกการยิงปืน (5) อาคารที่พักผู้เข้ารับการฝึกอบรม (6) อาคารที่พักเจ้าหน้าที่ (7) อาคารฝึกทักษะการต่อสู้ป้องกันตัว
(8) อาคารฝึกทักษะทางน้ำ (9) อาคารจอดรถ (10) อาคารจำลองการฝึกยุทธวิธี (11) อาคารหอสังเกตุการณ์ และ (12) อาคารส่วนฝึกความเชี่ยวชาญ เพื่อเป็นหน่วยงานสำหรับฝึกอบรม และพัฒนาความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญในการสืบสวนสอบสวนคดีความผิดทางอาญาที่เป็นคดีพิเศษ ให้กับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้สามารถรับมืออาชญากรรมที่มีความสลับซับซ้อนได้อย่างเต็มความสามารถ โดยได้เปิดให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและเครือข่ายฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สามารถบูรณาการการใช้พื้นที่ และฝึกอบรมในพื้นที่ รวมถึงร่วมพัฒนาบุคลากรเป็นเครือข่ายร่วมกัน ทั้งยังส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ด้วยสถาบันมีความพร้อมทั้งสถานที่และอุปกรณ์ในการฝึกอบรม จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะมีการบูรณาการเครือข่ายที่หลากหลายในอนาคต เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาหลักสูตรการสืบสวนสอบสวน สร้างหลักสูตรที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินคดีพิเศษ มุ่งเน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และทักษะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีพิเศษโดยเฉพาะ ตอบสนองเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทกระบวนการยุติธรรม ในการฝึกและพัฒนาทักษะความเชี่ยวชาญด้านการสืบสวนสอบสวน บังคับใช้กฎหมายของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมด้วย โดยได้กำหนดหลักสูตร 4 ประเภท ตามนโยบายกำหนดทิศทางการบริหารงานบุคคลของกระทรวงยุติธรรม ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดังนี้ หลักสูตรการเข้าสู่ตำแหน่ง หลักสูตรการพัฒนาความรู้ ทักษะ สำหรับผู้ปฏิบัติงาน หลักสูตรความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อการสืบสวนการสอบสวนคดีพิเศษ และหลักสูตรเพื่อพัฒนาและสนับสนุนการสืบสวนสอบสวน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เราจะต้องมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาทำงาน เพื่อความรวดเร็วในการบริการประชาชน การช่วยเหลือประชาชนต้องรวดเร็ว เข้าถึง และมีมาตรฐานเป็นไปตามหลักสากล อย่างไรก็ตามในการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ดังนั้น สถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมเปิดกว้างให้หน่วยงานต่างๆ เข้าใช้งานเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อหน่วยงานรัฐทั่วประเทศ ซึ่งในอนาคต ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษแห่งนี้ จะเป็นสถานที่ฝึกอบรมที่เป็นชั้นนำแห่งหนึ่งที่สามารถพัฒนาบุคลากรของกรมสอบสวนคดีพิเศษและบุคลากรในกระบวน การยุติธรรม ให้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการสืบสวนสอบสวน การฝึกใช้ยุทโธปกรณ์ต่างๆ และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ และเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งนโยบายรัฐบาล ในการอำนวยความยุติธรรม สร้างความผาสุกให้แก่ประชาชน และประเทศชาติต่อไป
ด้าน นายไตรยฤทธิ์ กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความมุ่งมั่น ให้สถาบันการสอบสวนคดีพิเศษเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมที่มีความพร้อมเหมาะสม เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้บังคับใช้กฎหมายทั้งในประเทศ และภูมิภาคเอเชีย ทั้งด้านองค์ความรู้ทางการสืบสวนสอบสวน ด้านอาชญาวิทยา และการพัฒนาทักษะผู้บังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ทั่วถึง ไม่เลือกปฏิบัติ และเป็นธรรม เป็นไปตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ และรัฐบาลต่อไป
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี