วันที่ 4 ธันวาคม 2564 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รายงาน ประชากรสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิ สปสช.) รายใหม่ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564
-เปลี่ยนจากสิทธิว่าง เป็น สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือ สิทธิ สปสช.) 78,541 ราย
-เปลี่ยนจากสิทธิข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ เป็น สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือ สิทธิ สปสช.) 7,791 ราย
-เปลี่ยนจากสิทธิประกันสังคม เป็น สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือ สิทธิ สปสช.) 33,557 ราย
-เปลี่ยนจากสิทธิสวัสดิการพนักงานส่วนท้องถิ่น เป็น สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือ สิทธิ สปสช.) 1,424 ราย
เปลี่ยนจากสถานะอื่น เป็น สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือ สิทธิ สปสช.) 503 ราย
รวมจำนวนประชากรผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือ สิทธิ สปสช.) รายใหม่ ทั้งหมด 174,942 ราย
4 วิธีเช็คสิทธิบัตรทอง ทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 2 เว็บไซต์ www.nhso.go.th เลือก สำหรับประชาชน เลือก ตรวจสอบสิทธิ : คลิกที่นี่ แอปพลิเคชัน สปสช. ทั้งระบบ Android และ iOS เลือก ตรวจสอบสิทธิตนเองตรวจสอบสิทธิผ่าน ไลน์ สปสช. โดยสแกน QR CODE เลือกเมนู ตรวจสอบสิทธิ
เปลี่ยนหน่วยบริการง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว ไม่ต้องรอ "สิทธิบัตรทอง" เกิดสิทธิทันที ทำได้ง่าย ๆ ผ่าน 2 ช่องทาง
1.ช่องทางที่ 1 ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันชื่อ สปสช. ทั้งระบบ Android และ iOS เลือกทำรายการ ลงทะเบียน เปลี่ยนแปลงหน่วยบริการ
2.ช่องทางที่ 2 เพิ่มเพื่อนไลน์ สปสช. (@ nhso) จากนั้นเลือกเมนู เปลี่ยนหน่วยบริการ
เปลี่ยนหน่วยบริการประจำได้ที่ไหนบ้าง หากไม่สะดวกดำเนินการผ่านสมาร์ทโฟน สามารถทำได้ดังนี้
1.ติดต่อด้วยตนเองในวันเวลาราชการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือสถานีอนามัย ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาลของรัฐ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 1 - 12
2.ระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ โทร. 1330 กด 2 ตามด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และกด # กดโทรออก
เปลี่ยนหน่วยบริการประจำใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว
1.หากที่พักอาศัยปัจจุบันตรงกับบัตรประชาชน ใช้บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง
2.เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ถ้าไม่มีบัตรประชาชนให้ใช้สูติบัตร (ใบเกิด)
เปลี่ยนหน่วยบริการกรณีที่พักไม่ตรงกับทะเบียนบ้านแค่แสดงหลักฐานเพิ่ม อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
1.หนังสือรับรองการพักอาศัยจากเจ้าบ้าน พร้อมสำเนาทะเบียนบ้าน
2.หนังสือรับรองจากผู้นำชุมชน พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้นำชุมชน
3.เอกสารหลักฐานแสดงที่ตั้งบริษัท / ห้างร้าน นายจ้าง / ผู้ว่าจ้างรับรองการพักอาศัยจริง พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้ว่าจ้าง / ผู้รับจ้าง
4.เอกสารหรือหลักฐานอื่น ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ หรือสัญญาเช่าที่มีชื่อตนเองที่แสดงว่าพักอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ
* กรณีมอบหมายให้ผู้อื่นลงทะเบียนแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
** เปลี่ยนหน่วยบริการได้ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สปสช. โทรสายด่วย 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง
"สิทธิบัตรทอง" เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่
-กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ คนไทยทุกคนไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายในการรักษา สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ในโรงพยาบาลใกล้ที่สุดทั้งรัฐและเอกชน โดยรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใน 72 ชั่วโมงแรก
6 อาการที่เข้าข่ายภาวะฉุกเฉินวิกฤติ
1.หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
2.หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง
3.ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็นหรือมีอาการชักร่วม
4.เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง
5.แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
6.มีอาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
ข้อควรปฏิบัติในการนำผู้ป่วยฉุกเฉินไปโรงพยาบาล
1.เตรียมบัตรประชาชนไปด้วย
2.เข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
3.ยื่นบัตรประชาชนของผู้ป่วย (ถ้ามี) พร้อมแจ้งขอใช้สิทธิฉุกเฉิน
4.หากโรงพยาบาลเรียกเก็บเงิน ให้ยืนยันการใช้สิทธิฉุกเฉิน โดยอ้างสิทธิตามนโยบายรัฐบาล
5.เมื่อแพทย์แจ้งว่าผู้ป่วยพ้นวิกฤติและสามารถเคลื่อนย้ายได้ ให้ประสานโรงพยาบาลตามสิทธิ เพื่อรับการรักษาต่อเนื่อง
6.หากไม่ได้รับความสะดวกในการใช้สิทธิ แจ้งเรื่องได้ที่ สปสช. สายด่วน 1330
7.สอบถามข้อมูลเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ โทรสายด่วน 1669
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี