กทม.แถลงสถานการณ์โควิด ตรวจเชิงรุกวันละ 4 พันราย อัตราติดเชื้อไม่ถึง 2% เฝ้าระวังคลัสเตอร์ชุมชน-ร้านอาหาร / ผับ-บาร์เปิดเป็นร้านอาหารต้องผ่านมาตรฐาน SHA+ TSC2+ เท่านั้น / เตรียมเตียง 1 หมื่น ยังรับได้ เน้นผู้ป่วยเข้าระบบ HI / เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 เปิด 101 จุดฉีด
เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2565 ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกของกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 การเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ในกรุงเทพมหานคร โดยมี นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ และ พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย ร่วมให้ข้อมูล การติดตามผลตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ การดำเนินการของหน่วยเชิงรุก ทั้งการตรวจหาเชื้อ การฉีดวัคซีน การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ ในโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลสนาม กทม. hospitel และการส่งตัวผู้ป่วยเข้าระบบการรักษา รวมถึงการบริหารจัดการวัคซีน แถลงผ่านระบบออนไลน์ จากห้องนพรัตน์ ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า)
ภาพรวมของกรุงเทพมหานคร เฉลี่ย 7 วัน ผู้ติดเชื้อ 647 ราย กรุงเทพมหานครดำเนินการตรวจเชิงรุกต่อเนื่อง วันละ 4,000 กว่าราย พบอัตราติดเชื้อ 1 - 2% ทั้งนี้ ไม่รวมการตรวจในโรงพยาบาล และประชาชนตรวจเองที่บ้าน ลักษณะการแพร่ระบาดขณะนี้ พบการแพร่ระบาดอยู่ในชุมชน ส่วนใหญ่จะเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ และการแพร่ระบาดในร้านอาหารที่มีการจำหน่ายเครื่องแอลกอฮอล์ โดยคลัสเตอร์ร้านอาหารสถานประกอบการ ยังไม่มาก สามารถควบคุมได้ ในส่วนของสถานประกอบการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ต้องการปรับเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร ต้องปฏิบัติตามมาตรการร้านอาหาร โดยประเมินมาตรฐาน SHA Plus (SHA+) และ Thai Stop COVID 2plus (TSC2+) เท่านั้น และต้องผ่านการตรวจจากสำนักงานเขตภายในวันที่ 15 มกราคม 2565 นอกจากนี้ ยังมีในกลุ่มแรงงานไซด์ก่อสร้างที่ยังเฝ้าระวังอยู่ ยังคงเข้มมาตรการเคร่งครัด ทั้งมาตรการ Bubble &seal มาตรการ Camp isolation
ในส่วนของเตียง ได้เตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ไว้ราว 10,000 เตียง อัตราครองเตียงขณะนี้อยู่ที่ 18.59% คือ 1,700 - 1,800 เตียง โดยจะเน้นให้ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแรงเข้าระบบ HI เป็นหลัก ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ร่วมมือกับสถานพยาบาลต่างๆ และคลินิกอบอุ่นในพื้นที่รวม 222 แห่ง สามารถรับดูแลผู้ป่วย HI ได้ร่วม 100,000 ราย ขณะนี้รับผู้ป่วยอยู่ที่ประมาณ 4,900 กว่าราย ดูแลผ่านระบบ Telemedicine นอกจากนี้โรงพยาบาลทุกแห่งยังมีระบบ HI ดูแลผู้ป่วยของโรงพยาบาลด้วย ทั้งนี้ หากมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นก็สามารถขยายเตียงได้เพิ่มถึง 20,000 - 30,000 เตียง ในส่วนของของผู้ป่วยเด็ก ซึ่งอาจมีเพิ่มขึ้นเนื่องจากยังไม่ได้รับวัคซีน ได้เตรียมความพร้อมเด็กป่วยให้อยู่ CI ร่วมกับครอบครัวที่ติดเชื้อ และมีศูนย์ CI เฉพาะเด็ก ที่ศูนย์ฯเกียกกาย โดยจะมีทีมแพทย์ 6 กลุ่มเขตดูแลเด็กที่มีอาการรุนแรง
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานครดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้ว ข้อมูล ณ วันที่ 12 มกราคม 2565 ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีผู้รับวัคซีนโควิด-19 สะสม 19,983,956 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 9,289,883 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 8,594,291 ราย เข็มที่ 3 จำนวน 1,973,271 ราย และ เข็มที่ 4 จำนวน 126,511 ราย โดยจะเน้นฉีดเข็มกระตุ้น คือ เข็มที่ 3 ทั้ง แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ กรุงเทพมหานครบริการมี 101 จุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 และเตรียมเพิ่มจุดฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลโดยร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า เช่นที่ เซ็นทรัลอีสวิลล์ ร่วมกับโรงพยาบาลนวมินทร์ และธัญญาปาร์ค ร่วมกับโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลที่มาร่วมอีก 129 แห่ง ในส่วนของเด็กอายุ 5 - 11 ปี จะมีวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กคาดว่าจะส่งมาปลายเดือนมกราคมนี้ และได้มีการเตรียมความพร้อมสำรวจเด็กนักเรียนอายุ 5 - 11 ปีไว้พร้อมแล้ว หากวัคซีนมาก็พร้อมฉีดได้ทันที
ทั้งนี้ จะมีการล็อกดาวน์ในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือไม่นั้น จะพิจารณาจากอัตราการเข้าโรงพยาบาล การครองเตียง และจำนวนผู้เสียชีวิต โดยจะเร่งการฉีดวัคซีนทั้งเข็มที่ 1 เข็มที่ 2 รวมถึงเข็มกระตุ้น เข็มที่ 3 ให้มากที่สุด ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครใช้วิธีปิดสถานที่สำคัญเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวและลดจำนวนผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด ส่วนประเด็นการให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าเมื่อพบติดเชื้ออาการไม่รุนแรง สามารถรักษาดูแลตังเองที่บ้านได้ ผ่านระบบ HI โดยไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี