ศบค.รายงานติดเชื้อใหม่ 7.1 พันราย ตาย 12 ราย พบ 14 คลัสเตอร์ร้านอาหารกึ่งผับ ดอดเปิดไม่ขออนุญาต ชี้ปัจจัยเสี่ยงแพร่เชื้อมากสุดคือสภาพแวดล้อม จับตา 20 ม.ค.ถก ‘ศบค.ชุดใหญ่’ ปรับพื้นที่สี –ผ่อนคลายกิจกรรมทั่วประเทศ ‘สถานบันเทิง’ ลุ้นหนัก
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 19 มกราคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศไทย ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,122 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,935 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,846 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 89 ราย มาจากเรือนจำ 15 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 172 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 7,460 ราย อยู่ระหว่างรักษา 81,602 ราย อาการหนัก 511 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 113 ราย
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 12 ราย เป็นชาย 6ราย หญิง 6 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 7 ราย โรคเรื้อรัง 3 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,344,933 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,241,363 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 21,968 ราย ฉีดวัคซีนวันที่ 18 ม.ค. เพิ่มขึ้น 481,828 โดส ยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 110,310,481 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 335,286,854 ราย เสียชีวิตสะสม 5,573,381 ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 820 ราย สมุทรปราการ 601 ราย ชลบุรี 506 ราย ภูเก็ต 383 ราย นนทบุรี 319 ราย ขอนแก่น 313 ราย ปทุมธานี 250 ราย สมุทรสาคร 185 ราย อุบลราชธานี 166 ราย และระยอง 156 ราย
ขณะที่ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมา “คลัสเตอร์” ที่พบการระบาดมากที่สุด ได้แก่ คลัสเตอร์ร้านอาหาร และในส่วนของสถานบันเทิง คงต้องมีการพูดคุยกันให้ชัดเจน เพราะที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่จะมีการพิจารณาว่าจะมีการผ่อนคลายหรือไม่ และจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขวันนี้รายงานว่าสถานบันเทิงกึ่งผับที่เปิดเป็นร้านอาหารมีการระบาดหลายคลัสเตอร์ ทั้งร้านมูนบาร์ จ.นนทบุรี , ร้านฮันนี่ไนท์ จ.เพชรบุรี , ร้านแสงคำ จ.อุบลราชธานี
นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่ทั่วประเทศพบการติดเชื้อในสถานบันเทิง 21 แห่ง มี 7 ร้านที่เปิดผ่านการประเมินโควิดฟรีเซ็ตติ้ง แต่ย่อหย่อนมาตรการทำให้เกิดการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ขึ้น ซึ่ง 7 ร้านดังกล่าวมีในหลายพื้นที่ อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น
ขณะที่อีก 14 ร้านเป็นการเปิดโดยไม่ได้ขออนุญาตจังหวัด อาทิ ร้านท่าช้าง ร้านเสี่ยวสันติธรรม จ.เชียงใหม่ , ร้านดาร์กบาร์ ร้านรีเพลย์กราวด์ จ.ขอนแก่น , ร้านพระราม 8 จ.พะเยา ที่ จ.ชลบุรี บุรีรัมย์ อุบลราชธานี อุดรธานี และมหาสารคาม ก็มีรายงานเข้ามา ถือเป็นการเปิดอย่างผิดกฎหมาย และแม้เป็นร้านที่เปิดในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวก็เปิดได้เพียงเวลา 21.00 น. ซึ่งที่กล่าวมานี้ไม่ได้ตำหนิแต่เป็นข้อมูลเชิงวิชาการ
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขรายงานปัจจัยติดเชื้อที่สำคัญคือเรื่องสภาพแวดล้อม ไม่จัดการระบบระบายอากาศ ไม่จำกัดเวลานั่งรับประทานอาหารในร้าน ไม่เว้นระยะห่าง ไม่จำกัดผู้ใช้บริการ รวมถึงยังพบไม่มีการคัดกรองความเสี่ยงของผู้ให้บริการ บางร้านไม่สามารถแสดงผลการฉีดวัคซีนของพนักงานได้ อีกทั้งยังไม่ได้ตรวจเอทีเค (ATK) พนักงานทุก 7 วันตามมาตรการของสาธารณสุข บางร้านตรวจสอบประวัติพนักงาน บางรายมีความเสี่ยงสูงก็ยังให้ปฏิบัติงาน และเกือบทุกร้านไม่มีผู้รับผิดชอบเฝ้าระวังการติดเชื้อในร้าน เหล่านี้คือปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อ ที่สำคัญยังพบไม่คัดกรองความเสี่ยงของผู้มารับบริการ รวมถึงไม่ได้ทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม
“ขอฝากประชาชนและผู้ประกอบการตรวจสอบข้อมูลเพื่อตัดสินใจในการเข้าใช้บริการ เหล่านี้คือข้อมูลนำเข้าให้ ศบค.ชุดใหญ่พิจารณา หากจะเปิดต้องเปิดอย่างปลอดภัย โดยการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 20 มกราคม นี้ จะมีการพิจารณาเกี่ยวกับการปรับระดับพื้นที่สี ซึ่งจะพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่มองแค่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ แต่ต้องดูความพร้อมในการรักษาพยาบาลของพื้นที่นั้นๆด้วย รวมถึงจะพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร” พญ.อภิสมัย กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี