‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ เปิดใจถูกจ้าง 4 หมื่นข้ามแดนไปปอยเปต หลอกเหยื่อโอนเงิน พบมีชาวฟิลิปปินส์-อินโด-มาเลย์ ร่วมแก๊ง เฉพาะไทยกว่า 100 ชีวิต แบ่งแผนกตุ๋นเหยื่อคดียาเสพติด-ฟอกเงิน-ปล่อยกู้ หลอกได้สูง 3 ล้านบาท/วัน
25 มกราคม 2565 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นำนายสุรศักดิ์ (นามสมมุติ) พร้อมมารดา เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรม หลังหลบหนีออกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้พื้นที่ในจังหวัดปอยเปต ประเทศกัมพูชา เป็นสำนักงาน และถูกมาเฟียจีนตามข่มขู่คุกคาม แม้จะหนีกลับมาอยู่ฝั่งไทยแล้ว โดยมีว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับเรื่องดังกล่าว
นายสุรศักดิ์(นามสมมติ) อายุ 18 ปี กล่าวว่า ช่วงต้นปี 64 ตนตกงาน จึงได้เล่นโซเชียลพบเพจหางานในปอยเปต โฆษณารับสมัครงาน โดยจะได้ค่าตอบแทน 4 หมื่นบาท ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงตัดสินใจไปทำงานเมื่อเดือน ก.ย.64 เมื่อไปถึง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว มีผู้ชายชาวไทยเดินมารับเพื่อลักลอบพาข้ามแดนผ่านทางช่องทางธรรมชาติด้านจังหวัดปอยเปต จากนั้นจึงนำไปส่งไว้ที่อาคารแห่งหนึ่งใกล้ชายแดนกัมพูชา โดยในอาคารดังกล่าวพบว่ามีคนไทยถูกหลอกมาทำงานคอลเซ็นเตอร์ประมาณ 100 ราย นอกจากนี้ยังมีชาวฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียอีกเป็นจำนวนมาก
“จะมีการจัดที่พักอาศัยให้อยู่รวมห้อง 5 คน มีอาหารให้รับประทาน 3 มื้อ มีห้องทำงานของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ จะแบ่งหน้าที่กันทำ แต่ละคนจะได้รับสมุดที่มีการบันทึกข้อมูลส่วนตัวของบุคคลที่มีรายชื่อเป็นคนไทยจำนวน 200 รายชื่อ”
ขณะที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมีผู้ทำหน้าที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ ดีเอสไอ และแบ่งแผนกชัดเจน เช่น คดียาเสพติด แผนกคดีฟอกเงิน ใช้โทรศัพท์หาเหยื่อหลอกแจ้งหมายเลขคดี หมายจับ และชื่อบุคคลที่กระทำผิด จากนั้นจะหลอกล่อเหยื่อ การสอบข้อมูล โยงว่าเกี่ยวข้องกับผู้ที่กระทำผิด โดยสร้างบรรยากาศให้เหมือนอยู่ในสถานีตำรวจ หรือสำนักงานรัฐ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อว่ากำลังคุยกับตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐจริงๆ
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ในแต่ละวันจะมีผู้หลงเชื่อโอนเงินให้วันละ 2-3 ล้านบาท เมื่อเหยื่อโอนเงินมาแล้วจะให้ผู้ถือบัตรเอทีเอ็มข้ามมากดเงินที่ อ.อรัญประเทศ ส่วนคนที่ถูกหลอกมาทำงานหากใครไม่ยอมจะถูกผู้คุมซ้อมทำร้ายร่างกาย โดยผู้ชายจะถูกขู่ส่งไปลงเรือประมงชายทะเลสีหนุ ส่วนผู้หญิงจะถูกส่งไปค้าประเวณี และหากหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากตำรวจกัมพูชาจะถูกจับส่งตัวกลับไปที่เดิม แต่หากทำงานครบ 1 เดือน โดยไม่หลบหนีจะถือว่าผ่านการทดลองงาน และได้รับอนุญาตให้ออกนอกพื้นที่ เพื่อซื้อของใช้จำเป็นเดือนละ 1 ครั้ง
“ผมอยู่ครบกำหนด เขาอนุญาตให้ออกนอกพื้นที่ จึงลักลอบแอบนำโทรศัพท์ออกมาโทรหาแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ แม่จึงติดต่อไปที่เพจสายไหมต้องรอด จากนั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่ของเพจสายไหมฯ มารับตัวกลับ”
นายสุรศักดิ์ ระบุว่า เคยมีครั้งหนึ่งมีคนไทยกู้เงินผ่านแอพของแก๊งคอลเซนเตอร์ แต่คนจีนที่เป็น “บิ๊กบอส” คุมอยู่ บอกว่าให้ผู้ชายคนนี้โอนเงินมาก่อนจึงจะให้กู้เงินตามจำนวนที่ต้องการ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินประกันมาให้ แต่ถูกหลอก จึงวีดีโอคอลกลับมาถามแก๊งนี้ พร้อมทั้งขอเงินคืน แต่ถูกหัวหน้าแก๊งด่าว่าโง่ พร้อมหัวเราะใส่ ชายคนนั้นจึงเอาปืนยิงศีรษะผ่านวีดีโอคอล สร้างความสะเทือนใจกับคนที่ทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มาก หลังจากเสร็จคดี ตนจะไม่ไปกัมพูชาอีกแล้ว และจะไปบวชอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ชายคนนี้ด้วย
ส่วนนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า ทางเพจต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปช่วยเหลือผู้ที่เหลือ ซึ่งเพจหางานในปอยเปยยังเปิดอยู่ กลัวว่าจะมีคนหลงไปเป็นเหยื่ออีก หลังจากนี้นายสุรศักดิ์ จะไปร้อง บก.ปคม. และจะนำเข้าสู่กระบวนคุ้มครองพยาน เนื่องจากถูกข่มขู่หลังออกมาแล้ว
ด้านว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า เหยื่อถูกหลอกลวงเพราะหลงเชื่อว่าจะได้ค่าตอบแทนถึงเดือนละ 4 หมื่นบาท ซึ่งเป็นการข้ามไปทำงานแบบผิดกฎหมายด้วยเพราะไม่ต้องใช้พาสปอร์ต ก็ผ่านขั้นตอนทั้งหมดตามเส้นทางธรรมชาติ โดยมีนายหน้าชาวไทยเป็นคนติดต่อก่อนส่งให้แก๊งค้ามนุษย์มาเฟียชาวจีนที่ประเทศกัมพูชา และถูกพาไปกักตัวไว้ในอาคารมีรั้วไฟฟ้าป้องกันมิดชิด หากใครไม่ทำจะถูกซ้อมทรมานจนถึงแก่ความตาย
“คดีดังกล่าวเป็นคดีที่เริ่มต้นจากไทยต่อเนื่องไปยังต่างประเทศ และยังมีคนที่หลงเชื่อถูกหลอกอีก กว่า 100 คน จากการสอบถามพบว่ามีเงินได้จากการหลอกลวงนี้ไหลเข้าบริษัทดังกล่าววันละ 2-3 ล้านบาท โดยมีนายหน้าและตัวบงการเป็นชาวจีนอยู่เบื้องหลัง จึงประสานไปยังปคม. เพื่อให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เพื่อดำเนินคดีกับแก๊งค้ามนุษย์ ส่วนกระทรวงยุติธรรมจะทำงานร่วมกับฝ่ายปกครอง ตำรวจ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ต่อไป”ว่าที่ร้อยตรีธนกฤติ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี