วันศุกร์ ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
เชือด‘ไทยเทา’! ฟันข้อหาหนัก 119 คนขายชาติ ร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เชือด‘ไทยเทา’! ฟันข้อหาหนัก 119 คนขายชาติ ร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันพุธ ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2568, 11.55 น.
Tag : ตำรวจไซเบอร์ ธัชชัยปิตะนีละบุตร บัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอปดูดเงิน ปอยเปต
  •  

เชือด‘ไทยเทา’! ฟันข้อหาหนัก 119 คนขายชาติ ร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์

5 มีนาคม 2568 พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) , พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รองผบช.สอท. , พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก สอท.1/รองโฆษก สอท. , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.หญิง สุเจตนา โสตถิพันธุ์ ผบก.ศพฐ.1 , พล.ต.ต.ฉัตรชัย นันทมงคล ผบก.ศพฐ.2 , พ.ต.อ.วราวุฒิ เจริญชล รอง ผบก.สส.ภ.2 แล ะพ.ต.อ.ชัยรัตน์ วรุณโณ รอง ผบก.สอท.2 แถลงผลคดีสำคัญในกรณีที่คนไทยถูกจับกุมโดยตำรวจกัมพูชาในการกระทำความผิดอาชญากรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ประเทศกัมพูชาแล้วส่งตัวกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568  จำนวนทั้งสิ้น 119 คน ตามความต้องการของไทยที่ พล.ต.อ.ธัชชัย ได้ไปหารือกับทางตำรวจกัมพูชา ในการร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขอทางประเทศกัมพูชาส่งตัวคนไทยให้มาลงโทษตามกฎหมายไทย


ในการจับกุมคนไทยโดยทางการกัมพูชาในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทย น.ส. แพทองธาร ชินวัตร และนายกรัฐมนตรีฮุน มาแณต ของประเทศกัมพูชา ในการร่วมมือกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราบปรามคนไทยที่ไปตั้งฐานร่วมกับชาวต่างชาติ กลุ่มทุนจีนสีเทา ในเขตประเทศกัมพูชาแล้วมาหลอกลวงคนไทย สร้างความเสียหายกับประเทศไทยและประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก

คนไทยจำนวน 119 คนได้ถูกทางการกัมพูชาจับกุมในเมืองปอยเปต เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องมาวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ทางการกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์และมีการออกข่าวหนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษ ยืนยันว่าทุกคนสมัครใจที่จะเข้าร่วมกระทำความผิด ไม่มีถูกบังคับ เมื่อถูกส่งตัวกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 ตามกฎหมาย ทั้งหมดได้ถูกนำเข้ากระบวนการคัดกรองคัดแยกเหยื่อโดยสหวิชาชีพที่จังหวัดสระแก้ว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในกรณีเช่นนี้ทางการกัมพูชาได้ส่งตัวคนไทยที่กระทำผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาประเทศไทยหลายครั้ง แต่ทางกระบวนการคัดแยกคัดกรองเหยื่อไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ว่าบุคคลเหล่านี้ได้กระทำผิดเหล่านั้นจริง เนื่องจากพยานหลักฐานต่างๆ อยู่ในประเทศกัมพูชา ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้กลับไปร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกคนไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก รวมทั้งทำให้มีคนไทยขายชาติอีกจำนวนมากได้เดินทางข้ามไปยังประเทศกัมพูชาร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นชาวต่างชาติ กลุ่มจีนเทา มาหลอกลวงคนไทยในวงกว้าง เพราะเมื่อไปทำความผิดแล้ว สามารถจะใช้ช่องทางการตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์กลับมาประเทศไทยได้โดยอิสระไม่ต้องถูกดำเนินคดี

ในการแก้ไขปัญหานี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้อนุมัติให้กำลังพลมากกว่าร้อยนายที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสืบสวนจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , ตำรวจภูธรภาค 2 และสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เข้ามาร่วมในการสืบสวนขยายผลพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีคนไทยทั้ง 119 คน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่

สำหรับการคัดแยกเหยื่อโดยสหวิชาชีพและการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ใน 119 คน มีคนที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวน 100 คน ซึ่งเป็นเด็กและเยาวชน จำนวน 4 คน อยู่ระหว่างการดำเนินการของสหวิชาชีพ และอีก 15 คนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับ 102 คน โดยเป็นคนไทย 100 คน และขยายผลไปยังหัวหน้าแก๊งชาวจีนอีก 2 คน ในข้อหา "ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็น อั้งยี่, ซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ตามคำร้องขอของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเมื่อวันที่ 3  มีนาคม 2568

จากการสัมภาษณ์และคัดแยกกลุ่มตามสถานที่ที่บุคคลเหล่านี้ไปทำงานในประเทศกัมพูชา พบว่าคนไทยที่ทำงานที่ตึกภูมิตาสวน สามารถออกหมายจับคนไทย 100 ราย และบอสชาวจีน 2 ราย ในการหลอกลงทุนเทรดหุ้น โรแมนซ์สแกม เว็บพนันออนไลน์ การหลอกเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าและกรมที่ดิน ส่วนอาคาร K2 พบคนไทยจำนวน 15 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.อ.ธัชชัย  กล่าวขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีฮุน มาแณต ของกัมพูชา ที่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สามารถดำเนินคดีในข้อหาหนักกับคนไทยที่ไปร่วมกับชาวต่างชาติตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทยในประเทศกัมพูชา ที่มีโทษสูงสุดถึง 15 ปี จากนี้ไป จะไม่มีพวกกลุ่มคนไทยขายชาติใช้ช่องทางการตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์เพื่อหลบหนีการกระทำความผิดอีกต่อไป และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเอาตัวคนไทยขายชาติเหล่านี้มาลงโทษในประเทศไทยในข้อหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและความผิดอื่นทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดและถึงที่สุดทุกคน ต่อจากนี้ ถ้ามีโทรศัพท์ หรือข้อความจากกลุ่มคนไทยขายชาติพยายามมาหลอกลวงท่านใด ให้ช่วยบอกคนไทยขายชาติเหล่านั้นระวังตัวให้ดี ตำรวจจะไปเอาตัวมาลงโทษอย่างสาสมเหมือนอย่างเช่นคดีคนไทย 119 คนนี้

พร้อมกันนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการยุทธการระเบิดสะพานโจรอย่างจริงจังและต่อเนื่องในการทำลาย 3 เสาหลักของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้แก่ สัญญาณโทรศัพท์เน็ต บัญชีธนาคาร คนที่กระทำความผิด และคนไทยขายชาติ วันนี้เสาที่ 3 ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยขายชาติได้ถูกตัดขาดโดยการดำเนินคดีข้อหาหนัก ในข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติและความผิดที่เกี่ยวข้อง การทำลาย 3 เสาหลัก ทั้ง 3 เสานี้จะทำอย่างต่อเนื่อง จริงจัง จนกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหมดไปจากประเทศไทย ตามนโยบายของรัฐบาล โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • คุณตาสุดช้ำ! โดนหลอก ‘เปิดบัญชีม้า’ ถูกอายัดเบี้ยชรา-ต้องกินข้าวก้นบาตร คุณตาสุดช้ำ! โดนหลอก ‘เปิดบัญชีม้า’ ถูกอายัดเบี้ยชรา-ต้องกินข้าวก้นบาตร
  • แก๊งคอลฯเหิม!!! ลวงแม่\'อัยการดาว\'โอนเงินกว่า 7.6 แสน แก๊งคอลฯเหิม!!! ลวงแม่'อัยการดาว'โอนเงินกว่า 7.6 แสน
  • ‘ภาค 1’ลุยยึดซิมบ็อกซ์ โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมรอยจนท.ไฟฟ้า ตุ๋นคืนค่ามิเตอร์ ‘ภาค 1’ลุยยึดซิมบ็อกซ์ โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมรอยจนท.ไฟฟ้า ตุ๋นคืนค่ามิเตอร์
  • เชิญชวนผู้สนใจ! ร่วมเสวนา\'เตือนภัยออนไลน์\'เพื่อประชาชนและสังคม เชิญชวนผู้สนใจ! ร่วมเสวนา'เตือนภัยออนไลน์'เพื่อประชาชนและสังคม
  • บุกคอนโดฯจีนเทา ยึด‘ซิมบ็อกซ์’เอี่ยวแก๊งคอลฯ หลอกเหยื่อข้ามจังหวัด บุกคอนโดฯจีนเทา ยึด‘ซิมบ็อกซ์’เอี่ยวแก๊งคอลฯ หลอกเหยื่อข้ามจังหวัด
  • กินหรูอยู่สบาย! ‘ตร.ไซเบอร์’รวบหนุ่มจีน-สาวไทย เอี่ยวฟอกเงินแก๊งหลอกลงทุนคริปโต กินหรูอยู่สบาย! ‘ตร.ไซเบอร์’รวบหนุ่มจีน-สาวไทย เอี่ยวฟอกเงินแก๊งหลอกลงทุนคริปโต
  •  

Breaking News

ทบ.แจงปม'น้ำมันหาย' ชี้เหตุเกิดปี 66 เร่งสอบข้อเท็จจริงเพิ่ม

วิสามัญ 2 ศพ! 'กกล.ผาเมือง'ปะทะเดือด'แก๊งขนยานรก' ยึดยาบ้า 500,000 เม็ด

'ญี่ปุ่น'ให้คำมั่น พร้อมบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องข้าวแพง

'กสศ.'ชูเปิดเทอมใหม่'เรียนได้ทุกที่ มีรายได้ มีวุฒิฯ' สานต่อแก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved