นายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (กทม.)กล่าวถึงนโยบายด้านการศึกษาของ กทม. ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ตั้งแต่การระบาดเริ่มขึ้นในปี 2563 เป็นต้นมากทม. ได้ใช้นโยบายแบบเดียวกับกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) คือใช้หลัก “4 ON” ซึ่งประกอบด้วย 1.Online คือการเรียนผ่านทางสื่อต่างๆ 2.On School Line ผ่านทางไลน์กลุ่มของโรงเรียน 3.On Hand คือเอกสารที่ส่งไปให้ผู้ปกครองมารับไปให้บุตรหลาน แล้วส่งกลับมาที่โรงเรียน และ4.On Site เป็นการเดินทางมาเรียนด้วยตนเอง
ทั้งนี้ ในปี 2563 สามารถเปิดได้เพียงช่วงเดียว เป็นการสลับวันเรียน แต่ในปี 2564 แทบจะเหลือแต่ Online และ On School Lineเท่านั้น โดยทางสำนักการศึกษาฯ ได้มีการสนับสนุนในเรื่องอินเตอร์เนตสำหรับโรงเรียนซึ่งเดิมก็มีให้อยู่แล้วแต่เป็นวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในห้องคอมพิวเตอร์ พอในช่วงที่ต้องเรียน Onlineแบบ 100% จึงไม่เพียงพอ เพราะคุณครูต้องใช้สอนหลายห้อง จึงได้มีการเพิ่มความเร็วของอินเตอร์เนต และให้แนวทางกับโรงเรียนในเรื่องการเพิ่มจุดรับส่งกระจายสัญญาณให้เสถียรมากขึ้น รวมถึงช่องทางการเบิกจ่ายเงินในส่วนนี้
นายเกรียงไกร กล่าวต่อไปว่า สำหรับความร่วมมือในโครงการ www.thailandlearning.orgซึ่งเป็นเว็บพอร์ทัลรวบรวมแหล่งเรียนรู้บนโลกออนไลน์ ที่จัดทำโดยมูลนิธิเอเชียฯ ร่วมกับสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย นั้น เกิดขึ้นจากความต้องการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากการทำงานวิจัยร่วมกันซึ่งสำนักการศึกษาฯ ร่วมกับสำนักงานเขตจอมทองได้คัดเลือกโรงเรียนวัดไทร (ถาวรพรหมานุกูล) เขตจอมทอง กรุงเทพฯ เข้าร่วมในโครงการฯ
เนื่องจากเห็นว่าสามารถจัดการเรียนการสอนทางไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้นำเอา Thailand Learning เข้ามาจัดกิจกรรมให้ครูและนักเรียนได้รู้จักช่องทางในการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม ให้เกิดความตื่นตัวในการที่จะแก้ไขปัญหาในเรื่องการจัดการเรียนการสอนที่ไม่สามารถเปิดโรงเรียนได้ โดยเมื่อจบโครงการฯ ไปแล้วก็ยังมีการใช้อยู่ มีการพัฒนาเพิ่มขึ้น จนได้รับความสนใจจากโรงเรียนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้เดินทางเข้ามาขอดูงาน ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของคณะผู้จัดทำโครงการฯ
“ขอแนะนำโครงการนี้ให้กับครูและนักเรียนทุกท่าน เพราะมีประโยชน์ทั้งในด้านการเรียนการสอน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้การศึกษาได้ผ่านพ้นวิกฤตในช่วงที่ไม่สามารถเปิดโรงเรียนได้ ในด้านของคุณครูได้ทำให้มีการพัฒนา, เข้าถึง และมี Skill ทางด้านดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ส่วนนักเรียนก็ได้รับความรู้เป็นอย่างดี เพราะเนื้อหาที่อยู่ภายในนั้นมีคุณภาพ ผ่านการพิจารณาจากนักวิชาการมาแล้ว” นายเกรียงไกร กล่าว
ด้าน น.ส.รัตนา แซ่เล้า เจ้าหน้าที่โครงการอาวุโส ฝ่ายนโยบายและวิจัย มูลนิธิเอเชียประจำประเทศไทย ได้กล่าวว่า “www.thailandlearning.orgจัดทำขึ้นโดยมีเนื้อหาที่หลากหลายจากทั่วโลก เหมาะสำหรับนักเรียน, ครู และผู้ที่สนใจ มีทั้งเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ครอบคลุมทุกวิชาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ที่สำคัญคือสามารถใช้บริการได้ 24 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ, แท็บเลต หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ภายในแบ่งเป็น 3 เมนูด้วยกันคือ
1.เรียนรู้ จะรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์เกี่ยวกับการศึกษาไทยและต่างประเทศ แยกตามสาขาวิชาอาทิ วิชาคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ 2.ทัศนศึกษาเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์หรือแหล่งเรียนรู้จากทั่วโลกผ่านหน้าจอ หรือVirtual tour ที่สามารถให้ความรู้นักเรียนได้มากกว่าในตำรา และ 3.เครื่องมือ เป็นการแนะนำเครื่องมือสำหรับสื่อการเรียนการสอนออนไลน์ ซึ่งผู้ใช้จะสามารถร่วมทำแบบทดสอบ ที่เหมาะสำหรับนักเรียน ครู และผู้ปกครอง โดยผู้ที่สนใจสามารถไปใช้บริการที่ www.thailandlearning.org ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี