‘สวนดุสิตโพล’ เปิดผลสำรวจมุมมองประชาชนกรณี‘ของแพง’ เปิด 5 อันดับแรกสินค้าจำเป็นที่ชาวบ้านมองว่าแพงกว่าปกติ โดยภาพรวมประชาชนสามารถแบกรับภาระราคาสินค้าแพงไปได้อีกเท่าใด เชื่อสาเหตุหลักๆมาจาก‘โรคระบาด-กักตุน’
30 มกราคม 2565 “สวนดุสิตโพล”มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ หัวข้อ “การใช้ชีวิตของคนไทยในยุคข้าวของแพง” จำนวนทั้งสิ้น 1,383 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 24-27 มกราคม 2565 เพื่อสะท้อนความคิดเห็นกรณีปัญหาสินค้าต่างๆขึ้นราคาเป็นปัญหาที่กระทบต่อปากท้องของประชาชนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู ไข่ไก่ อาหารต่างๆล้วนขึ้นราคาจนกระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชน ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น สรุปผลได้ ดังนี้
1. สินค้าที่จำเป็น ณ วันนี้ ที่ประชาชนพบเห็นหรือซื้อแพงกว่าปกติมีอะไรบ้าง
อันดับ 1 เนื้อหมู 92.75%
อันดับ 2 ข้าวแกง กับข้าวถุง อาหารตามสั่ง 72.44%
อันดับ 3 ไข่ไก่ ไข่เป็ด 71.79%
อันดับ 4 น้ำมันพืช 57.07%
อันดับ 5 เนื้อไก่ 56.13%
2. ประชาชนคิดว่าสาเหตุใดที่ทำให้สินค้าแพง
อันดับ 1 โรคระบาดในสัตว์ 65.02%
อันดับ 2 มีการกักตุนและปั่นราคาสินค้า 64.22%
อันดับ 3 พ่อค้า นายทุน ฉวยโอกาสขึ้นราคา 63.13%
3. ตัวประชาชนเองแก้ปัญหาสินค้าแพงอย่างไร
อันดับ 1 ควบคุมการใช้จ่าย/ประหยัด/ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น 77.20%
อันดับ 2 ใช้สินค้าชนิดนั้นลดลง/ใช้ให้น้อยลง/ลดปริมาณการใช้ 66.67%
อันดับ 3 เปลี่ยนไปกินอย่างอื่นแทนที่ยังไม่ขึ้นราคา 57.37%
4. ประชาชนอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาสินค้าแพงอย่างไร
อันดับ 1 พูดความจริง ไม่ปิดบังข้อมูล 58.99%
อันดับ 2 ตรึงราคา ควบคุมราคาสินค้า 58.27%
อันดับ 3 ลดภาษีน้ำมัน 52.15%
5. ประชาชนคิดว่าใครหรือหน่วยงานใด ควรเข้ามาแก้ปัญหาสินค้าแพง
อันดับ 1 กระทรวงพาณิชย์ 79.60%
อันดับ 2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 57.88%
อันดับ 3 นายกรัฐมนตรี 55.82%
6. ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาสินค้าแพงของรัฐบาลในระดับใด
ไม่ค่อยเชื่อมั่น 47.27%
ไม่เชื่อมั่น 35.42%
ค่อนข้างเชื่อมั่น 15.27%
เชื่อมั่นมาก 2.04%
7. โดยภาพรวม ประชาชนสามารถแบกรับภาระราคาสินค้าแพงไปได้อีกเท่าใด
ไม่เกิน 3 เดือน 34.93%
ไม่เกิน 6 เดือน 28.53%
ไม่เกิน 1 เดือน 18.56%
มากกว่า 6 เดือน 17.98%
*หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า สถานการณ์สินค้าแพงกระทบกับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มคนรายได้น้อย หาเช้ากินค่ำ หรือว่างงาน กลุ่มนี้ไม่สามารถจะแบกรับภาระของแพงได้นานมากนัก เพราะค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารการกินและการเดินทาง สูงเกินกว่าร้อยละ 80 ของรายได้ต่อวัน ภาครัฐนอกจากแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ควรเร่งวางแผนแก้ปัญหาระยะยาวแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบเพื่อช่วยเหลือประชาชน และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลด้วย
ด้าน ดร.วิทยา ศิริพันธ์วัฒนา อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกรรมการบริหารหลักสูตรธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า ราคาเนื้อหมูที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากปัญหาโรคระบาดในสุกรในหลายประเทศ ประกอบกับผู้เลี้ยงหมูรายย่อยลดลง ทำให้อุปทานของเนื้อหมูลดลง ต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่มสูงขึ้นก็เป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาอาหารสูงขึ้น นอกจากนี้อุปสงค์ของน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ราคาน้ำมันในตลาดโลกจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก ปัญหาเงินเฟ้อจึงทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ประชาชนกลุ่มที่รายได้น้อยจะได้รับผลกระทบค่อนข้างสูง เห็นได้จากกลุ่มตัวอย่าง 53% ไม่สามารถแบกรับภาระได้เกิน 3 เดือน ดังนั้น นอกจากการช่วยเหลือจากภาครัฐที่ต้องเพิ่มการผลิต ป้องกันการกักตุนสินค้า ชะลอการส่งออกและเพิ่มการนำเข้าแล้ว ประชาชนทั่วไปอาจทำบัญชีรายจ่ายวิเคราะห์ตัดหรือลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เลือกอาหารที่มีโปรตีนสูงแต่ราคาไม่สูงนัก และจัดการหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยบรรเทารายได้ไม่พอรายจ่ายในช่วงนี้
-005