‘เชียงใหม่’เฝ้าระวังใกล้ชิด 3 คลัสเตอร์ เตือนโรงเรียนคุมเข้มหลังพบระบาดเพิ่ม
3 กุมภาพันธ์ 2565 สถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ จ.เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 158 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 149 ราย ผู้ติดเชื้อจากต่างพื้นที่ 9 ราย ผู้ติดเชื้อรักษาหายวันนี้ 99 ราย สะสมทั้งหมด 32,890 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการสอบสวน และเชื่อมโยงกับ Cluster ต่างๆ มีจำนวน 31 ราย ผู้ติดเชื้อที่สัมผัสพื้นที่ระบาดในต่างพื้นที่ 9 ราย จาก แม่ฮ่องสอน 2 ราย เชียงราย พะเยา แพร่ นครสวรรค์ ระยอง กทม. และลำพูน จังหวัดละ 1 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อเฉพาะ RT-PCR แยกรายอำเภอ วันนี้พบผู้ติดเชื้อกระจายไปหลายอำเภอมาก โดยพบมากสุด 5 อันดับแรก คือ อำเภอเมืองเชียงใหม่ 51 ราย (อยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 39 ราย) สารภี 22 ราย หางดง 19 ราย สันทราย 18 ราย และแม่แตง 12 ราย
สำหรับข้อมูลด้านการเฝ้าระวังโรค วันนี้ยอดการตรวจ ATK เชิงรุก และ RT-PCR ยังคงตรวจกลุ่มเสี่ยงเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ยังคงพบผู้ติดเชื้อสูงกว่าวันก่อนๆ โดยผู้ติดเชื้อทั้งหมดได้มีการติดตามเข้ารักษาในระบบ HI, CI สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการ ส่วนผู้ที่มีอาการพิจารณารับรักษาในโรงพยาบาลในจังหวัดทั้งหมดแล้ว
ในส่วน Cluster ที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด วันนี้ มีดังนี้
1. Cluster ฟาร์มหมูห้วยเหียะ หมู่ 2 ต. แม่แตง วันนี้เฉพาะ RT-PCR พบรายใหม่ 4 ราย ส่วน ATK พบผู้มีผลบวกเพิ่มจากเดิม 19 ราย รวมผู้ติดเชื้อทั้งหมด 26 คน ทางอำเภอแม่แตงได้ดำเนินการคัดแยกกลุ่มเสี่ยงสูง ตรวจหาเชื้อ ถ้าผลเป็นลบมีการสั่งกักตัว 10 วัน ส่วนกลุ่มเสี่ยงต่ำให้สังเกตอาการตนเอง 10 วัน หากมีอาการผิดปกติจึงเข้ารับการตรวจ รวมทั้งได้ลงพื้นที่ควบคุม ป้องกันโรคเรียบร้อยแล้ว
2. Cluster โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม วันนี้ ATK บวก 84 ราย เป็นการติดเชื้อจากครูสู่นักเรียน ขณะนี้ อำเภอแม่ริม ได้มีการนำเข้าสู่ระบบการรักษาแบบ CI ที่โรงเรียน และตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูง และแยกเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงต่ำ พร้อมควบคุม ป้องกันโรค เรียบร้อยแล้ว
3. Cluster กลุ่มเก็บกาแฟ ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน ATK บวก 15 ราย เป็นการแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพเก็บกาแฟ ทางอำเภอแม่ออนได้ลงพื้นที่ควบคุมโรคแล้ว และเชื่อมต่อการควบคุมโรคไปที่ อ.ดอยสะเก็ด ซึ่งเป็นที่ตั้งของไร่กาแฟ
ส่วนยอดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ฉีดวัคซีนเข็ม 1 ไปแล้วจำนวน 1,577,187 ราย คิดเป็นร้อยละ 91.20 ของประชากรทั้งหมด / ฉีดเข็ม 2 จำนวน 1,529,366 ราย คิดเป็นร้อยละ 88.43 ของประชากรทั้งหมด / ฉีดเข็ม 3 จำนวน 429,966 ราย คิดเป็นร้อยละ 63.19 ของกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องได้รับการฉีดเข็ม 3 และฉีดเข็ม 4 ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้า ฉีดไปแล้ว 27,517 ราย คิดเป็นร้อยละ 60.78 ของกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด ส่วนกลุ่มเสี่ยงสูง ผู้สูงอายุ ฉีดแล้วร้อยละ 88.74 ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ฉีดแล้วร้อยละ 118.25 และกลุ่มประชาชนทั่วไป ฉีดแล้วร้อยละ 89.27
วันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 208 รายเท่า (เฉพาะปี 2565 จำนวน 23 ราย) รายแรก หญิงชาวเมียนมา อายุ 35 ปี มีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง และไตวาย ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อเป็นการสัมผัสในชุมชน และยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน โดยวันที่ 20 ม.ค. เริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย วันที่ 25 ม.ค. ตรวจ ATK ผลเป็นบวก และส่งตรวจ RT-PCR ยืนยันว่าติดเชื้อโควิด รับไว้รักษาที่ รพ. แม่อาย โดย CDCU อำเภอแม่อาย สุ่มตรวจหาสายพันธุ์ Cluster นี้ พบเป็นการระบาดของสายพันธุ์ Omicron วันที่ 1 ก.พ. ระบบหายใจล้มเหลว เสียชีวิตในเวลา 18.36 น.
รายที่ 2 หญิงไทย อายุ 75 ปี ปฏิเสธโรคประตัว ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อเป็นการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน โดยวันที่ 4-8 ม.ค. รักษาตัวใน รพ. แห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน วันที่ 6 ม.ค. ตรวจ RT-PCR เนื่องจากมีคนในหอผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ผลไม่พบเชื้อ วันที่ 15 ม.ค. เริ่มมีอาการเหนื่อย ไอ มีเสมหะ ตรวจ ATK ผลเป็นบวก วันที่ 17 ม.ค. เหนื่อยมากขึ้น ส่งต่อ รพ.นครพิงค์ ตรวจยืนยันด้วย RT-PCR พบยืนยันติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron แพทย์ตรวจพบออกซิเจนในเลือดต่ำ จึงใส่ท่อช่วยหายใจ แพทย์ให้การรักษาประคับประครองเรื่อยมา จนวันที่ 1 ก.พ. ระบบหายใจล้มเหลว เสียชีวิตลงในเวลา 15.50 น.
จากสถานการณ์วันนี้ พบผู้ติดเชื้อใหม่ ในกลุ่มอายุ 0-15 ปี และ 15-25 ปี เพิ่มมากขึ้น มาจาก Cluster ที่พบการระบาดในโรงเรียนมากขึ้น จึงขอให้ทุกโรงเรียนที่เปิดเรียน On Site เคร่งครัดในมาตรการป้องกันโรคอย่างเต็มที่ และต้องปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุกรณีพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในสถานศึกษา ตามที่นำเสนอขออนุมัติเปิดเรียน On Site กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่อย่างเคร่งครัด กรณีพบติดเชื้อ 1 ห้องเรียน 1-2 ราย สถานศึกษา ดำเนินการปิดห้องเรียนที่พบผู้ติดเชื้อ 3 วัน เพื่อทำความสะอาด งดกิจกรรมรวมกลุ่มระหว่างห้องเรียน ส่วนนักเรียน ครู บุคลากร ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงให้เขารับการตรวจหาเชื้อ งดการเรียนหรือทำงาน On Site กลุ่มเสี่ยงต่ำ เรียนหรือทำงาน On Site พร้อมสังเกตอาการ ประเมินอาการผ่านแอ็พพลิเคชั่นไทยเซฟไทย แต่ถ้าพบติดเชื้อมากกว่า 2 ราย หรือมากกว่า 1 ห้อง สถานศึกษา ดำเนินการปิดห้องเรียนที่พบผู้ติดเชื้อ 3 วัน เพื่อทำความสะอาด งดกิจกรรมรวมกลุ่มระหว่างห้องเรียน พร้อมประสานทีมควบคุมโรค หรือ ศปก.อำเภอ เทศบาลนคร หรือเทศบาลเมือง เพื่อประเมินสถานการณ์ และพิจารณาปิดเรียน ถ้ายังเปิดเรียน On Site ได้ นักเรียน ครู บุคลากร ต้องปฏิบัติตามมาตรการข้างต้นอย่างเคร่งครัด
ขอย้ำเตือนพี่น้องประชาชนเคร่งครัดในมาตรการป้องกันโรค เข้ารับการฉีดวัคซีนตามกำหนด โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และสตรีมีครรภ์ ล้างมือหลังสัมผัสพื้นผิว และก่อนสัมผัสตัวผู้สูงอายุ/ผู้ป่วย สวมหน้ากากอนามัยเวลาพูดคุยทั้งในและนอกบ้าน หลีกเลี่ยงสถานที่คนแออัด และอับอากาศ ไม่นัดเจอญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงหลายคนพร้อมกัน รวมทั้งงดการจัดงานรวมกลุ่ม ปาร์ตี้สังสรรค์ ต่างๆ ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่ไปพื้นที่เสี่ยงมา หรือสัมผัสผู้ติดเชื้อมา ต้องเคร่งครัดในการกักตัว งดงานปาร์ตี้ สังสรรค์ และเข้าไปในที่ชุมชน ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีผลเป็นลบอยู่ต้องกักตัวเคร่งครัด และสังเกตอาการตัวเอง ถ้ามีอาการให้รีบเข้าไปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทันที รวมทั้งทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แบบครอบจักรวาล หรือ D M H T T A ส่วนหน่วยงาน ร้านค้า สถานประกอบการต่างๆ ต้องปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี