เข้าสู่ฤดูแล้งแล้ว พื้นที่เกษตรกรรมทั่วประเทศได้ปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกพืชผลทางการเกษตรให้เข้ากับสถานการณ์
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเปิดเผยว่า จากความห่วงใยของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ต่อสถานการณ์น้ำต้นทุนตามแหล่งน้ำต่างๆ มีปริมาณจำกัด อันจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในช่วงฤดูกาลเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในปี 2564/2565 จึงมอบเป็นนโยบายให้มีการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ ดังนั้น กรมส่งเสริมการเกษตร จึงจัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพกระบวนการผลิต กิจกรรมส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายฤดูนาปรังขึ้น
โดยเน้นส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยและส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง พริก แตงโม ข้าวโพดหวาน และอื่นๆ ที่มีอายุการเก็บเกี่ยวไม่เกิน 120 วันในพื้นที่เป้าหมาย 18 จังหวัด เกษตรกร 6,572 ราย พื้นที่ 6,572 ไร่และจากที่สำนักงานเกษตรจังหวัด/อำเภอต่างๆ ได้จัดทีมลงพื้นที่สร้างความเข้าใจ พร้อมเชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการ พบว่า มีเกษตรกรให้ความสนใจ และสมัครเข้าร่วมตามเป้าหมาย เกิดการปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นทดแทนการปลูกข้าวรอบที่ 2 ซึ่งเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และมีตลาดรองรับ
ขณะที่ นายอภิชาติ บัญญัติ เกษตรกรหมู่ที่ 14 ตำบลบึงน้ำรักษ์ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการแนะนำโครงการฯ จากสำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา และสำนักงานเกษตรอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จึงเกิดความสนใจ และสมัครเข้าร่วม ด้วยประสบปัญหาน้ำไม่เพียงพอกับการทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง โดยในการเข้าร่วมโครงการฯ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี ทั้งองค์ความรู้ด้านการผลิต และการบริหารจัดการตลาด โดยเลือกปลูกแตงโมเป็นหลัก พื้นที่รวม 25 ไร่ ด้วยเป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่อำเภอบางน้ำเปรี้ยว อีกทั้งเป็นสินค้าเกษตรที่ตลาดต้องการ
“แตงโม เป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยมากอยู่แล้ว และยิ่งนำเทคโนโลยีการให้น้ำแบบระบบน้ำหยดเข้ามาร่วมด้วย ยิ่งเป็นผลดีโดยจะให้น้ำวันละครั้ง นานประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง และข้อดีอีกอย่างคือ เป็นพืชอายุสั้น ใช้เวลาปลูกประมาณ 65-70 วัน สามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้ อีกทั้งยังมีการจัดการดูแลที่ง่ายกว่าการทำนาอย่างมาก”
“สำหรับในส่วนของรายได้นั้น เมื่อเทียบกับการปลูกข้าวนาปรังแล้ว โดยความเห็นส่วนตัวแล้วดีกว่ามาก เมื่อเปรียบเทียบในพื้นที่ 1 ไร่ จะมีรายได้มากกว่าการทำนาประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ โดยทำนาปรัง 1 ไร่ จะได้ข้าวประมาณ 80-90 ถัง แต่ปลูกแตงโมได้ผลผลิต 3-4 ตันต่อไร่ ขณะที่ราคาขายหน้าสวนอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 5.50-6 บาท คำนวณออกมาแล้วรายได้ต่อไร่ก็เป็นหลักหมื่นแล้วครับ”นายอภิชาติ กล่าว
นายอภิชาติกล่าวย้ำว่า จากความรู้สึกส่วนตัวแล้ว ต้องบอกว่า โครงการฯนี้ดีจริงๆ อยากให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้เข้ามาส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายฤดูนาปรังกับเกษตรกรทุกปี เพื่อเกษตรกรจะได้มีกำลังใจ มีแรงจูงใจในการประกอบอาชีพช่วงหน้าแล้งที่ขาดแคลน้ำ ช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคง จากการที่ช่วยส่งเสริมการปลูกพืชเกษตรที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการของตลาด ช่วยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี