โควิดยังแรงติดเชื้อเพิ่ม4.8หมื่น
ตายพุ่ง84ศพ
โคม่าปอดอักเสบนอนรพ.1,672
กทม.ยังนำโด่งยอดติดเชื้อสูงสุด
‘ลำพูน’จว.เดียวไม่พบผู้ป่วยใหม่
สธ.ชี้ปชช.92%พอใจ‘เจอ แจก จบ’
รับผู้ป่วยรักษาแล้วกว่า6.5แสนคน
ไทยติดเชื้อโควิดรายวันยังสูง 25,821 ราย ตรวจเจอด้วย ATK 22,476 ราย รวมสองระบบมีผู้ติดเชื้อ48,297 คน ตายพุ่ง 84 ศพ ป่วยหนักมีปอดอักเสบรักษาตัวในรพ. 1,672 คน ส่วน 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด กทม.ยังนำโด่ง ห่วง 3 จังหวัดยอดยืนหลักพัน มีลำพูน จังหวัดเดียวที่ไม่พบผู้ติดเชื้อ รบ.เผยโครงการ“เจอ แจก จบ” ดูแลผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 6.5 แสนคน ผลสำรวจพบ 92% พึงพอใจระดับมากถึงมากที่สุด
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ศูนย์ข้อมูล COVID-19รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 รายวัน ที่ยังคงเป็นตัวเลขที่สูงทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตติดเชื้อรวมATK48,297คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 25,821 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากในประเทศ 25,765 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 56 ราย สำหรับยอดการตรวจ ATK รายงานวันที่ 27 มีนาคม ตามข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบติดเชื้อเข้าข่ายหรือ ATK เป็นบวกอีก 22,476 ราย ส่วนยอดผลบวกสะสมอยู่ที่ 1,015,383 ราย ซึ่งจำนวนนี้ไม่รวมในการรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ ที่ยืนยันผลด้วย RT-PCR รวมผู้ติดเชื้อที่พบเพิ่มขึ้นวันนี้ทั้งหมด 48,297 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 อยู่ที่ 3,529,085 ราย
โคมาปอดอักเสบ1,672-ใส่ท่อ644
จำนวนผู้รักษาหายป่วยวันนี้มีทั้งหมด 24,066 ราย หายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 อยู่ที่ 3,252,350 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 251,936 ราย จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,672 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 22 ราย อัตราครองเตียงร้อยละ 27.6 อาการหนัก 1,672 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 644 ราย
ตายเพิ่ม84-3จว.ติดเชื้อยืนหลักพัน
ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 84 ราย เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 อยู่ที่ 24,799 ราย โดยผู้เสียชีวิตวันนี้อายุน้อยที่สุด 6 ปี อายุมากที่สุด 104 ปี ขณะที่กรุงเทพฯพบผู้เสียชีวิตมากที่สุด 8 ราย รองลงมา คือ สมุทรสาคร 6 ราย สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่สูงสุด ดังนี้ 1.กรุงเทพฯ 2,749 ราย 2.นครศรีธรรมราช 1,537 ราย 3.ชลบุรี 1,293 ราย 4.สมุทรสาคร 955 ราย 5.สมุทรปราการ 870 ราย 6.สงขลา 783 ราย 7.พระนครศรีอยุธยา 664 ราย 8.นนทบุรี 633 ราย 9.ขอนแก่น 624 ราย 10.ราชบุรี 611 ราย อย่างไรก็ตาม วันนี้มี 1 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อคือ ลำพูน
เข้าเจอแจกจบ6.5แสนพอใจมาก92%
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมติดตามการให้บริการผู้ป่วยโควิด-19 ในรูปแบบ“เจอ แจก จบ” เพื่อผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคนเข้าถึงการรักษาได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่ยังคงเน้นประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยตามระดับอาการ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยผลประเมินความพึงพอใจของผู้ป่วยที่เข้ารับบริการ พบว่า 92% มีความพึงพอใจระดับมากถึงมากที่สุด ตั้งแต่วันที่ 1-24 มีนาคม มีสถานพยาบาลเข้าร่วม 901 แห่ง ให้บริการสำหรับผู้ป่วยที่เข้ารักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้านได้วันละ 100,000 ราย มีผู้ป่วยเข้ารับบริการสะสม 656,856 ราย เฉลี่ยวันละ 27,369 ราย เฉพาะพื้นที่ กทม. ให้บริการผู้ป่วยได้วันละ 10,000 ราย มีผู้ป่วยเข้ารับบริการสะสม 65,305 ราย เฉลี่ยวันละ 2,839 ราย นอกจากนี้ นายกฯย้ำความสำคัญในการรักษาความมั่นคงระบบสาธารณสุขของไทย มีสมรรถนะที่ดีและเตรียมพร้อมรองรับทุกสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลด้วย
ฉีดวัคซีนสะสมแล้ว128ล้านโดส
สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้ รวม 25,821 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากในประเทศ 25,765 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 56 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,305,650 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 24,066 ราย หายป่วยสะสม 1,083,856 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 251,936 ราย เสียชีวิต 84 ราย ล่าสุดการให้บริการวัคซีน โควิด-19 สะสมอยู่ที่ 128,736,472 โดส เข็มที่ 1 ฉีดสะสม 55,307,656 โดส เข็มที่ 2 ฉีดสะสม 50,228,688 โดส เข็มที่ 3 ฉีดสะสม 21,108,189 โดส เข็มที่ 4 ฉีดสะสม 2,091,939 โดส
‘ธนกร’แจ้งผลตรวจติดโควิด
วันเดียวกัน นายธนกรส่งข้อความผ่านไลน์กลุ่มผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ขอแจ้งสื่อมวลชนประจำทำเนียบฯว่า พบผลตรวจRT-PCR ของตนเป็นบวก แต่มีอาการน้อยหรือแทบไม่มีอาการเลย มีเพียงปวดเมื่อยเล็กน้อย ขณะที่สุขภาพใจยังแข็งแรงดีอยู่ต้องขออภัยและขอโทษทุกท่านสำหรับความไม่สะดวก เพี่อให้เป็นไปตามคำแนะนำของสาธารณสุข ตนขอ WFH ทำงานที่บ้านตามมาตรการแต่ยังคงส่งข่าวและตอบคำถามพี่ๆ น้องๆ สื่อผ่านไลน์และโทรศัพท์เหมือนทุกวัน
‘หมอยง’แนะATKใช้แล้วใส่ขยะถุงแดง
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” หัวข้อ “โควิด 19 การทำลายเชื้อโรคใน ATK ที่ใช้แล้ว” มีเนื้อหาดังนี้ “การตรวจ ATK ขณะนี้มีการใช้อย่างแพร่หลาย มีการตรวจวันละหลายแสนชิ้น ATK ที่ใช้แล้วไม่ว่าจะตรวจพบเชื้อหรือตรวจไม่พบเชื้อ ถือเป็นขยะติดเชื้อ มาตรการในการทิ้งขยะติดเชื้อจะต้องใส่ถุงแดง และมีการทำลายอย่างถูกต้อง ตามบ้านทั่วไปจะไม่มีถุงแดง และมาตรการการเก็บขยะ ไม่มีการแยกขยะติดเชื้อ จึงเป็นปัญหาในการแพร่กระจายเชื้อโรคได้ ถ้าทิ้งในขยะปกติที่ไม่ได้มีการแยกขยะ ดังนั้นการตรวจน้ำเสีย ที่ทิ้งไปยังโรงบำบัดน้ำเสีย หรือตามแม่น้ำลำคลอง จึงสามารถตรวจพบ RNA ของไวรัสโควิดได้ สิ่งจำเป็นที่ทุกคนจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ หลังการตรวจ APK คือการทำลายเชื้อในสิ่งที่ตรวจเสียก่อนที่จะนำไปทิ้ง
สารเคมีที่สามารถทำลายเชื้อ covid19 ได้ที่เรารู้จักกัน คือ แอลกอฮอล์ จะทำลายเชื้อเฉพาะไวรัสที่มีเปลือกหุ้ม ไวรัสที่ไม่มีเปลือกหุ้มไม่สามารถทำลายได้ เช่น ไวรัสในกลุ่มมือเท้าปาก ก็พบได้ในบริเวณลำคอเช่นเดียวกัน สารเคมีที่สามารถทำลายไวรัสได้เป็นอย่างดีในทุกกลุ่ม ได้แก่ สารในกลุ่มของฟอร์มาลีน ฟอร์มาลดีไฮด์ ในทางปฏิบัติเราก็ไม่ได้ใช้กันตามบ้าน สารเคมีอีกชนิดหนึ่งที่ทำลายได้ดี ได้แก่ สารที่มีส่วนประกอบของคลอรีน เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรด์ หรือสารคลอรีนที่อยู่ในน้ำยาล้างห้องน้ำ ดังนั้น ATK ที่ใช้แล้ว ควรแยกทิ้งในขยะติดเชื้อหรือถุงแดง แต่ถ้าไม่มี ควรทำลายเชื้อเสียก่อนด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่มีส่วนประกอบของคลอรีน โดยหยดลงไป 1-2 หยดแล้วห่อให้มิดชิดก่อนทิ้ง เพื่อเป็นการทำลายเชื้อเสียก่อน และจะต้องคำนึงว่าสารดังกล่าวเป็นสารกัดกร่อน และคลอรีนเป็นสารระเหย ถ้าสูดดมเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี