ติดโควิดรวมATKยังแรง4.8หมื่นราย
ดับทะลุ108ศพ
กระจาย40จังหวัด-อีสานมากสุด30คน
นพ.ประสิทธิ์เตือนปชช.อย่าชะล่าใจ
จับตาสายพันธุ์XEแทนที่‘โอมิครอน’
สธ.บูสต์วัคซีนสูงวัยทั่วปท.แล้ว3ล้านคน
เดินหน้าฉีดให้ถึงเป้าหมาย11ล้านคน
ย้ำประชาชนระวังเข้มช่วง‘สงกรานต์’
โควิดไทยรายวันยังแรง มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 25,139 ผล ATK เป็นบวกอีก 23,199 รวม 48,338 รายยอดตายทะลุ 108 ศพ อยู่ใน 40 จว.อีสานมากที่สุด31 คน ส่วนผู้ป่วยอาการหนักเฉียด 2 พัน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 848 ราย ขณะที่ 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด “กทม.-ชลบุรี” ยังยืนที่หลักพัน มี “ลำพูน”จังหวัดเดียวที่ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ ด้านสธ.สรุปโครงการให้อสม.รณรงค์ฉีดวัคซีนให้กลุ่ม 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ23 วัน ฉีดได้กว่า 5 แสนคน ย้ำประชาชนตั้งการ์ดสูงช่วงสงกรานต์
เมื่อวันที่ 10 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 หรือ ศบค. รายงานภาพรวมสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด- 19 ประจำวัน ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่จำนวนผู้ติดเชื้อทะลุเกินหลักร้อนวันแรก
ติดเชื้อรวมATKเพิ่มขึ้น48,338คน
ศบค.ระบุว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25,139 ราย สะสม 3,883,485 ราย สำหรับยอดการตรวจ ATK รายงานวันที่ 10 เมษายน ตามข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบติดเชื้อเข้าข่าย หรือ ATK เป็นบวกอีก 23,199 ราย ซึ่งจำนวนนี้ไม่รวมในรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ซึ่งยืนยันผลด้วย RT-PCR ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นทั้งหมด 48,338 คน
ตายทะลุ108-โคมาเฉียด2พัน
วันนี้มีผู้ที่รักษาหายป่วยเพิ่มขึ้น 25,509 ราย สะสม 3,606,429 ราย เสียชีวิต 108 ราย สะสม 26,083 ราย อยู่ระหว่างรักษา 250,973 ราย อยู่ในโรงพยาบาล(รพ.) 63,488 ราย อยู่รพ.สนาม HI/CI 187,485 ราย ผู้ป่วยอาการหนัก 1,993 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 848 ราย อัตราครองเตียงสีเหลืองสีแดงอยู่ที่ 29.5%
เสียชีวิต40จว.-อีสานมากสุด31คน
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 108 ราย มาจาก 40 จังหวัด โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้เสียชีวิตมากสุด 31 ราย ภาคกลางและตะวันออก 26 ราย กทม. 17 ราย ปริมณฑล 13 ราย ภาคใต้ 11 ราย และภาคเหนือ 10 ราย เป็นชาย 61 ราย หญิง 47 ราย อายุ 5-105 ปี เฉลี่ย 76 ปี ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 99%
กทม.-ชลบุรียืนหลักพันต่อเนื่อง
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุดนั้น อันดับ 1 ยังเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.) 3,108 ราย ตามมาด้วย ชลบุรี 1,290 ราย ขอนแก่น 851 ราย นครศรีธรรมราช 827 ราย สมุทรปราการ 795ราย สมุทรสาคร 656 ราย ราชบุรี 654 ราย นนทบุรี 645 ราย นครปฐม 628 ราย และอันดับ 10 ร้อยเอ็ด 607ราย สำหรับจังหวัดติดเชื้อเกิน 500 ราย มี 5 จังหวัด คือ ระยอง 547 ราย, สงขลา 542 ราย, สุพรรณบุรี 527 ราย, ฉะเชิงเทรา 507 ราย และ บุรีรัมย์ 504 ราย ส่วนติดเชื้อเกิน 400 รายมี 6 จังหวัดคือ ศรีสะเกษ 480 ราย นครราชสีมา 465 ราย กาญจนบุรี 451 ราย นครสวรรค์ 450 ราย หนองคาย 412 ราย และลำปาง 408 ราย
“ลำพูน”ติดเชื้อเป็นศูนย์จว.เดียว
ขณะที่จังหวัดที่ติดเชื้อไม่ถึง 100 ราย มี 21 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ 99 ราย, ตรัง 96 ราย, ตราด 91 ราย, พังงา 90 ราย, สตูล 89 ราย, ชุมพร 88 ราย, ยโสธร 85 ราย, อำนาจเจริญ 84 ราย, มุกดาหาร 83 ราย, ตาก 79 ราย, หนองบัวลำภู 79 ราย, ปัตตานี 60 ราย, อุตรดิตถ์ 58 ราย, ชัยนาท 53 ราย, สมุทรสงคราม 53 ราย, ยะลา 48 ราย, พะเยา 47 ราย, พิจิตร 40 ราย, แม่ฮ่องสอน 34 ราย, เชียงราย 28 ราย และ นราธิวาส 26 ราย
ส่วนจังหวัดติดเชื้อเป็น 0 คือ จ.ลำพูน
ฉีดวัคซีนสะสม131ล้านโดส
สำหรับการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 80 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 67 ราย ใน 20 ประเทศ โดยมาจากออสเตรเลียมากที่สุด 9 ราย เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ ประเทศละ 7 ราย เมียนมา สิงคโปร์ ประเทศละ 5 ราย สวิตเซอร์แลนด์ เกาหลีใต้ ประเทศละ 4 ราย ที่เหลือติดเชื้อประเทศละ 1-3 ราย โดยเข้าระบบ Test&Go 33 ราย แซนด์บ็อกซ์ 6 ราย กักตัว 23 ราย และลักลอบเข้าประเทศ 5 ราย จากเมียนมา
สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-9 เมษายนมีผู้เดินทาง 123,278 คน รายงานติดเชื้อ 513 คน คิดเป็น 0.42% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 115,430 คน ติดเชื้อ 411 คน คิดเป็น 0.36% แซนด์บ็อกซ์ 6,602 คน ติดเชื้อ 61 คน คิดเป็น 0.92% และกักตัว 1,246 คน ติดเชื้อ 41 คน คิดเป็น 3.29%
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิดวันที่ 9 เมษายนฉีดได้ 291,290 โดส สะสมแล้ว 131,154,980 โดส เป็นเข็มแรก 55,910,538 ราย คิดเป็น 80.4% ของประชากร เข็มสอง 50,577,061 ราย คิดเป็น 72.7% ของประชากร และเข็มสาม 24,667,381 ราย คิดเป็น 35.5% ของประชากร
23วันฉีดกระตุ้นสูงวัยแล้ว5แสนคน
ด้านนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุว่า การเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวในต่างจังหวัด ซึ่งมีความเสี่ยงทำให้เชื้อโควิดกระจาย สธ.จึงเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันเข็มกระตุ้นให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่ม 608 ที่มีความเสี่ยงต่อความรุนแรงและเสียชีวิตคือกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป โดยสบส.ประสานขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเครือข่ายสุขภาพทุกจังหวัด เชิญชวนกลุ่มเป้าหมาย 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีนทั้งเข็มที่ 1 เข็มที่ 2 และเข็มกระตุ้นที่ 3 และเข็มที่ 4 ก่อนที่ลูกหลานและคนในครอบครัวจะกลับมาเยี่ยม ผลดำเนินงานของอสม.ที่ออกรณรงค์ฉีดวัคซีนผู้สูงอายุก่อนสงกรานต์ ลูกหลานกลับบ้านสบายใจ ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม- 6 เมษายนที่ผ่านมารวม 23 วัน พบว่ายอดผู้สูงอายุเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 3 มีมากกว่า 500,000 คน และเข็มที่ 4 มากกว่า 21,000 คน ทำให้ภาพรวมของทั่วประเทศมีผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมากกว่า 3 ล้านคน ซึ่งกิจกรรมรณรงค์ฉีดวัคซีนจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าผู้สูงอายุกว่า 11 ล้านคนทั่วประเทศจะได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามเป้าหมาย
หมอประสิทธิ์ชี้โควิดไทยยังคงที่
ขณะที่ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวถึงการตรวจพบโควิด-19 สายพันธุ์ผสมว่า สำหรับไวรัสโควิดที่มีการผสมสายพันธุ์กัน(Recombinant) เป็นการไขว้กัน จะระบุชื่อขึ้นต้นด้วย X ขณะนี้มีตระกูล X อย่างน้อย 8 ตัว เช่น XD XE XJ ทั้งนี้ การผสมกันแต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีความรุนแรงขึ้นเสมอ หรือกระจายได้เร็วขึ้น เพราะส่วนนี้ขึ้นอยู่กับจุดของการกลายพันธุ์นั้นๆ อย่างไรก็ตาม การระบาดโควิดในเอเชีย บางประเทศพบติดเชื้อใหม่วันละ 1-2 แสนราย ขณะที่ไทยเรายังคงที่ ไม่พุ่งขึ้น โดยข้อมูลติดเชื้อจะดูแค่เลขรายวันไม่ได้ ต้องดูย้อนหลังเฉลี่ย 7 วันประกอบ
สายพันธุ์XEแทนโอมิครอนBA.2ไม่ช้า
“ตอนนี้สายพันธุ์ XE เป็นที่เฝ้าระวัง เพราะเป็น 1 ใน 3 สายพันธุ์ที่เจอในอังกฤษ ซึ่งเริ่มเห็นตัวเลขและข้อมูลว่าอาจกระจายได้เร็วขึ้นกว่าโอมิครอน BA.2 แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานว่ารุนแรงกว่า เราต้องเฝ้าติดตามข้อมูลทุกวัน คาดว่าคงมีการแทนที่กันในอนาคต เช่นเดียวกับ เดลต้าที่เราเคยกลัวมาก ตอนนี้ก็หายไปแล้ว หรือแม้กระทั่งโอมิครอน BA.1 ตอนนี้ก็แทนที่ด้วย BA.2 แล้ว ฉะนั้นโควิด-19 ก็จะไปเช่นนี้” ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
ติดเชื้อซ้ำได้แต่50อาการลองโควิดน่ากลัว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับคนที่คิดว่าตนเองเพิ่งหายติดเชื้อ จะไม่ติดซ้ำในระยะ 1-3 เดือน ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เป็นที่รู้กันว่า โอมิครอนได้ประกาศลบคำพูดนี้ไปเรียบร้อยแล้ว คือผู้ติดเชื้อแล้ว ก็ติดเชื้อซ้ำได้ เป็นเรื่องปกติ เพราะไวรัสมีการกลายพันธุ์ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเราจำหน้าตาไม่ได้ ก็สามารถติดเชื้อใหม่ได้ เพียงแต่ถ้าเราฉีดวัคซีนและติดเชื้อแล้วไม่รุนแรง ก็ไม่น่ากังวล และหากมองอีกมุมหนึ่งคือก็จะเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่ย้ำว่าการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเรื่องของลองโควิด เป็นเรื่องที่เรามีข้อมูลชัดเจนว่าเกิดขึ้นจริง เกิดขึ้นกว่า 50 อาการ เป็นภาวะทางกาย ที่เกิดการอักเสบต่อเนื่องในผู้ป่วยบางราย ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่ามีผลระยะยาวนานแค่ไหน ลองโควิดยังเป็นเครื่องหมายคำถามที่ทั่วโลกติดตามอยู่ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องระวัง ไม่ให้ตัวเองติดเชื้อ บางคนมีเรื่องสมองตื้อ สมองไม่เฉียบเหมือนเดิม ดีที่สุดคือป้องกันอย่าให้ติดเชื้อ
กลุ่มเสี่ยงรับATKฟรี1.28ล้านคน3.38 ล.ชุด
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)เปิดเผยว่า สปสช.ร่วมกับธนาคารกรุงไทย สภาเภสัชกรรม และหน่วยบริการลงทะเบียนคัดกรองความเสี่ยงโควิด-19 ในการรับชุดตรวจ ATK ฟรี ได้ที่หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ร้านยา คลินิกพยาบาล คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกเทคนิคการแพทย์ฯ หรือหน่วยบริการอื่นกว่า 2,000 แห่ง เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม แต่ขณะนี้ผู้ติดเชื้อรายใหม่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25,000 รายต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยไม่มีอาการหรืออาการน้อย แต่เพื่อให้เข้าสู่ระบบรักษาโดยเร็ว รวมถึงลดโอกาสแพร่เชื้อสู่คนรอบข้าง โดยเฉพาะช่วงหลังสงกรานต์ที่เป็นวันหยุดยาว คาดการณ์จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก จึงขอให้ประชาชนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อเข้ารับชุดตรวจ ATK ฟรี จากระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
“จากข้อมูลบริการชุดตรวจ ATK รอบที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม มีประชาชนกลุ่มเสี่ยงขอรับชุดตรวจแล้ว 1,287,586 ราย จำนวน 3,382,126 ชุด ในจำนวนนี้บันทึกผลแล้ว 627,611 ราย ร้อยละ 49 ในจำนวนนี้เป็นผู้มีผลบวกติดเชื้อโควิด 31,156 ราย หรือร้อยละ 2.4” นพ.จเด็จ กล่าว
และว่า เบื้องต้นประชาชนไทยกลุ่มเสี่ยงที่ขอรับชุดตรวจ ATK จะได้รับชุดตรวจจากหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 2 ชุด ขอให้ตรวจหาเชื้อทันที และบันทึกผลตรวจในแอปเป๋าตัง กรณีผลตรวจขึ้น 2 ขีดคือ ติดเชื้อ จะมีคำแนะนำการรักษาตามขั้นตอนและกลุ่มอาการต่อไป ทั้งนี้ กรณีตรวจโควิดด้วย ATK ที่ได้รับไปแล้วผลขึ้น 1 ขีด เป็นลบ หากเป็นกลุ่มเสี่ยงก็สามารถขอรับชุดตรวจ ATK เพิ่มเติมได้อีก 1 ชุด โดยเว้นช่วงระยะเวลาห่างกันหลังจากรับครั้งแรกไปแล้วมากกว่า 14 วัน
ย้ำมาตรการSelf Clean Upก่อนเดินทาง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แนะประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ เตรียมพร้อมก่อนเดินทางเน้นมาตรการ Self Clean Up เพื่อให้มั่นใจว่าตนเองปลอดเชื้อโควิด ตรวจ ATK คัดกรองตนเองเพื่อลดความเสี่ยงแพร่เชื้อ และเมื่อถึงภูมิลำเนาควรออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็น ไม่ไปในสถานที่เสี่ยง แออัด พร้อมสำรวจอาการตนเองเข้าข่ายได้รับเชื้อหรือไม่ อาทิ อาการไอ น้ำมูก เจ็บคอ ปวดเมื่อยเนื้อตัว นอกจากนี้ ขอให้บุตรหลานพาพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ โดยฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ไปฉีดวัคซีน หรือวัคซีนเข็มกระตุ้น ให้ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention เน้นสวมหน้ากาก 100% เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ อย่าใช้มือสัมผัสใบหน้า หลังกลับจากสงกรานต์ ให้สังเกตอาการตนเอง 7 วัน ตรวจ ATK เมื่อมีอาการสงสัยติดเชื้อ และ WFH ตามความเหมาะสม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี