งามไส้!ลูกสาวผู้ต้องขังร้อง‘ผู้คุม’รีดค่าดูแลแม่ ค่าส้มตำ-เค้ก ‘ยธ.’เต้นสั่งให้ออก
21 เมษายน 2565 ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนางสาวเอ (นามสมมุติ) ลูกสาวของผู้ต้องขังหญิงรายหนึ่งที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษธนบุรี เดินทางทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หลังถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประจำเรือนจำพิเศษธนบุรีเรียกเงินค่าดูแลมารดาหลายครั้ง และเมื่อตรวจสอบยังพบว่าเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ถูกเรียกสอบก็ยังรอดกลับมาทำงานได้ตามปกติ
นายรณณรงค์ ระบุว่า ผู้เสียหายรายนี้ มารดาต้องโทษเข้าคุมขังเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ในข้อหาสนับสนุนผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก่อนที่เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ผู้คุมรายนี้เริ่มมีการติดต่อมาที่ครอบครัวของผู้ถูกคุมขังและเริ่มเรียกเงิน โดยอ้างว่าเป็นค่าส้มตำ หรือค่าเค้กวันเกิดลูกสาว หรือค่าต่าง ๆ โดยครั้งแรก 1,000 บาทประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 โดยพ่อได้เอาเงินสดไปให้ครั้งที่ 2 อีก 1,000 บาท ครั้งที่ 3 อีก 1,000 บาท ครั้งที่ 4 อีก 200 บาท ค่าผัดกะเพรา ครั้งที่ 5 อีก 500 บาท ค่าเสื้อกันหนาว บอกจะเอาไปให้แม่ แต่แม่ก็ได้เสื้อแจกจากรัฐบาล เอาเงินสดไปให้ช่วงเดือนมกราคม 2565 เอาไปให้ที่แฟลต ซึ่งอยู่ในเรือนจำเข้าไป ครั้งที่ 6 อีก 1,000 บาท ครั้งที่ 7 ผู้คุมหญิงบอกว่ามีจดหมายจากแม่มาถึงพ่อบอกว่าให้พ่อเอาเงินให้ 1,000 บาท ครั้งที่ 8 โทรมาขอค่าเค้กงานวันเกิดลูก 1,000 ลูกสาวโอนไปให้ทางผู้คุม ครั้งที่ 9 อีก 400 บาท บอกว่าแม่รูดของในเรือนจำไม่ทัน รวมเป็นเงินประมาณ 6,200 บาท และมีการโอนเงินให้ผู้คุมรายนี้ครั้งสุดท้ายเดือนกุมภาพันธ์
ส่วนผู้เสียหาย ระบุเพิ่มเติมว่า ยังมีการพยายามติดต่อยืมเงินบิดาอีกประมาณ 10,000 บาท โดยอ้างว่าน้องชายขับรถชนต้องการเงิน แต่ตนห้ามบิดาไว้ จึงไม่ได้มีการโอนไปให้ ส่วนเงินต่าง ๆ ตามที่กล่าวถึงข้างต้นจะมีการนำไปให้ที่แตกต่างกัน เช่น นำเงินไปให้ที่ข้างเรือนจำ หรือโอนเข้าบัญชี หรือเข้าไปให้ที่บ้านพักเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนจำ และทุกครั้งมีเพื่อนผู้คุมเห็นเหตุการณ์เสมอ
นอกจากนี้ ทางครอบครัววิตกกังวลอย่างมาก คือ ทางผู้คุมรายนี้อ้างสถานการณ์โควิด -19 ไม่สามารถให้ญาติเข้าเยี่ยม ซึ่งผู้คุมจะเป็นคนช่วยดำเนินการต่าง ๆ ให้เอง ก่อนที่ตนเองจะพยายามติดต่อไปหลายช่องทาง แต่ก็เป็นตัวผู้คุมรายนี้ที่เป็นผู้รับสายและติดต่อกลับมาเสมอ ทำให้ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้เจอมารดาเลยสักครั้ง จึงเกรงว่าจะได้รับอันตราย ไม่ปลอดภัย เมื่อไม่นานมานี้ตนเองได้เดินทางเข้าไปที่เรือนจำดังกล่าว ทำให้ทราบว่ามีการเยี่ยมญาติตามปกติ ตนเองจึงตัดสินใจเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือกับทนายรณณรงค์ เพราะรู้สึกว่าโดนลิดรอนสิทธิในการเข้าพบมารดา
ผู้เสียหายยังระบุอีกว่าเคยได้รับการติดต่อจากอดีตผู้ถูกคุมขังรายอื่น ทำให้ทราบว่ายังมีผู้ถูกคุมขังอีกหลายรายที่ถูกเรียกรับเงิน จึงเชื่อว่าตนเองไม่ใช่ผู้เสียหายรายแรกและยังทราบว่าผู้คุมรายนี้เคยถูกร้องเรียนและให้ตรวจสอบหลายครั้ง แต่ก็ยังกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ
ด้านนายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า วันนี้หลังจากรับเรื่องจะมีการแยกเป็น 2 ประเด็น คือประเด็นแรกเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยและอาญากับผู้คุมรายนี้ ส่วนประเด็นที่ 2 คือ ความปลอดภัยของผู้ที่ถูกคุมขัง ซึ่งเป็นมารดาของผู้เสียหาย เบื้องต้นได้มีการประสานพูดคุยกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อดำเนินการในส่วนของประเด็นที่ 2 แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะให้ย้ายผู้ถูกคุมขังไปเรือนจำอื่นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความต้องการของทางผู้เสียหาย แต่หากไม่ต้องการย้ายก็จะสั่งให้ตรวจสอบเรื่องของความปลอดภัยผู้ถูกคุมขัง
“ขณะที่ตัวผู้คุมรายนี้เบื้องต้นมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนพร้อมตั้งกรอบระยะเวลา 180 วันในการตั้งคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง ทั้งโทษทางวินัยและโทษทางคดีอาญา สำหรับโทษทางวินัยถ้าตรวจสอบและยืนยันได้ว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริงก็จะได้รับโทษให้ออกจากราชการ และโทษทางอาญาก็จะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการเกี่ยวโทษทางคดีอาญาอีกครั้ง” นายวัลลภ กล่าว
นายวัลลภ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นหลังจากตรวจสอบหลักฐานที่เป็นคลิปเสียง รวมถึงหลักฐานการโอนเงินต่าง ๆ เชื่อว่าข้อมูลทั้งหมดมีมูลข้อเท็จจริงพอสมควร ต่อจากนี้จะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ส่วนที่มีการระบุว่ามีผู้เสียหายรายอื่นเคยถูกกระทำมาหลายครั้ง ก็ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบย้อนหลังทั้งผู้ถูกคุมขังปัจจุบันและผู้ที่เคยถูกคุมขังและผลโทษว่ามีรายใดเคยถูกเรียกรับเงินแบบนี้ก็จะนำมาประกอบเป็นผู้เสียหายเพิ่มเติมได้
ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายพยายามติดต่อไปที่เรือนจำ โดยติดต่อผ่านเบอร์กลาง แต่ยังเป็นผู้คุมรายนี้เป็นผู้รับว่ามีความผิดปกติ เนื่องจากผู้คุมจะมีการแบ่งเวรกันทำคนละที่ต่าง ๆ ภายในเรือนจำไม่ควรจะมีการรับซ้ำหลายครั้ง ซึ่งทางกระทรวงจะตรวจสอบประเด็นนี้เพิ่มเติม พร้อมกันนี้ยังฝากถึงประชาชนหากไม่รับความสะดวกในการบริการจากหน่วยงานรัฐภายใต้กระทรวงยุติธรรมสามารถร้องทุกข์มาได้ที่สายด่วน 1111 ต่อ 77
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ขอยืนยันว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เพราะเสมือนเป็นการซ้ำเติมผู้ต้องขังและญาติ โดยได้สั่งการอย่างเร่งด่วนให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดนี้ และในระหว่างนี้ให้พักงานทันที หากพบว่ามีความผิดจริงก็ต้องออกจากราชการอย่างเดียว เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ขององค์กร และทำลายกระทรวงยุติธรรม ที่ตนเองพยายามทำทุกอย่างให้เกิดความเท่าเทียม ให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิของตัวเอง แต่การมีเรื่องแบบนี้ออกมา ก็เหมือนเป็นการลบภาพการทำงานของตนที่ได้ทุ่มเทมาอย่างหนัก
“ในส่วนงานของเรือนจำ เราได้ยกระดับความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังมาโดยตลอด ทั้งลดความแออัด เพิ่มพื้นที่นอน สร้างอาชีพ รวมถึงทำเรือนจำท่องเที่ยว เพื่อให้ผู้ต้องขังมีรายได้ คืนคนดีสู่สังคม สิ่งที่ผมขับเคลื่อนได้เดินไปไกล และเปลี่ยนมุมมองของประชาชนที่มีต่อเรือนจำไปมากแล้ว การมาเรียกรับเงินแบบนี้ สังคมจะตราหน้าได้ว่ามีวีไอพี ในเรือนจำ ที่มีผู้คุมดูแล ที่ผ่านมาพยายามลบภาพเหล่านี้มาโดยตลอด ดังนั้น ขอให้กรมราชทัณฑ์เข้มงวดมากขึ้น อย่าให้คนไม่ดีเพียงคนเดียวมาทำให้ผลงานทั้งหมดที่ทำถูกมองข้ามไป” รมว.ยุติธรรม กล่าว
ส่วนนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นกรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากทัณฑสถานหญิงธนบุรีแล้ว พร้อมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าผู้เสียหายรายดังกล่าวเป็นบุตร สาวของ น.ญ.บี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้ต้องขังคดี พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (กัญชา) ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงธนบุรี โดยญาติได้เข้าแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รายนี้ ที่มีพฤติการณ์เรียกรับประโยชน์จากผู้ต้องขังหรือญาติผู้ต้องขัง
“ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้พิจารณาเห็นว่าเจ้าหน้าที่รายนี้ มีกรณีถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง และเป็นการการกระทำเสื่อมเสียต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและชื่อเสียง รวมทั้งภาพลักษณ์ในการบริหารงานราชทัณฑ์อย่างร้ายแรง จึงให้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว เพื่อดำเนินการสวบสวนและหาข้อเท็จจริงต่อไป” นายอายุตม์ กล่าว
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ ได้เน้นย้ำให้ข้าราชการในสังกัดปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โดยยึดถือระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีความพอเพียง พอประมาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บัญชาการเรือนจำและผู้อำนวยการทัณฑสถานทั่วประเทศจะต้องไม่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบเกิดขึ้น พร้อมทั้งได้เปิดช่องทางการรับเรื่องราวร้องทุกข์ถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้โดยตรง หากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คนใดกระทำผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจะถูกลงโทษขั้นเด็ดขาด
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี