ตำรวจ สภ.นางรอง บุรีรัมย์ เตรียมเรียกเยาวชนชายที่ถูกผู้ปกครองนักเรียน ม.2 แจ้งความเอาผิดฐานลวงลูกสาวไปกระทำชำเรา สอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพเพื่อประกอบสำนวนคดี หลังญาติเหยื่อติดใจ 5 เดือนคดีไม่คืบ ด้านเยาวชนชายที่ถูกกล่าวหายอมรับนัดฝ่ายหญิงไปหาและมีอะไรกันในรีสอร์ทจริง แต่ไม่ได้บังคับ ยายเผยครอบครัวคู่กรณีเรียกค่าเสียหาย 1 แสนแต่ยังไม่มีจ่ายเพราะติดโควิดหาเงินไม่ได้
ความคืบหน้ากรณีที่ครอบครัวของทหารเรือชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจาก ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปีนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง ซึ่งเป็นลูกสาว ได้ถูกวัยรุ่นชายคนหนึ่งซึ่งรู้จักกันทางเฟสบุ๊ก ล่อลวงลูกสาวไปกระทำชำเราในรีสอร์ท รวม 3 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ธ.ค.64 ปีที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุผู้ปกครองได้พาลูกสาวเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.นางรอง แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไปกว่า 5 เดือนแล้ว คดีกลับไม่มีความคืบหน้า ยังไม่มีการเรียกเด็กไปสอบต่อหน้าสหวิชาชีพเลย เพียงร้อยเวรฯเจ้าของคดีให้เด็กไปชี้จุดเกิดเหตุ และสอบถามเหตุการณ์เท่านั้น แล้วก็เงียบหายไป พอผู้ปกครองไปสอบถามตำรวจก็บอกแค่ว่าต้องทำไปตามขั้นตอน แต่ครอบครัวเห็นว่าเวลาล่วงเลยไปนานกว่า 5 เดือนแล้ว เรื่องยังเงียบจึงเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงเตรียมเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา
ล่าสุดวันนี้ (22 เม.ย.65) พนักงานสอบสวน สภ.นางรอง เจ้าของคดีได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านครอบครัวทหารเรือที่แจ้งความร้องทุกข์ว่า ลูกสาวถูกลวงไปกระทำชำเรา เพื่อนัดให้ผู้ปกครองพา ด.ญ.ผู้เสียหายไปสอบต่อหน้าสหวิชาชีพ ที่อัยการจังหวัดนางรอง ในวันที่ 25 เม.ย.ที่จะถึงนี้เพื่อประกอบสำนวนคดี เพราะตั้งแต่แจ้งความยังไม่ได้เรียกเด็กผู้เสียหายไปสอบ เนื่องจากต้องรอสอบต่อหน้าสหวิชาชีพ เพราะผู้เสียหายเป็นเด็ก
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ชี้แจงให้ทางครอบครัวทราบว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ ได้เตรียมเรียกเยาวชนชายที่ถูกกล่าวหาเข้ามาสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพเช่นกัน เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาก็ยังเป็นเยาวชน อายุ 14 ปี หลังจากสอบทั้งเด็กผู้เสียหายและคู่กรณีแล้วก็จะทำการรวบรวมหลักฐานและสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการ ตามกระบวนการขั้นตอน ยืนยันว่า ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย แต่เนื่องจากทั้งผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาเป็นเยาวชนจึงต้องทำคดีด้วยความละเอียดรอบคอบ และเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน
ขณะที่ ด.ช.เอ็ม (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เยาวชนที่ถูกกล่าวหา ซึ่งปัจจุบันไม่ได้เรียนหนังสือ ยอมรับว่าได้รู้จักและติดต่อกับฝ่ายหญิงทางเฟสบุ๊กประมาณ 2 สัปดาห์ ได้นัดฝ่ายหญิงให้มาหาที่รีสอร์ทและมีอะไรกันจริงรวม 3 ครั้ง ซึ่งฝ่ายหญิงก็มาหาและมีอะไรกันด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีการบังคับขืนใจ แต่พอรู้ว่าผู้ปกครองของฝ่ายหญิงแจ้งความเอาผิดก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ก็เสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้และยอมรับว่ากลัวจะถูกส่งเข้าสถานพินิจ แต่ในเมื่อมันเกิดไปแล้วตนก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องขึ้นอยู่กับทางผู้ใหญ่ด้วย
ด้านนางสุนี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ยายของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า พ่อแม่ของหลานแยกทางกันตั้งแต่เด็ก ตนกับตาก็เลี้ยงมาตั้งเด็ก ปัจจุบันหลานอายุ 14 แต่ไม่ได้เรียนต่อชั้นมัธยม ก็ทำงานรับจ้างช่วยตากับยาย ที่ผ่านมาตนก็ไม่รู้ว่าหลานไปไหนมาไหนหรือติดต่อกับใครบ้าง เพราะไม่ได้ตามหลานตลอด และไม่รู้ว่าหลานไปติดต่อหรือมีอะไรกับฝ่ายหญิงตั้งแต่ตอนไหน มารู้อีกทีก็ตอนที่ผู้ปกครองเขาไปแจ้งความเอาผิด
"ตอนแรกยอมรับว่ามีการพูดคุยเจรจาตกลงค่าเสียหายกัน โดยผู้ปกครองฝ่ายหญิงเรียกค่าเสียหาย 1 แสนบาท แต่เนื่องจากครอบครัวก็ฐานะยากจนและช่วงนี้ก็ติดโควิดต้องกักตัวด้วย จึงไม่มีเงินไปจ่ายให้ผู้เสียหาย ก็อยากจะขอความเห็นใจจากคู่กรณีด้วยเพราะหลานตนเองก็ยังเป็นเด็กทำอะไรไป โดยไม่คิดหรือไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน" - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี