22 เม.ย.65 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงทิศทางการเมืองในสังคมว่า ผมพูดอยู่หลายครั้งว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความสามารถ มีความตั้งมั่น ตั้งใจในการแก้ไขปัญหาให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชน เรื่องการฉ้อโกง ท่านนายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อรัฐสภาไว้ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2562 เป็น 1 ใน 11 เรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำ แต่วันนี้ปัญหาเหล่านี้ทั้งการฉ้อโกง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังมีอยู่มากมายและยังมีแต่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
โดยมีเสียงสะท้อนจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนจำนวนมาก ส่งข้อความมาหาตนให้ช่วยส่งข้อมูลถึงนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องการฉ้อโกงประชาชนที่ยังคงมีมากมาย ล่าสุดก็มีพระภิกษุ บุกขึ้นโรงพักแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อจะกู้เงินแล้วให้เอาไปลงทุนซื้อของออนไลน์กาแฟคอลลาเจน แต่สุดท้ายสูญเงิน ซึ่งเป็นข่าวรายวันที่ประชาชนถูกหลอกลวงให้ลงทุนในรูปแบบต่างๆ ให้กู้ยืมเงินโอนเงินไปแล้วไม่ได้เงินกู้ตามที่กล่าวอ้าง นี่คือปัญหาความเดือดร้อนของพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ส่งมาให้ผมบอกต่อไปยังท่านนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่พิธีกรสาวถูกแก๊งค์คอลเซนเตอร์โทรมาหลอกให้โอนเงินเป็นหลักล้านบาทก็ยังไม่ได้เงินคืนสักบาทและจับคนร้ายไม่ได้ ซึ่งรัฐมนตรีรัฐมนตรีที่ควบคุมดูแลแก้ปัญหาดังกล่าว จะต้องลาออกไป เพราะถ้าปัญหาทุกอย่างต้องให้นายกฯเป็นผู้แก้ไขแล้วจะมีรัฐมนตรีไว้ทำไม ทั้งนี้ข้าราชการประจำกับข้าราชการการเมืองต้องทำงานร่วมกันแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี ผมจะหยิบยกกรณีจ๊อกกี้ขี่ม้ามาเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า ปลัดกระทรวงก็เปรียบเหมือนม้าและรัฐมนตรีก็เปรียบได้กับจ๊อกกี้ หากว่าม้านั้นวิ่งได้เร็ว แล้วจ๊อกกี้ควบคุมได้ดีก็จะทำให้ม้าตัวนั้นเข้าเส้นชัย
ผมอยากจะวิงวอนไปยังนายกรัฐมนตรีว่าถ้าจ๊อกกี้ขี่ม้าเก่ง บังคับม้าดีก็ควรให้ขี่ม้าที่ตัวใหญ่วิ่งเร็ว เพื่อที่จะให้ทำรอบ ทำเวลาให้ดี เฉกเช่นเดียวกับถ้ารัฐมนตรีคนไหนที่เก่ง ทำงานเป็น มองปัญหาออก แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านได้ก็ควรให้อยู่ในกระทรวงที่ใหญ่ขึ้น แต่ในทางกลับกันถ้ารัฐมนตรีคนไหนอายุมาก หรือหมดไฟก็ควรจะปรับออก เปลี่ยนออก เพื่อให้คนที่มีความสดใหม่ จินตนาการดี มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้เข้ามาทำงานเพื่อเปลี่ยนมิติการบริหารแผ่นดินให้เกิดผลประโยชน์ขึ้นกับพ่อแม่ พี่น้องประชาชน
วันนี้ปัญหาเดิมๆก็เกิดขึ้นซ้ำซาก ซึ่งนายกฯได้สั่งให้มีการแก้ไข แต่ทำไมยังเกิดขึ้นอยู่ นั่นก็เพราะว่า คนที่มีเป็นรัฐมนตรีอาจไม่มีกึ๋น หรือรัฐมนตรีสั่งปลัดกระทรวงไม่ได้ ความเดือดร้อนจึงกลับมาตกที่พ่อแม่พี่น้อง ดังนั้น จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี ฟังเสียงจากชาวบ้านสมัยก่อนโบราณ ถ้าอยากรู้ว่า เขาพูดถึงการบริหารราชการแผ่นดินแผ่นดินอย่างไร เขาจะปลอมตัวออกไปต่อยมวยบ้าง หรือบ้างออกไปเยี่ยมประชาชน ว่าเขาพูดกลับมาอย่างไร แต่ในปัจจุบันนายกรัฐมนตรีไม่ต้องแปลงตัว ไม่ต้องปลอมตัวออกไปต่อยมวย ท่านนายกใช้ Social Listening ฟังปัญหาในโลกออนไลน์ซึ่งมีมากมายและท่านนายกฯจะได้รู้ถึงแก่นของปัญหาในการที่จะ ปัญหาครับ นั่นก็คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกท่านนายกฯว่าการเมืองไม่น่าห่วงเท่ากับความเดือดร้อนของประชาชน ตราบใดถ้านายกฯยังมีแรงศรัทธาจากประชาชน มีความเชื่อมั่นจากประชาชน ท่านไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้นครับ นักการเมืองทุกคนก็จะวิ่งเข้าหาท่านนายกฯ แต่ในทางกลับกันถ้ากระแสนายกฯ ไม่ดีตกต่ำ แล้วท่านนายกฯไม่ใช้อำนาจในการปรับครม. เปลี่ยนแปลงพลิกเกม วันหนึ่งท่านนายกฯจะถูกนักการเมืองโดดหนีได้ เพราะสุดท้ายนักการเมืองก็มาจากประชาชน ในวันโหวตชาวบ้านเขาจะเป็นคนโหวตให้ว่าเขาจะเลือกใคร
ฉะนั้นผมจึงอยากวิงวอนให้ท่านนายกฯฟังเสียงของประชาชนแล้วใช้อำนาจนายกฯที่มีแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ซึ่งเรื่องสำคัญที่สุดคือเรื่องปากท้อง เรื่องการฉ้อโกง เพราะมันทำให้เขา หมดเนื้อหมดตัว ผมเคยพูดไปแล้วเรื่องหนี้สินครัวเรือน ไม่มีใครกล้าพูดว่าวันนี้หนี้สินครวเรือนของประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 2 เพราะแต่ละคนถูกฉ้อโกงไป เงินก็ไม่ได้คืน เม็ดเงินในประเทศก็หายไปนั่นคือปัญหาที่ท่านนายกฯมองซ้าย มองขวาว่าทำไมวันนี้เงินในประเทศไม่มี เพราะถูกผันแปรโอนออกไปนอกประเทศหมดแล้ว ท่านนายกฯควรหันกลับไปถาม สํานักงานตํารวจแห่งชาติว่าคดีที่ดำเนินคดีในเรื่องของฉ้อโกงประชาชนนั้นติดตามทรัพย์ให้เขาคืนได้ 100% หรือเปล่า เอาแค่10% ถามว่าทำได้หรือไม่อย่างไร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ซึ่งขึ้นอยู่ในอำนาจกำกับดูแลของท่านนายกรัฐมนตรี ก็ลองกลับไปถามเลขาปปง.ว่าได้คืนเงินให้ชาวบ้านได้กี่เปอร์เซนต์ ได้ทันทีเลยมั้ย ส่งศาลใช้เวลานานกี่สิบปี ถึงจะคืนเงินให้เขา แล้วคืนให้เขาจำนวนกี่เปอร์เซ็นต์ นั่นคือสิ่งที่ผมบอกเลยว่ากฎหมายของประเทศไทยล้าหลัง ต้องเร่งแก้ไข
ผมจึงอยากจะบอกว่าในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯขอให้นายกฯ พิจารณาฟังเสียงของพ่อแม่พี่น้องประชาชน ใช้อำนาจในการปรับครม.อันชอบธรรมของท่าน และเป็นกลไกทางการเมืองที่จะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้ เกิดกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน
"บางคนอาจจะมองไม่ออกข้าราชการประจำก็เปรียบกับ ข้าราชการการเมืองหรือรัฐมนตรีก็เปรียบเสมือนจ๊อกกี้ถ้าเราเทียบว่าม้า ปลัดกระทรวงเป็นม้า รัฐมนตรีเป็นจ๊อกกี้ เราจะเห็นภาพว่าถ้าม้านั้นวิ่งเร็ว จ๊อกกี้ควบคุมได้ดีม้าตัวนั้นก็เข้าเส้นชัย ผลลัพธ์การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีนั่นคือสิ่งรัฐบาลที่ได้รับอำนาจจากประชาชน ผ่านฉันทามติในการได้รับเลือกตั้งมา ต้องแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ม้ากับคนต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ม้าจึงจะวิ่งได้เร็ว ถ้าม้าพยศจ๊อกกี้ก็จะหล่น เช่นเดียวกับรัฐมนตรีก็เหมือนกัน ถ้าปลัดกระทรวงดื้อ รัฐมนตรีจะอาจจะตกเก้าอี้ได้ หรือม้าตัวไหนดื้อมากต้องใช้แส้ตีบังคับม้าให้ได้ หรือปรับเปลี่ยนปลัดกระทรวงเพื่อให้ผลลัพธ์มันกลับมาในสิ่งที่พี่น้องประชาชน นั่นเป็นกลไกในเรื่องของการบริหารจัดการอยู่แล้ว"
ที่ผ่านมา รัฐบาลในอดีตมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนั้น มีการให้อำนาจนายกฯปรับ ครม.ได้ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินนั้นได้ประสิทธิภาพและประสิทธิผล สมัยในอดีตนายกฯบางคนปรับครม.ทุก 3 เดือน เพื่อเติมความสด เพื่อเติมจินตนาการในการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์
แต่วันนี้ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา มีการแต่งตั้งครม.เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 มีครม.มาจากพรรคพลังประชารัฐ 18 คน พรรค พรรคประชาธิปัตย์ 7 คน พรรคภูมิใจไทย 7คน พรรคชาติไทยพัฒนา 2 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน และพรรคชาติพัฒนา 1 คน ถ้าเราหยิบยกมาดูปัจจุบันปี '65 หน้าตารัฐมนตรีแทบจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยมีแค่บางคนที่ลาออก หรือถูกพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีหรือถูกศาลพิพากษาให้จำคุกระหว่างดำรง ตำแหน่ง แต่ไม่ได้มีการปรับครม. โดยใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลแต่อย่างใด
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี