เลขา ป.ป.ส.แต่งตั้งเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.เพิ่มอำนาจยึดอายัดทรัพย์สินอีก 4,284 นาย เชื่อยึดทรัพย์ทะลุ 10,000 ล้าน ปราบนักค้ายาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาอนุมัติการแต่งตั้งเจ้าพนักงานตามกฏหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มีมติอนุมัติการเพิ่มอำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.ให้มีอำนาจในการยึดอายัดทรัพย์สินที่สงสัยว่าเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นกรณีเร่งด่วน ก่อนดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สิน แล้วจึงรายงานให้เลขาธิการ ป.ป.ส.ทราบภายใน 7 วัน ตามมาตรา 11/1 (6) แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 เป็นจำนวน 4,236 ราย จาก 14 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง กรุงเทพมหานคร สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเพิ่มอำนาจ เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.ตามมาตรา 11/1 (7) แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2564 ในการตรวจสอบทรัพย์สิน ยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามที่คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติดหรือเลขาธิการ ป.ป.ส.มอบหมาย เป็นจำนวน 48 ราย ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ส.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวว่า การเพิ่มอำนาจหน้าที่เหล่านี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญสนับสนุนให้การยึด อายัด และการบริหารจัดการทรัพย์สินของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.ในการดำเนินการกับนักค้ายาเสพติด มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เน้นย้ำให้ปราบปรามนักค้ายาเสพติด โดยมุ่งตัดวงจรทั้งเครือข่าย เชื่อว่าเป้าหมายยึดทรัพย์ จะทะลุเป้าหมายที่วางไว้ 10,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน
ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี ป.ป.ส.ขอให้เพิ่มอำนาจเป็นพนักงานสอบสวน ว่า ตนได้รับรายงานจาก ป.ป.ส.ว่า ขณะนี้การขยายผลยึดทรัพย์คดียาเสพติดทำได้ล่าช้า เนื่องจาก ป.ป.ส.ไม่มีอำนาจเป็นหัวหน้าพนักงานสำนวนเหมือนตำรวจ โดยให้อำนาจ ป.ป.ส.สอบสวนเฉพาะผู้ต้องหาเท่านั้น จึงทำให้คดีไปติดค้างที่พนักงานสอบสวน และบางคดีนานกว่าจะออกหมายจับ จึงทำให้ล่าช้าในการขยายผลยึดทรัพย์ตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม ดังนั้น ป.ป.ส.จึงเสนอขอแก้ไข พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2564 ในมาตรา 11/1 (8) จากกำหนดไว้ว่า สอบสวนผู้ต้องหาในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แก้ไขเป็นสอบสวนคดีความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดที่เลขาธิการ ป.ป.ส.มอบหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งจะทำให้ ป.ป.ส.มีอำนาจเป็นพนักงานสอบสวน เหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยถ้าสามารถแก้ไขได้ จะทำให้ ป.ป.ส.สามารถขยายผลยึดทรัพย์คดียาเสพติดได้รวดเร็วขึ้น
"ผมเห็นว่าการแก้กฎหมายนี้ จะทำให้ ป.ป.ส.ทำงานได้คล่องตัวขึ้น และจะยึดทรัพย์คดียาเสพติดได้ตามเป้า 1 หมื่นล้านบาท จึงแนะแนวทางให้ ส.ส.ช่วยเสนอแก้ไขนำหน้าไปก่อน จะทำให้การแก้ไขเร็วขึ้น เนื่องจากถ้าหากเป็นกฎหมายที่ ส.ส.เสนอ ไม่ต้องทำประชาพิจารณ์ ส่วน ป.ป.ส.ก็แก้ควบคู่กันไป ผมอยากให้แก้ไขเสร็จก่อน เดือน มีนาคม 2566 เพื่อที่จะได้ตัดวงจรยาเสพติดให้หมด" รมว.ยุติธรรม กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี