‘ชัชชาติ’ เบอร์ 8 เชื่อว่าการบริหารจัดการดี จะทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้นได้
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 8 โพสต์เฟซบุ๊คสรุปประเด็นการร่วมดีเบตเวที The StandardDebate เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2565 โดยตอนหนึ่งได้บอกเล่าประสบการณ์ตรงของตนเองเมื่อพบว่าลูกหูหนวกว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ช่วยเหลือลูกไม่ใช่นวัตกรรมที่หรูหรา แต่คือเครือข่ายครอบครัวคนพิการที่ร่วมมือช่วยเหลือกัน เช่น เครือข่ายครอบครัวที่มีลูกพิการซ้ำซ้อน ที่พ่อแม่มารวมตัวกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ จัดหาสถานที่บำบัด ซึ่ง กทม. ไม่ได้เข้ามาสนับสนุนตรงนี้ ทั้งที่เป็นสิ่งสำคัญมาก เป็นทุนทางสังคมที่เข้มแข็ง กทม.ต้องเข้าไปช่วยเหลือ เช่น ทำข้อมูลให้ชัดเจน ว่าผู้พิการอยู่ที่ไหนบ้างในแต่ละชุมชน เป็นผู้พิการแบบไหน ช่วยสร้างเครือข่าย หาพื้นที่ให้เขาได้รวมตัวกัน แล้วสนับสนุนด้านวิชาการ ด้านอุปกรณ์ต่างๆ เป็นเรื่องที่ง่าย แต่เปลี่ยนชีวิตของคนพิการได้
“อย่างลูกผมที่หูหนวก ครอบครัวที่มีคนหูหนวกก็ช่วยกันเยอะเลย ลูกผมไปผ่าตัดต่างประเทศแล้วสำเร็จเป็นคนแรก ไม่มีใครผ่าตัดมาก่อน สุดท้ายแล้วมีคนผ่าตัดแล้วตอนนี้สองพันคนที่สามารถพูดได้ นี่เป็นพลังของการรวมตัวกัน” นายชัชชาติ กล่าว
นายชัชชาติกล่าวว่า สวนสาธารณะที่มีอยู่แล้ว กทม. ต้องเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สบู่ล้างมือ ล็อกเกอร์ ห้องอาบน้ำ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มาสวนลุมฯ หรือมาสวนเบญจกิติได้ทุกวัน ลานกีฬาที่ดี คือลานกีฬาใกล้บ้านดังนั้น กทม.ต้องขยายลานกีฬาไปอยู่ใกล้บ้านปัจจุบันเรามีลานกีฬาอยู่ 1,034 แห่งทั่วกรุงเทพฯ แต่หลายแห่งถูกทิ้งรกร้าง และขาดอุปกรณ์กีฬา กทม. ต้องสนับสนุน และให้ชุมชนร่วมกันดูแล
สำหรับประเด็น city run นั้นนายชัชชาติกล่าวว่า ตนก็ city run ทุกวันในช่วงหาเสียง มันทำให้เราเห็นชีวิตคน เห็นทางเท้าที่มีปัญหา เรามีนโยบาย bangkok trail 500 กม.ทำทางวิ่งที่ดี 500 กิโลเมตรเขตละ 10 กิโล แล้วให้เชื่อมโยงกัน ปรับทางให้มันเรียบ มีมาตรฐาน มีห้องน้ำสาธารณะตามเส้นทาง กรุงเทพฯ จะมีทางเท้าดีขึ้น วิ่งได้ก็เดินได้
ส่วนประเด็นความหลากหลายทางเพศต้องเริ่มจากความเข้าใจ ในหลายๆ มิติ เรามองเมืองเป็น binary เป็น 0 กับ 1มีชาย-หญิง มีขาว-ดำ มีเหลือง-แดง แต่ชีวิตจริงไม่ได้มีแค่ 0 กับ 1 แต่มี spectrum มีเฉดสีที่ต่างกัน ถ้าเรายอมรับตรงนี้ได้ ความขัดแย้งหลายๆ อย่างจะดีขึ้น เรื่องนี้ กทม. ต้องเริ่มจากตัวเองยอมรับความหลากหลายทางเพศของลูกจ้าง กทม. 80,000 คน และต้องเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร นอกจากนี้ เรายังมีที่เกี่ยวข้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ทำ 50 ย่าน 50 อัตลักษณ์ อาจจะมีย่านที่รวมคนที่มีความหลากหลายทางเพศ มีเทศกาลประจำปีให้หนึ่งเดือนเป็น pride month
แก้ไขจุดเสี่ยงทางม้าลาย ต้องทำให้ได้ใน 1 ปีแรก เพราะทางม้าลายเป็นเรื่องสำคัญ และต้องทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วยทั้งเรื่องการจำกัดความเร็ว ต้องดูในภาพรวมทั้งระบบ ทางม้าลายเป็นส่วนหนึ่งของความปลอดภัย ผู้ว่าฯ เป็นผู้รับผิดชอบ 100%
“หน้าที่ของ กทม. แตะชีวิตของเราทุกคน ถ้าเรามีการบริหารจัดการที่ดี ผมเชื่อว่าเราทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้นได้สองปีครึ่งผมเดินลงพื้นที่ ผมเห็นเลยว่าคนกรุงเทพฯ หมดหวัง ผมพร้อมจะเป็นผู้นำแห่งความหวัง จะพร้อมร่วมมือกับทุกคน มาร่วมกันทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคนครับ” นายชัชชาติ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี