วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2566
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ศบค.เคาะปรับเพิ่ม14จว.เขียว-17จว.ฟ้า  เปิดผับบาร์1มิ.ย.  นักเที่ยวลงอ่างต้องใส่แมส/วัคซีนครบ

ศบค.เคาะปรับเพิ่ม14จว.เขียว-17จว.ฟ้า เปิดผับบาร์1มิ.ย. นักเที่ยวลงอ่างต้องใส่แมส/วัคซีนครบ

วันเสาร์ ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
Tag : ศบค. โควิด19 โควิด โอไมครอน
  •  

ศบค.เคาะปรับเพิ่ม14จว.เขียว-17จว.ฟ้า

เปิดผับบาร์1มิ.ย.

นักเที่ยวลงอ่างต้องใส่แมส/วัคซีนครบ

ลดมาตรการเข้าไทยใช้ผลตรวจATK

ขยายพรก.ฉุกเฉินอีก2เดือนถึง31ก.ค.

ย้ำโควิดสัญญาณดีใกล้โรคประจำถิ่น

ติดเชื้อใหม่รวมATK14,135/ตาย41

 

ศบค.ชุดใหญ่ เลิกกักตัวผู้เสี่ยงสูง ใช้สังเกตอาการแทน10 วัน ปรับพื้นที่สีตามสถานการณ์ โซนสีเหลือง เหลือ49 จังหวัด เพิ่ม 14 จังหวัดสีเขียว–17 จังหวัดสีฟ้านำร่องท่องเที่ยว เคาะเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด 1 มิถุนายน ขาย-ดื่มเหล้าได้ถึงเที่ยงคืน พนักงานประจำร้านตรวจ ATK ทุก 7 วัน กำหนดเงื่อนไขใช้บริการ อาบอบนวด ต้องใส่แมส–โชว์ใบฉีดวัคซีน อีกทั้ง ปรับลดมาตรการตรวจ ก่อนเข้าประเทศ ใช้ผล ATK ได้ เลิกกักตัวกลุ่มไม่ได้รับวัคซีน หรือรับไม่ครบ ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 2 เดือนถึง 31 กรกฎาคมนายกฯย้ำปชช.ฉีดเข็มกระตุ้นยันปลอดภัย สธ.ชี้สัญญาณดี ใกล้เข้าโรคประจำถิ่น ยอดโควิดติดเชื้อใหม่ เพิ่มรวม ATK 14,135 ราย ตาย 41 ศพ ส่วนโคมา 1,037 ใส่ท่อ 510 คน


เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)หรือศบค.แถลงหลังประชุมศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมีการพิจารณาสถานการณ์ระบาดโควิด รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการเพิ่ม เตรียมรับเปิดประเทศเป็นทางการ

ติดเชื้อเพิ่มรวมATK14,135ราย

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์แพร่ระบาดในประเทศไทยประจำวันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 6,463 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,439 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,429 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 10 ราย มาจากเรือนจำ 23 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1 ราย ส่วนยอดการตรวจ ATK ตามการรายงานของกระทรวงสาธารณสุข มียอดผู้ติดเชื้อเข้าข่าย 7,830 ราย โดยจำนวนนี้ไม่รวมในการรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ ซึ่งยืนยันผลด้วย RT-PCR เมื่อรวมกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 6,305 ราย เท่ากับมีผู้ติดเชื้อ 14,135 ราย

ตาย41-โคมา1,037ใส่ท่อ510คน

ส่วนผู้รักษาหายป่วยเพิ่มขึ้น 7,091 ราย อยู่ระหว่างรักษา 58,910 ราย ผู้ป่วยอาการหนัก 1,037 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 510 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 41 ราย เป็นชาย 23 ราย หญิง 18 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 36 ราย มีโรคเรื้อรัง 4 ราย ไม่มีโรคเรื้อรัง 1 ราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,401,378 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,312,790 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 29,678 ราย ขณะที่สถานการณ์โลกมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 525,864,514 ราย เสียชีวิตสะสม 6,297,053 ราย สำหรับ 5 อันดับจังหวัดผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) 2,566 ราย บุรีรัมย์ 183 ราย สุรินทร์ 161 ราย อุบลราชธานี 158 ราย และขอนแก่น 155 ราย

โควิดทิศทางดีใกล้เป็นโรคประจำถิ่น

“ทิศทางติดเชื้อ ป่วยหนักและเสียชีวิตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ถือเป็นการเข้าสู่การประกาศโรคประจำถิ่นในระยะที่สามเร็วขึ้นกว่าเดิมประมาณ2สัปดาห์ เห็นได้ว่าเส้นระยะที่3 จะเกิดขึ้นปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายนแต่การประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นยังคงวันที่1ก.ค.ไว้ก่อนเพราะต้องรอดูมาตรการผ่อนคลายต่างๆทั้งเปิดสถานบันเทิงและเปิดภาคเรียนว่าเป็นอย่างไรที่จะเป็นตัวแปร”นพ.ทวีศิลป์ กล่าวย้ำ

เลิกกักตัวเสี่ยงสูงให้สังเกตอาการ10วัน

และว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบผ่อนคลายแนวทางการจัดการผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงของผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อโควิด จากเดิมถ้าไปสัมผัสผู้ติดเชื้อ กลายเป็นผู้เสี่ยงสูงต้องกักตัว 5 วันอยู่ในบ้าน และ 5 วันที่เหลือไปทำงานได้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว ให้สังเกตอาการได้ 10 วัน หมายความว่าไปทำงานได้ อยู่ในสังคมได้ แต่ต้องระวังตัวเอง และให้ตรวจเอทีเค เมื่อมีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ

เพิ่ม14จว.เขียว-17จว.ฟ้า-46จว.เหลือง

ขณะเดียวกัน ยังเห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์จากเดิมมีพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 65 จังหวัด ปรับลดลงเหลือ 46 จังหวัด และเพิ่มพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) 14 จังหวัด ประกอบด้วย ชัยนาท ตราด นครพนม น่าน บุรีรัมย์ พิจิตร อ่างทอง มหาสารคาม ยโสธร ลำปาง สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ อุดรธานี และอำนาจเจริญ พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) จาก 12 จังหวัด เป็น 17 จังหวัด ประกอบด้วย กระบี่ กทม. กาญจนบุรี จันทบุรี ชลบุรี เชียงราย เชียงใหม่ นครราชสีมา นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระยอง สงขลา

1มิ.ย.เปิดผับบาร์อาบอบนวดโซนเขียว/ฟ้า

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการในพื้นที่สีเหลือง ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มคนเกิน 1,000 คน ขณะที่มาตรการในพื้นที่สีเขียวและฟ้านั้น จัดกิจกรรมต่างๆได้ตามความเหมาะสม อีกทั้ง ยังผ่อนคลายให้สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบ อบ นวดหรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเปิดดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน มีเงื่อนไขว่าให้จำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิน 24.00 น.คือ เปิดได้ถึงเที่ยงคืน แม้ร้านเลิกแล้ว คนจะนั่งดื่มต่อไม่ได้ หากของเหลือให้หอบหิ้วกลับไปบริโภคที่บ้าน โดยหลังเที่ยงคืนจะไม่มีการเปิดร้านนั่งดื่มอีก และให้งดกิจกรรมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก้วเดียวกัน งดกิจกรรมส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เข้าอาบอบนวดใส่แมส-โชว์ฉีดวัคซีน

ส่วนการให้บริการที่มีการคลุกคลีและสัมผัสใกล้ชิดกับลูกค้า เช่น อาบ อบ นวด ต้องสวมหน้ากาก โดยผู้รับบริการไม่ต้องโชว์ผลตรวจโควิด เพียงแต่โชว์ผลฉีดวัคซีน พร้อมกับขอความร่วมมือกลุ่ม 608 งดหรือเลี่ยงเข้าพื้นที่เหล่านี้ ขณะที่มาตรการของสถานประกอบการ ผู้ให้บริการ นักร้อง นักดนตรี ต้องได้วัคซีนตามเกณฑ์และได้รับเข็มกระตุ้น ตรวจคัดกรองความเสี่ยงพนักงานทุกวัน และตรวจเอทีเคทุก 7 วัน สถานบริการต้องขึ้นทะเบียนและขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์มไทยสตอปโควิด อีกทั้ง ต้องให้กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร (กทม.) กระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดติดตามอย่างใกล้ชิด โดยนายกฯเน้นย้ำว่าหากเปิดได้และทำได้ดี สนับสนุนให้ทำต่อ แต่ได้แจ้งหน่วยงานด้านความมั่นคงว่าถ้าทำได้ไม่ดี ไม่สอดคล้องกับมาตรการ เจ้าหน้าที่มีสิทธิใช้อำนาจเข้าไปตรวจสอบและสั่งปิดการบริการได้เพื่อความปลอดภัย

ปรับลดมาตรการเข้าปท.ใช้ผลATKได้

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยปรับลดการตรวจในการเข้าราชอาณาจักร ผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับวัคซีนไม่ครบ สามารถแสดงผลตัวเอทีเคโดยแพทย์ หรือผลตรวจ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และยกเลิกการกักตัวในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับวัคซีนไม่ครบ แต่หากเดินทางมาถึงแล้วไม่มีผลตรวจโควิด ให้ตรวจเอทีเคที่สนามบิน

เลิกไทยแลนด์พาสคนไทย คงเฉพาะต่างชาติ

ส่วนระบบไทยแลนด์พาสนั้น ให้คงเหลือเฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้น โดยกรอกข้อมูลเพียงแค่ ประวัติการรับวัคซีน การทำประกันวงเงิน 1 หมื่นยูเอสดอลลาร์และพาสปอร์ต เมื่อกรอกข้อมูลดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วจะได้คิวอาร์โค้ดทันที ขณะที่คนไทยไม่ต้องลงทะเบียนไทยแลนด์พาสแล้วและยกเลิกกักตัว โดยให้ตรวจเอทีเคที่สนามบิน หากมีผลเป็นบวกให้ไปพบแพทย์และเข้ารักษา แต่ถ้าผลเป็นลบเข้าประเทศได้เลย

เลิกมาตรการห้าม ขรก.-นร.ทุนไปตปท.

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศของกลุ่มข้าราชการและนักเรียนทุน จากเดิมที่ห้ามข้าราชการ พนักงานของรัฐเดินทางไปต่างประเทศ ยกเว้นเหตุจำเป็น รวมถึงระงับนักศึกษาที่ได้ทุนในการดูแลของ ก.พ.ในการไปศึกษาต่อต่างประเทศ แต่ปัจจุบันสถานการณ์โควิดดีขึ้น จึงยกเลิกมาตรการดังกล่าว

ต่อพรก.ฉุกเฉินอีก2เดือนถึง31ก.ค.

นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครั้งที่ 18 ออกไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-31 กรกฎาคม จนกว่าจะผ่านเกณฑ์การประเมินเป็นโรคประจำถิ่นตามที่ฝ่ายสาธารณสุขกำหนด

ชื่นชม16จว.ฉีดวัคซีนเกิน60%ทุกกลุ่ม

นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค.พิจารณาแผนให้วัคซีนของเดือนมิถุนายนพบว่า คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้วประมาณ 80% และเข็ม 2 ก็ 80% เช่นกัน แต่เข็ม 3 ยังน้อยอยู่ โดยฉีดไป 43.1% เนื่องจากบางคนป่วยก่อน และเมื่อป่วยต้องรออีก 3 เดือนจึงจะมาฉีดได้ ขณะที่เด็กอายุ 5-11 ปีก็เร่งฉีดวัคซีนเช่นกัน โดยเข็มที่ 1 ฉีดไปแล้ว 56.4% ส่วนเข็มที่ 2 ฉีด 24.5% ส่วนผลคืบหน้าการให้บริการวัคซีนได้ชื่นชมบางจังหวัดฉีดได้ดีมากๆ ยกตัวอย่าง 16 จังหวัดฉีดได้มากกว่า60% ในทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น น่าน ลำพูน ชัยนาท นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง ยโสธร ภูเก็ต และกรุงเทพมหานคร ซึ่งทำได้ดี สำหรับแผนเร่งรัดฉีดวัคซีนโควิดนั้น ต้องค้นหารายชื่อและให้วัคซีนเก็บตกในผู้ที่ยังไม่ได้ฉีด โดยกระทรวงมหาดไทยจะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเร่งค้นหาและเร่งฉีด โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ตั้งเป้าอายุ 5-11 ปีต้องรีบฉีดวัคซีน ฝากพ่อแม่ผู้ปกครองช่วยกันด้วย

ตั้งเป้าเร่งฉีดวัคซีนมิย.ให้ได้5ล.โดส

นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า ในเรื่องประสิทธิผลการใช้ Long-acting antibody (LAAB) หรือฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปนั้น ที่ประชุมครั้งที่แล้วให้หารือผลสรุปว่าคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งได้ข้อสรุปว่าคุ้มค่า สรุปคือ ที่ประชุมเห็นชอบตามข้อเสนอกระทรวงสาธารณสุข โดยให้ขยายสัญญาส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนไฟเซอร์ จากภายในปี 2565 เป็นปี 2565-2566 และให้จัดหาแอนติบอดี ออกฤทธิ์ยาวทดแทนการฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ บางส่วนภายใต้วงเงินที่ได้รับอนุมัติจากครม. และขอให้พิจารณาจัดหาโดยเร็ว นอกจากนี้ ยังมีแผนการฉีด 5 ล้านโดสของเดือนมิถุนายน

นายกฯย้ำปชช.ฉีดเข็มกระตุ้นยันปลอดภัย

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมแถลงหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 )หรือศบค. ครั้งที่ 8/2565 ว่า การประชุม ศบค.ได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมหลายเรื่อง สิ่งที่น่ายินดีคือ สถานการณ์ผู้ติดเชื้อลดลงตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือจากทุกฝ่ายและประชาชน ต้องขอขอบคุณที่ได้ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดออกไป สำหรับผู้ที่ยังหละหลวมอยู่ ขอให้ร่วมมือกับรัฐฉีดวัคซีนให้ครบโดยเฉพาะเข็มบูสเตอร์ให้ได้มากที่สุดทั้งเข็ม 3 และเข็ม 4 ในเมื่อเรามีวัคซีนก็ฉีดกันเถอะอย่างไรก็ปลอดภัย ตนฉีดวัคซีนเข็ม 4 แล้วก็ไม่เป็นอะไร ยืนยันเรามีวัคซีน ยารักษาโรคและเตียงเพียงพอ สิ่งเหล่านี้คือมาตรการที่รัฐดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

ให้เปิดผับบาร์แต่ต้องเคร่งมาตรการสธ.

นายกฯกล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ผ่อนคลายเรื่องระดับพื้นที่หรือสีของจังหวัด ซึ่งเหลือเพียงพื้นที่สีเขียว สีเหลืองและสีฟ้า เนื่องจากสถานการณ์เริ่มดีขึ้น รวมถึงการมีมติร่วมกันที่จะผ่อนคลายสถานที่ท่องเที่ยว ผับ บาร์ โดยจะเริ่มวันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่รับมาพิจารณาดำเนินการ โดยเราต้องพิจารณาตามหลักสาธารณสุข เมื่อผ่อนคลายให้เปิดก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัดทั้งผู้ให้บริการและผู้ที่ไปเที่ยว นอกจากนี้ ก็ปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศให้เร็วขึ้น เพราะจากสถิติจำนวนคนที่เดินทางเข้าประเทศมีเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะทางอากาศ ขณะที่ทางเรือและทางบกมีมาตรการอยู่แล้วจะหารือตามมาตรการต่อไป

ยันรัฐบาลทำเต็มที่โอดเจอ3เด้ง

นายกฯกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ตนสอบถามเรื่องเปิดเรียน ได้รับรายงานทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ ฉะนั้นมาตรการทุกอย่างที่รัฐออกไป ตนรู้ว่าประชาชนเดือดร้อนไม่สบายใจ เพราะทุกคนถูกสถานการณ์ทำให้เกิดความลำบากในการประกอบอาชีพและทุกเรื่อง รัฐบาลจึงพยายามทำเต็มที่และระมัดระวังขอให้เข้าใจรัฐบาลด้วย

“วันนี้ประเทศไทยถูกยกระดับเป็นลำดับต้นๆของโลก หรือเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียนด้วยซ้ำในเรื่องการดูแลการแพร่ระบาด หลายอย่างนำไปเป็นบทเรียน องค์การอนามัยโลกก็นำของเราไปศึกษา วันนี้การท่องเที่ยวของไทยได้รับการชื่นชมจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ภูเก็ตและเชียงใหม่ ถ้าเราทำได้และร่วมมือกันดี ฉีดวัคซีนให้ครบก็จะดีขึ้นไปกว่านี้ เพราะเครื่องจักรสำคัญด้านเศรษฐกิจของเราคือด้านการท่องเที่ยว วันนี้ก็คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนพอสมควร คงทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่วนเครื่องจักรอันอื่น ยังไปได้ช้า เพราะเรามีซ้อน 3 ซ้อนคือ 1.มาตรการกีดกันทางการค้า 2.โควิด-19 และ 3.สถานการณ์ความขัดแย้ง ซึ่งเกี่ยวพันกันทั้งหมดเท่ากับรัฐบาลเจอ 3 เด้ง ผมพยายามทำอย่างดีที่สุด ตัดสินใจบนพื้นฐานความถูกต้องจากผลการหารือของทุกฝ่าย ซึ่งเราต้องไปด้วยกัน” นายกฯ กล่าว

สัญญาณดีใกล้เป็นโรคประจำถิ่น

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นว่า ที่ประชุมจะเสนอให้ผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในช่วงเตรียมเข้าสู่โรคประจำถิ่นอยู่แล้ว การประกาศไม่ใช่อยู่ดีๆจะประกาศก็ทำได้ เพราะช่วงที่ประกาศเป็นโรคระบาดร้ายแรง องค์การอนามัยโลกเป็นผู้ประกาศให้เป็นโรคร้ายแรงของโลก ดังนั้น หากเราจะประกาศต้องประสานงานให้เขารับทราบด้วย เวลานี้ดูสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อผ่อนคลายมาตรการ ให้มากที่สุด และขณะนี้เข้าเงื่อนไขของโรคประจำถิ่นบ้างแล้ว ส่วนจะมีโอกาสประกาศเร็วขึ้นหรือไม่นั้น ขอชี้แจงว่าเรายังไม่เคยพูดว่าจะประกาศวันที่ 1 กรกฎาคม แต่ใช้เป็นวิธีปฏิบัติออกมา เช่น ปรับโซนสีพื้นที่ ให้ผู้ประกอบการ ผับ บาร์ คาราโอเกะเริ่มดำเนินกิจการได้โดยโดยไม่ต้องขายอาหารอย่างเดียว วันนี้ผู้ป่วยอาการหนักเหลือแค่ 1 พันเศษ จำนวนผู้เสียชีวิตลด นี่คือสัญญาณนำไปสู่โรคประจำถิ่น

ชี้ใส่แมสเป็นข้อแนะนำไม่บังคับ

ส่วนความคืบหน้าการแก้ พ.รบ.โรคติดต่อ พ. ศ.2548 เพื่อรองรับหากยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น นายอนุทินกล่าวว่า เราใช้พ.ร.บโรคติดต่อควบคู่กับพ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่แล้ว เพื่อรวมความร่วมมือกับทุกฝ่ายมาดำเนินงาน และตราบใดที่ศบค.ยังไม่ยุบ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังมีผลอยู่ เราก็ยังทำงานร่วมกันแบบนี้ ส่วนที่มีข้อสังเกตเรื่องหน้ากากอนามัยที่อยู่ในข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น เรื่องนี้เป็นเพียงข้อแนะนำในการปฏิบัติ ไม่ถึงกับว่าถ้าไม่สวมหน้ากากแล้วต้องถูกลงโทษ ยกเว้นแต่บางจังหวัดที่เป็นประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนดไว้ แต่ไม่ได้บังคับใช้ถึงขั้นลงโทษขนาดนั้น และทำไมต้องบังคับใช้ในเมื่อประชาชนให้ความร่วมมือ ทั่วโลกถอดหน้ากากกันหมดแล้ว แต่เรายังสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่คนร่วมมือโดยไม่ต้องบังคับ ทำให้สถานการณ์ติดเชื้อดีขึ้น

เปิดปท.4เดือนนทท.เข้าไทยกว่าล้านคน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมศบค.เพิ่มเติมว่า จากมาตรการผ่อนคลายควบคุมโควิด-19 รัฐบาลประกาศเปิดประเทศเต็มรูปแบบรองรับนักเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศไทย ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคม - 18 พฤษภาคม 1 ล้านกว่าคน มากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยในปี 2564 ทั้งปีถึง 5.88 แสนคน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนจะปรับแผนผ่อนปรนมาตรการเข้าประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น โดยยังคง Thailand Pass แต่ปรับรูปแบบการกรอกข้อมูลให้ง่าย คงเหลือข้อมูลที่จำเป็น ได้แก่ 1. Vaccine 2. Insurance และ 3. Passport ซึ่งสามารถออก QR code ได้ทันทีหลังลงทะเบียนเสร็จ สำหรับคนไทยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ยกเลิกระบบ Thailand Pass

พนง.ผับบาร์ต้องตรวจATKทุก7วัน

ทั้งนี้ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากขึ้น ส่งผลตัวเลขรายได้ไตรมาสแรกปี 2565 เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 2564 กว่า 2 พัน% มีรายได้เพิ่มขึ้น 1.4 พัน% ที่ประชุม ศบค.จึงมีมติให้เปิดสถานประกอบการที่มีลักษณะสถานบริหาร สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกันเริ่มวันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป ภายใต้มาตรการตรวจคัดกรองผู้ให้บริการอย่างเข้มงวด ซึ่งต้องตรวจ ATK ทุกๆ 7 วัน หรือเมื่อมีอาการและมีความเสี่ยง และต้องปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention เคร่งครัด สำหรับผู้ใช้บริการต้องแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ รวมถึงวัคซีนเข็มกระตุ้น และถือปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention เคร่งครัดด้วย สำหรับประชาชนกลุ่ม 608 ขอให้หลีกเลี่ยงการเข้ารับบริการ คาดว่าจากการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวส่งผลดีต่อผู้ประกอบ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น

นายกฯพอใจย้ำจนท.เข้มงวดมาตรการ

“นายกฯพอใจตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ นายกฯยังขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานราชการและประชาชน ที่ช่วยทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติมากขึ้น จึงขอย้ำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบ โดยเฉพาะผู้ให้บริการภาคบริการที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างภูมิต้านทาน และสร้างมั่นเชื่อมั่นต่อผู้ใช้บริการและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวด คอยตรวจให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ห้ามปล่อยปะละเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรการ”รองโฆษกประจำสำนักนายกฯย้ำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • คอนเฟิร์ม!ผลวิจัยระบุชัด Long Covid ปัญหาสำคัญของประเทศทั่วโลก คอนเฟิร์ม!ผลวิจัยระบุชัด Long Covid ปัญหาสำคัญของประเทศทั่วโลก
  • ยอดโควิดไทยรอบ 7 วัน พบติดเชื้อใหม่ 122 ราย ตาย 6 ราย ยอดโควิดไทยรอบ 7 วัน พบติดเชื้อใหม่ 122 ราย ตาย 6 ราย
  • อัพเดตความรู้!เปิดผลวิจัยพบโควิด ส่งผลกระทบ‘สมองและความจำ’ อัพเดตความรู้!เปิดผลวิจัยพบโควิด ส่งผลกระทบ‘สมองและความจำ’
  • สธ.กางผลศึกษา‘ค่าใช้จ่าย’สาธารณสุขรับมือโควิด 3 ปี 444,294 ล้านบาท สธ.กางผลศึกษา‘ค่าใช้จ่าย’สาธารณสุขรับมือโควิด 3 ปี 444,294 ล้านบาท
  • ‘หมอยง’เลคเชอร์เหตุความต้องการ‘วัคซีนโควิด’ที่น้อยลง ‘หมอยง’เลคเชอร์เหตุความต้องการ‘วัคซีนโควิด’ที่น้อยลง
  • โควิดไทยคงที่ 7 วันติดเชื้อ204-ตาย9ศพ สธ.คาดสงกรานต์ป่วยพุ่ง โควิดไทยคงที่ 7 วันติดเชื้อ204-ตาย9ศพ สธ.คาดสงกรานต์ป่วยพุ่ง
  •  

Breaking News

ป.ป.ช.จับตา‘แป๊ะเจี๊ยะ’ฝากเด็กเข้าเรียน ชี้เข้าข่ายสินบน แนะเลิกรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ

อย. เตือนระวังเด็กๆ รับประทานคุกกี้ผสมกัญชา มีปริมาณ THC สูงถึง 600 มิลลิกรัม

กกต.เมียนมาสั่งยุบพรรคเอ็นแอลดีของ'อองซาน ซูจี' ฐานลงทะเบียนเลือกตั้งไม่ทันกำหนด

พรรคการเมืองร่วมลงนาม‘จรรยาบรรณหาเสียง’ หวังเลือกตั้ง‘สุจริต-สร้างสรรค์’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายประพันธ์ สุขทะใจ ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved