โฆษกกรมสุขภาพจิตชี้คนฆ่าตัวตายเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เตือนสื่อระวังเสนอข่าวชี้แค่สาเหตุเดียว
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 ที่งานเสวนา (ออนไลน์) เรื่อง “แนวปฏิบัติฯ การนำเสนอข่าวฆ่าตัวตาย กับความเป็นจริงในการรายงานข่าว” จัดโดยสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวในตอนหนึ่งว่า การนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตาย มีสิ่งสำคัญที่เรียกว่าความเป็นมนุษย์ การสื่อสารเรื่องการฆ่าตัวตายของคนคนหนึ่งที่ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ ไม่ใช่เพียงคนที่มีอาการป่วยหรือจากโลกนี้ไปแล้ว รวมไปถึงครอบครัวของผู้ที่ฆ่าตัวตายก็ควรจะได้รับสิ่งนี้ด้วย
“อันนี้เป็นความสำคัญแรก ที่ผมคิดว่าจริงๆ มันก็เพียงพอแล้วกับการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตาย เช่น การไม่ใช้คำที่น่ากลัว หรือการบรรยายอย่างสยดสยอง การพูดถึงว่าคนนี้คิดสั้น คนนี้ไม่มีทางออกต่อโลก ที่จะทำให้ลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเขาลง จริงๆ ถ้าเราพูดเรื่องแค่นี้ ก็เพียงพอแล้วกับการนำเสนอข่าวอย่างถูกต้องในเรื่องการฆ่าตัวตาย” นพ.วรตม์ กล่าว
โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จสูงขึ้นร้อยละ 10 ทุกปี ดังนั้นทางกรมสุขภาพจิต จึงถือว่าการฆ่าตัวตายเป็นปัญหาหลักที่กำลังมุ่งหน้าแก้ไข โดยมีการดำเนินการหลายแนวทาง หนึ่งในนั้นคือการทำงานร่วมกับสื่อมวลชน เพราะหากจัดลำดับผู้ที่มีอิทธิพลเรื่องการฆ่าตัวตาย สื่อจะติด 5 อันดับแรกเสมอมา ซึ่งโดยส่วนตัวที่ทำงานด้านจิตเวชมา 15 ปี จิตวิทยาสื่อ 10 ปี มองเห็นความสำคัญมาโดยตลอด ว่าการเสนอข่าวการฆ่าตัวตาย ส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆ ได้อย่างไรบ้าง
เช่น การฆ่าตัวตายจากพฤติกรรมเลียนแบบ ซึ่งมีการพูดถึงตั้งแต่เมื่อกว่า 200 ปีก่อน กรณีนิยายเรื่อง Die Leiden des jungen Werthers ผลงานของ เกอเธ นักเขียนชื่อดังชาวเยอรมนี มีข้อค้นพบว่า ในรอบ 10 ปีหลังการตีพิมพ์นิยายเรื่องดังกล่าว มีการฆ่าตัวตายที่ผู้ตายแต่งกายเลียนแบบตัวละครในนิยายเกิดขึ้นจำนวนมาก โดยมีข้อสังเกตว่าน่าจะมาจากฉากการฆ่าตัวตายที่ผู้ประพันธ์บรรยายไว้อย่างละเอียดยาวถึง 2 ตอน
ซึ่งการค้นพบดังกล่าวเกิดเป็นคำว่า Werthers Effect ใช้เรียกปรากฏการณ์การฆ่าตัวตายที่ได้รับอิทธิพลเชิงลบจากสื่อ เช่น ในช่วงหนึ่งที่ประเทศไทยมีข่าวการฆ่าตัวตายด้วยการรมควันในรถยนต์ แล้วมีสื่อไปนำเสนออย่างละเอียด อาทิ ราคาอุปกรณ์ ช่องทางหาซื้ออุปกรณ์ ในเวลานั้นก็พบคนฆ่าตัวตายด้วยวิธีรมควันเพิ่มขึ้น แต่อีกด้านหนึ่ง บทละครร้องเรื่อง Die Zauberflote ผลงานของ โมสาร์ท คีตกวีชาวเยอรมนี ก็เป็นที่มาของคำว่า Papageno Effect
เนื่องจากเนื้อเรื่องตอนหนึ่งกล่าวถึง Papageno ผู้พยายามฆ่าตัวตาย แต่ได้ยินเสียงขลุ่นจากเทวดา ทำให้เกิดสติและตัดสินใจไม่ฆ่าตัวตาย Papageno Effect หมายถึง อิทธิพลในเชิงบวกของสื่อ เช่น ไม่นำเสนอเนื้อหาละเอียดเกินไป แนะนำวิธีการประเมินตนเอง ไปจนถึงนำเสนอช่องทางขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็มีข้อค้นพบว่าช่วยป้องกันการฆ่าตัวตายได้
ส่วนคำถามจากผู้รับชมงานการเสวนา กรณีแนวปฏิบัติสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เรื่อง การนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตาย พ.ศ.2565 ซึ่งมีอยู่ข้อหนึ่งระบุว่า ไม่ควรนำเสนอข่าวที่เน้นย้ำถึงสาเหตุการฆ่าตัวตาย การสัมภาษณ์เจาะลึกบุคคลใกล้ชิด แล้วมีคำถามว่า หากสื่อมวลชนไม่นำเสนอสาเหตุการฆ่าตัวตายจะนำไปสู่การป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับคนอื่นๆ ต่อไปได้อย่างไร
โดยยกตัวอย่างการล็อกดาวน์ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดระลอกแรก ในปี 2563 ซึ่งพบข่าวคนฆ่าตัวตายเกิดขึ้นหลายราย ที่ระบุสาเหตุว่าผู้ตายเกิดความเครียดจากการขาดรายได้เพราะตกงานหรือกิจการถูกปิด กระทั่งนักวิชาการกลุ่มหนึ่งยังรวบรวมข่าวลักษณะนี้เป็นสถิติไปเรียกร้องให้รัฐบาลรีบเร่งรัดมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หรือในช่วงหลังๆ ที่มีข่าวเด็กและเยาวชนฆ่าตัวตายโดยระบุสาเหตุความเครียดจากการเรียน เป็นต้น
ประเด็นนี้ นพ.วรตม์ อธิบายว่า ในความเป็นจริงการฆ่าตัวตายไมได้เกิดจากสาเหตุใดเพียงสาเหตุเดียว ที่ผ่านมามีผู้สื่อข่าวมาขอสัมภาษณ์ตนเรื่องการฆ่าตัวตายหลายครั้ง ซึ่งตนก็ไม่เคยบอกว่าอย่านำเสนอข่าวนี้ เพราะการนำเสนอก็มีทั้งที่เป็นประโยชน์และโทษ แต่การเสนอข่าวฆ่าตัวตายโดยระบุสาเหตุเพียงเรื่องเดียวนั้นมีโทษ เช่น หากมองย้อนไปในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ก็ยังพบผู้ที่อยู่ในครอบครัวที่มีความสุข ช่วยเหลือกัน เข้าอกเข้าใจกัน และไม่มีการดื่มสุราหรือใช้ยาเสพติดร่วมด้วย แล้วไมได้ฆ่าตัวตาย
“เราเห็นคนที่ล้มละลายไปเยอะแยะมากมายแต่เขาก็ไม่ฆ่าตัวตาย ฉะนั้นการฆ่าตัวตาย เรื่องนี้เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุดแล้ว ไม่เกิดจากปัจจัยเดียว การนำเสนอข่าวฆ่าตัวตายหลายครั้งเรานำเสนอแค่ปัจจัยเดียว การฆ่าตัวตายครั้งนี้เกิดจากเศรษฐกิจ การฆ่าตัวตายครั้งนี้เกิดจากการทะเลาะกับคนในครอบครัว ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อคนที่เสียชีวิตด้วย เข้าใจผิดต่อคนอื่นด้วย เช่น เด็กคนนี้กระโดดตึกเพราะเขาสอบตก พอเด็กที่สอบตกอ่านข่าว เฮ้ย!ฉันสอบตก ทำให้ไปสู่การฆ่าตัวตาย เขาก็เลือกวิธีการฆ่าตัวตาย ฉะนั้นถามว่านำเสนอได้ไหม? ได้! แต่การให้เหตุผลต้องเป็นเหตุผลที่เข้าใจจริงๆ ว่าคนคนหนึ่งไม่ได้มีเหตุผลเดียวในการฆ่าตัวตาย” นพ.วรตม์ กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี