อธิบดีกรมปศุสัตว์ สั่งเพิ่มกำลังควบคุมป้องกันโรค“ลัมปี สกิน” ในโคกระบืออย่างเข้มงวดต่อเนื่อง พร้อมเร่งทำงานเชิงรุกตามหลัก “รู้เร็ว โรคสงบได้เร็ว”
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่าเนื่องด้วยเข้าสู่หน้าฝน สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงส่งผลต่อระดับภูมิคุ้มกันโรคในสัตว์
และจากอิทธิพลของพายุลมมรสุมเป็นปัจจัยที่ทำให้สัตว์แมลงพาหะมีการกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆได้มากขึ้น ทำให้สัตว์ที่ไม่สามารถปรับตัวได้และมีระดับภูมิคุ้มกันต่ำเกิดอาการป่วยและในกรณีที่รุนแรง ไม่สามารถทำการรักษาได้ทันอาจทำให้เสียชีวิตได้ดังเช่นโรคลัมปี สกิน(Lumpy skin)ถือเป็นโรคอุบัติใหม่ในประเทศไทยพบครั้งแรกในปี2564 ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2564 เกิดจากเชื้อไวรัสพบเฉพาะในโคกระบือเท่านั้น ไม่ติดต่อสู่คน ติดต่อได้จากสิ่งคัดหลั่ง และมีการใช้อุปกรณ์ร่วมกัน มีพาหะนำโรคติดต่อระหว่างสัตว์และสัตว์ได้แก่ เห็บ ยุง แมลงวัน
โดยกรมปศุสัตว์ได้มีมาตรการในการควบคุม ป้องกันโรคลัมปี สกินในโคกระบือมาอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา เฝ้าระวังควบคุมและป้องกันโรคลัมปีสกิน ให้อยู่ในวงพื้นที่จำกัดโดยเร็ว ลดผลกระทบและความเสียหายให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดและสามารถดำเนินการควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่องตามหลัก“รู้เร็ว โรคสงบได้เร็ว”นั้น
นายสัตวแพทย์ สรวิศ กล่าวต่อว่า กรมปศุสัตว์โดยสำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ ได้บูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการควบคุมการระบาดของโรคตามมาตรการควบคุม ป้องกันโรคลัมปี สกินในโคกระบือ ดังนี้
1) การเฝ้าระวังการเกิดโรคอย่างใกล้ชิด เน้นการรู้โรคให้เร็ว เพื่อให้การควบคุมโรคให้สงบอย่างรวดเร็ว ลงพื้นที่และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด มีระบบสารสนเทศเพื่อการเฝ้าระวังโรคระบาดสัตว์ (E-Smart surveillance)เพื่อการรายงานการเกิดโรคในพื้นที่ โดยให้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมีการรายงานการระบาดของโรคทุกวัน 2) การควบคุมการเคลื่อนย้ายอย่างเข้มงวดตามแนวทางที่กรมปศุสัตว์กำหนด ตามแหล่งรวมสัตว์ ตลาดนัดค้าสัตว์ และตามชายแดน
3) การควบคุมแมลงพาหะนำโรค โดยให้เกษตรกรมีการป้องกัน และควบคุมแมลงพาหะนำโรค ใช้สารกำจัดแมลงทั้งบนตัวสัตว์และบริเวณพื้นที่เลี้ยงสัตว์ เพื่อลดจำนวนแมลงพาหะในการนำเชื้อไวรัสเข้าสู่ฟาร์ม รวมถึงวิธีการอื่นๆ เช่น การกางมุ้ง ใช้ไฟไล่แมลง กับดักแมลง เป็นต้น ทั้งในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคและในพื้นที่เสี่ยง 4) การรักษาสัตว์ป่วยโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสที่ยังไม่มียารักษาที่จำเพาะ จึงต้องจำเป็นที่จะต้องรักษาตามอาการโดยหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ของกรมปศุสัตว์
5) การฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้โคกระบือ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันที่สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้มีการนำเข้าวัคซีนโรคลัมปี สกินจากต่างประเทศและนำไปฉีดให้กับโคกระบือของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ตามแผนการจัดสรรวัคซีนของกรมปศุสัตว์แล้ว จำนวน 360,000โด๊ส ได้อำนวยความสะดวกในการนำเข้าวัคซีนจำนวน572,000 โด๊ส ให้สมาคมผู้เลี้ยงโครวม 13 สมาคม ได้รับบริจาคจากบริษัทผู้นำเข้าอีกจำนวน 100,000 โด๊ส
นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ได้รับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อควบคุมโรคลัมปี สกินในโค กระบือ เพิ่มเติม สำหรับจัดซื้อวัคซีนเพิ่มจำนวน 5,000,000โด๊ส เพื่อให้โค กระบือได้รับการฉีดวัคซีนครอบคลุมทั้งประเทศ ให้มีภูมิคุ้มกันระดับฝูงที่สามารถลดการระบาดของโรคและทำให้โรคสงบโดยเร็ว
ปัจจุบันกรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการกระจายวัคซีนให้กับพื้นที่และนำไปฉีดให้กับโคกระบือของเกษตรกรทั้งหมดแล้วและ6)การประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนภัยให้แก่เกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการเฝ้าระวังโรคในพื้นที่ การให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคและสถานการณ์ผ่านช่องทางต่างๆเพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงความรู้ แนวทางและร่วมมือในการควบคุม ป้องกันโรค เพื่อลดความสูญเสีย
อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่ากรมปศุสัตว์ได้เร่งให้ความช่วยเหลือและเยียวยาเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากโรคลัมปีสกินในโคกระบือ ประสานงานกับจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ., อบต.,เทศบาล)(ข้อมูลวันที่ 25 พฤษภาคม 2565)ประกอบด้วย การรักษาพยาบาลสัตว์ป่วย จำนวนเกษตรกรที่ได้รับบริการ 206,532ราย หยดหรือราดยาป้องกันแมลง จำนวนเกษตรกรที่ได้รับบริการ 37,967 ราย พ่นยากำจัดแมลง จำนวนเกษตรกรที่ได้รับบริการ 226,233ราย พ่นยาฆ่าเชื้อทำลายเชื้อโรค จำนวนเกษตรกรที่ได้รับบริการ 173,622ราย แจกยากำจัดแมลงแก่เกษตรกร จำนวนเกษตรกรที่ได้รับบริการ 133,735 ราย และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคลัมปี สกินและการป้องกันโรค จำนวนเกษตรกรที่ได้รับบริการ433,610 ราย
“จากผลการดำเนินงานอย่างเข้มงวดต่อเนื่องร่วมกับการดำเนินงานให้การช่วยเหลือเกษตรกรกับหน่วยงานในพื้นที่ ปัจจุบันพบว่าแนวโน้มการระบาดของโรคลัมปี สกิน ในประเทศมีแนวโน้มลดลงตามลำดับ สามารถควบคุมโรคได้ในวงพื้นที่จำกัด และเพื่อให้ภูมิคุ้มกันระดับฝูงที่ดีได้ กรมปศุสัตว์ จึงต้องดำเนินการจัดหาวัคซีน ให้เพียงพอและครอบคลุมประชากรสัตว์ เพื่อให้การควบคุม ป้องกันโรคเกิดประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ต่อไป”อธิบดีกรมปสุสัตว์ กล่าว
และย้ำว่าขอความร่วมมือเกษตรกรปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคลัมปี สกิน ที่ทางกรมปศุสัตว์กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบต่อตัวเกษตรกรและชุมชน ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือ www.dld.go.th หรือแอปพลิเคชัน DLD 4.0 หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225 -6888 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี