14 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบริเวณจุดจอดรับส่งผู้โดยสารตลาดบางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่ส่งผลกระทบมากที่สุดสำหรับรถโดยสารและรถขนส่งที่ใช้น้ำมันดีเซล โดยในวันนี้ราคาในกลุ่มน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเฉลี่ยลิตรละ 35-36 บาท และน้ำมันวีพาวเวอร์ ดีเซลบี 7 ตกหลุมลิตรละ 50.89 บาท ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถเป็นอย่างมากทั้งในเรื่องของค่าครองชีพ ที่จะต้องมาแบกรับภาระค่าน้ำมันที่สูงขึ้นและอัตราค่าโดยสารยังเท่าเดิม ทำให้มีผู้ขับรถโดยสารถอดใจหยุดวิ่ง เนื่องจากแบกรับค่าน้ำมันไม่ไหว

นายวุฒิ นิลนาม อายุ 50 ปี อาชีพขับรถโดยสารสายบางใหญ่-โรงเรียนบ้านใหม่ สายที่ 1030/10 ขับมานานกว่า 10 ปี กล่าวว่า ข้าวของอะไรก็แพงเราก็ต้องเอาเงินที่ได้จากผู้โดยสารขไปซื้อของก็กลายเป็นว่าได้เงินมาแล้วไปใช้จ่ายก็เสมอตัว ไม่มีเงินเก็บ ปกติจุดจอดรถตรงนี้จะมีรถโดยสารจอดประมาณ15คัน แต่ตอนนี้ก็มีหยุดไปบ้าง เพราะออกมาขับแล้วได้เงินไม่คุ้มเขาก็ไปทำอย่างอื่นแทน นอกจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นแล้วค่าบำรุงรักษารถก็แพง แล้วจะไปปรับขึ้นราคาโดยสารจากผู้โดยสารปนก็ทำไม่ได้เพราะจะต้องได้รับอนุญาตจากกรมขนส่ง ทีนี้พอปรับราคาค่าโดยสารได้ภาระก็จะไปตกอยู่กับผู้โดยสารมันกระทบไปหมด ก็ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะพูดไปแล้วใครก็ช่วยเหลือไม่ได้ มีเจ้าหน้าที่เคยลงมาดูไหมความเดือดร้อนของคนขับรถโดยสาร แล้วมีใครเคยแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้บ้างถึงตนจะพูดไปก็ไม่ได้รับการแก้ไขอยู่ดี แต่ก็อยากให้หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหากราคาน้ำมันยังสูงขึ้นแบบนี้ก็ต้องปรับราคาค่าโดยสารเพื่อให้คนขับรถโดยสาร สามารถ ประคองตัวเองอยู่ได้หรือหากราคาน้ำมันยังขึ้นอยู่แบบนี้แล้วไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือแก้ไขก็คงต้องหยุดวิ่งสักวัน

นายกลั่น พงษ์สุวรรณ อายุ 50 ปี อาชีพขับรถโดยสารสาธารณะสายท่าน้ำนนท์ - เมืองทอง กล่าวว่า หลังจากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นก็ส่งผลกับชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ในเรื่องของรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นแต่รายรับกลับลดน้อยลง เดียวนี้วิ่งรถวันนึงต้องเติมน้ำมันตกวันละ500บาท วันนึงวิ่งแค่ 5เที่ยว เฉลี่ยต้องเติมน้ำมันเที่ยวละ100บาท ซึ่งการออกรถบางครั้งผู้โดยสารก็ไม่มีเลย  ก่อนหน้านี้ตอนที่ราคาน้ำมันอยู่ลิตรละ29-30บาท ก็เติมน้ำมันเฉลี่ยเที่ยวละ70-80 บาท ซึ่งมันก็พออยู่ได้แต่ตอนนี้น้ำมัน ขึ้นมาลิตรละ 35 บาทเติมน้ำมันเที่ยวนึงก็ 500-600 บาทแล้ว ซึ่งรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ช่วงที่ลูกค้าเยอะก็จะเป็นช่วงเวลา 7:00 น หลังจากนั้นก็จะเงียบ 

เมื่อสักครู่ก็เพิ่งจะตีรถกลับมาจากถนนสามัคคีมีผู้โดยสารนั่งมาคนเดียว ค่าโดยสารเราก็เก็บอัตราเท่าเดิมยังไม่มีการปรับขึ้นราคา รถที่วิ่งอยู่ในวินมีประมาณ 30 คันแต่ก็มีบางคันที่หยุดวิ่งไปแล้ว เพราะสู้แบกรับราคาน้ำมันไม่ไหว ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ 20 คัน เพราะวิ่งไปก็ไม่คุ้ม เหนื่อย แต่ ถ้ามองในแง่ของเศรษฐกิจก็ออกมาวิ่งรถดีกว่าไม่มีอะไรทำ ยอมขาดทุนบ้างยิ่งวันเสาร์อาทิตย์เติมน้ำมันวันละ 500 บาทแต่วิ่งได้แค่ 300 บาทก็ยอมขาดทุน ถึงน้ำมันจะยังขึ้นอยู่ต้นก็หยุดวิ่งไม่ได้ เพราะทุกคนต่างมีหนี้มีสิน มีค่าใช้จ่ายต่างๆรวมไปถึงค่าเช่ารถค่าบำรุงรักษารถบางคนก็มีไปกู้ยืมเงินมาหรือแม้กระทั่งติดค่างวดรถ 

บางคนติดค่างวด 2-3 งวดก็มี พูดตรงๆทุกวันนี้ข้าวบางวันก็ไม่ได้กิน ต้องกวาดเหรียญค่าโดยสารเอาไปเติมน้ำมันอายก็อายแต่จะทำยังไงได้ก็ต้องยอม ตอนนี้ก็อยากให้หน่วยงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีรถที่ต้องหยุดวิ่งหรือยกเลิกการให้บริการไปแล้ว และในอนาคตข้างหน้าสายที่ตนวิ่งอยู่ก็ต้องอาจหยุดวิ่งเพราะรายรับไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละวัน เพราะถ้าหากรายรับไม่พอคนขับรถก็จะแย่งผู้โดยสารกันซึ่งเกิดปัญหาหลายๆอย่างตามมาหรือแม้กระทั่งการดึงเวลา บางคันจอดนานเกิน 40 นาทีทำให้ผู้โดยสารต้องรอนานกว่ารถจะออก ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาช่วยเหลือเพราะตอนนี้ค่าโดยสารยังเก็บอยู่ที่ 8 บาทมานานเกือบ 2 ปีแล้วแต่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นทุกวัน