เสพกัญชาป่วยแล้ว6คน
นายกฯสั่ง‘สธ.-มหาดไทย’
เร่งทำความเข้าใจใช้ถูกวิธี
นายกฯ สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข-ศึกษาธิการ-มหาดไทย เร่งทำความเข้าใจกับเยาวชน ประชาชนทั่วไปในการใช้กัญชา-กัญชงอย่างถูกวิธี ย้ำปลดล็อกเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพ ขณะที่ กทม.เผยพบผู้ป่วยจากกัญชาแล้วรวม 6 ราย ห่วงเด็กต่ำกว่า 20 ปี หญิงตั้งครรภ์มีผลทางสมอง แต่ไม่ขัดด้านเศรษฐกิจ ส่วน กระทรวงเกษตรฯ ยืนยันพร้อมสนับสนุนนโยบายส่งเสริมการให้เกิดประโยชน์ในครัวเรือน ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสื่อสาร ทำความเข้าใจกับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปถึงการใช้กัญชาที่ถูกต้อง รวมไปถึงอันตรายและโทษของกัญชาหากถูกนำไปใช้ผิดวิธีหรือมากเกินความจำเป็น รวมทั้งการสนับสนุนให้สถานศึกษาทุกระดับเป็นพื้นที่ปลอดกัญชา
นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงการปลดล็อกกัญชาเพื่อ 3 วัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ และเพื่อประโยชน์ทางด้านสุขภาพ และขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวในช่วงสูญญากาศทางกฎหมายระหว่างรอร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ…ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเร่งรัดในกรรมาธิการ โดย สธ.กำลังเร่งประชุมพิจารณาให้กัญชาเป็น “สมุนไพรควบคุม” ป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน
ได้รับการจดแจ้งแล้วกว่า7แสนราย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรียังฝากขอความร่วมมือร้านค้า ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม ที่นำส่วนของกัญชามาใช้ในการทำ ประกอบ หรือปรุงอาหาร ต้องแจ้งข้อมูล ปริมาณการใช้ เพื่อให้ผู้บริโภครับทราบเพื่อความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค หลีกเลี่ยงส่งกระทบต่อสุขภาพที่จะตามมา
ภายหลังที่กัญชาได้พ้นจากบัญชีจากเสพติดประเภทที่ 5 เป็นต้นมา ปรากฏในช่วงระยะเวลา 6 วันที่ผ่านมา มีการจดแจ้งในเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” เพื่อการปลูกมากถึง 37 ล้านครั้ง และมีผู้ได้รับการจดแจ้งแล้วกว่า 7 แสนรายแล้ว
ย้ำใช้ทางการแพทย์และสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม การปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด มีเจตนารมณ์ที่สำคัญเพื่อการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพ โดยกระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัยได้ออกข้อแนะนำในการใช้กัญชาและกัญชง ให้ระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากบริโภคอย่างไม่เหมาะสม และห้ามจำหน่ายแก่บุคคล 3 กลุ่ม ได้แก่ เด็กและเยาวชน สตรีมีครรภ์ มารดาที่ให้นมบุตร เพื่อคุ้มครองไม่ให้กลุ่มเปราะบางเหล่านี้เกิดผลข้างเคียง เด็กและเยาวชนที่มีโอกาสเสพติดมากกว่าผู้ใหญ่ และยังส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของสมอง ระดับสติปัญญา ขณะที่ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร สารสกัดจากกัญชาอาจส่งผลต่อเด็กในครรภ์หรือทารกได้
ผู้ว่าฯกทม.ย้ำต้องปกป้องนักเรียน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมหัวหน้าหน่วยงานกรุงเทพมหานคร ว่า ได้มีการประกาศเรื่องโรงเรียนสังกัดกทม.ทั้ง 437 แห่ง (ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องการเฝ้าระวังปัญหาที่เกิดจากการใช้กัญชาหรือกัญชงในนักเรียนโรงเรียนสังกัด) เป้าหมายหลักเราไม่ได้จะไปขัดแย้งกับกฎหมายใหญ่ แต่เราต้องดูแลนักเรียนของเราซึ่งอยู่ในกลุ่มเปราะบาง คิดว่าทุกคนก็น่าจะเห็นตรงกันให้โรงเรียนปลอดกัญชา ซึ่งจะให้ความสำคัญการให้ความรู้ความเข้าใจเด็กนักเรียน และครูต้องดูแลให้คำแนะนำ บุคลากรในโรงเรียนเองก็ต้องอย่าเอากัญชามายุ่งเกี่ยวกับโรงเรียน ต้องมีการควบคุมอาหารในโรงเรียนรวมไปถึงนอกโรงเรียนด้วย
พบป่วยจากกัญชาแล้วรวม6ราย
ด้าน นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พบรายงานผู้ที่ป่วย และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยผลกระทบจากกัญชารวมแล้ว 6 ราย รายล่าสุดที่ส่งเข้ามาแผนกฉุกเฉิน โดยดื่มน้ำต้มจากใบกัญชา และดอก ไม่แน่ใจว่าปริมาณเท่าไหร่ เป็นการลองครั้งแรก หลังจากนั้น มีอาการหน้ามืด ใจสั่น แน่นหน้าอก ตอนนี้ให้การรักษาแบบประคับประคองคนไข้ก็กลับบ้านได้
เช่นเดียวกับเคสที่โรงพยาบาลตากสิน จากเดิมมี 2 ราย ก็มีรายงานเพิ่มอีก 1 ราย เป็นลักษณะเสพแบบสูบ ก็มีอาการใจสั่น ส่วนที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ที่เคยมีเคสที่เสียชีวิต วันนี้มีเข้ามาอีก 1 ราย และมีเคสเดิมที่ใช้กัญชาร่วมกับยาเสพติดอื่น ซึ่งอาการเหมือนคุมได้แต่ยังคงอยู่ใน ICU โดยทั้งหมดเป็นข้อมูลจากหน่วยเฝ้าระวัง ก็เป็นที่มาว่าทำไมเราถึงเป็นห่วง
“เราไม่อยากให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีใช้ เพราะผลทางสมอง และอื่นๆ รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ เพราะมันจะมีผลทั้งแม่และเด็ก ประเด็นตรงนี้มันต้องสร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง ในด้านของประโยชน์ก็ขอให้ใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าด้านของเศรษฐกิจก็เข้าใจไม่ได้ขัดหรือแย้ง” รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าว
ก.เกษตรพร้อมหนุนใช้ประโยชน์
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรได้สร้างผลงานวิจัยและองค์ความรู้ทางวิชาการ มีการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการผลิตสู่เกษตรกร สามารถช่วยยกระดับการผลิตของเกษตรกร ตลอดจนช่วงแก้ไขปัญหาทางด้านการเกษตรให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงดำเนินการวิจัยและพัฒนาพืชกัญชา กัญชง และกระท่อม เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่มีคุณลักษณะที่ดีตามความต้องการ พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม ตั้งแต่การรวบรวม ศึกษา พร้อมคัดเลือกและขยายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์พื้นเมืองของไทย หรือพันธุ์การค้าจากต่างประเทศ โดยมีโครงการทดสอบสายพันธุ์กัญชงที่เหมาะสมกับพื้นที่ประเทศไทย และมีการวิจัยเทคโนโลยีการผลิตพืชกัญชา กัญชง และกระท่อม เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
การดำเนินการดังกล่าวเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมพัฒนาพืชกัญชา กัญชง และกระท่อม ที่จะเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ของประเทศไทย และจะนำมาใช้ประโยชน์ในครัวเรือน ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม
จัดตั้งศูนย์กัญชา-กัญชง-กระท่อม
นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตร ยังมีภารกิจด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับพืชกัญชา กัญชง และกระท่อม ภายใต้ พ.ร.บ.กักพืช พ.ร.บ.พันธุ์พืช และ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช เพื่อควบคุมกำกับดูแลการนำเข้า ส่งออก รวมถึงการขึ้นทะเบียนพันธุ์กัญชา กัญชง และกระท่อม ซึ่งได้มอบนโยบายให้กรมวิชาการเกษตรดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการปฏิบัติงาน ตามภารกิจ และกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมวิชาการเกษตร โดยจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการพืชกัญชา กัญชง และกระท่อม แบบเบ็ดเสร็จ กรมวิชาการเกษตร (One Stop Service) เพื่อประสานงานและบริการข้อมูลในทุกด้าน และเตรียมความพร้อมการรับมือภายหลังจากการปลดล็อกกัญชาออกจากรายชื่อยาเสพติด
เนื่องจากปัจจุบันพืชทั้ง 3 ชนิดได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหลังจากปลดล็อกออกจากรายชื่อยาเสพติด มีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจ แต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการเพาะปลูก กฎระเบียบในการควบคุมกำกับดูแล ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้า ส่งออก การขึ้นทะเบียนพันธุ์ หรือ การขายเมล็ดพันธุ์ ที่ต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐในการแนะนำและส่งเสริม
ประสานงานวิจัยและพัฒนา
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรได้จัดตั้ง ศูนย์บริหารจัดการพืชกัญชา กัญชง และกระท่อม แบบเบ็ดเสร็จ โดยมีหน้าที่ประสานงานวิจัยและพัฒนา พืชชนิดกัญชง กัญชา และกระท่อม ของหน่วยงานภายนอกอื่นๆ พร้อมสนับสนุนและให้ข้อมูลด้านต่างๆ แบบครบวงจร แก่หน่วยงานของรัฐและเอกชน ตลอดจนผู้สนใจ รวมถึงบริการข้อมูล และความรู้ วิธีการปลูก การดูแลรักษา การจัดการโรคและแมลง รวมทั้งการนำเข้าและส่งออกแก่ ผู้ประกอบการที่สนใจ โดยรวมข้อมูลต่างๆ ดังกล่าวมาไว้ที่ ศูนย์บริหารจัดการพืชกัญชา กัญชง และกระท่อมแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งตั้งอยู่ภายในกรมวิชาการเกษตร รวมทั้ง มีบริการสายด่วนสำหรับสอบถามข้อมูล 1174
แจกกัญชาล้านต้นสู่ครัวเรือน
นอกจากนี้ จากการที่กรมวิชาการเกษตรได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) พืชสกุลกัญชา ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และศึกษาวิจัยไปเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 จึงนำไปสู่โครงการส่งเสริม สนับสนุน การปลูกกัญชา กัญชง 1 ล้านต้น ตามนโยบายรัฐบาล (โครงการ “แจกกัญชา กัญชง ล้านต้น สู่ครัวเรือน”) เพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือนทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม เพื่อให้เกษตรกร ตลอดจนประชาชนผู้สนใจได้ใช้ต้นกล้าพันธุ์ดี มีคุณภาพและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมต่อไป
กรมวิชาการเกษตรได้เริ่มเปิดให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนรับกล้าพันธุ์กัญชาพันธุ์ดีวันที่ 16มิถุนายนนี้เป็นวันแรก ครัวเรือนละ2ต้น ตามเป้าหมาย 1 ล้านต้นของรัฐบาลหรือประมาณ 500,000ครัวเรือน ซึ่งพันธุ์ที่แจกหลักๆ คือ พันธุ์อิสระ01 พัฒนาพันธุ์โดยกรมการแพทย์ กรมวิชาการเกษตร และมูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์โดยกรมวิชาการเกษตรจะจัดแจกได้เดือนละ1-2แสนต้น และผู้ลงทะเบียนจะได้รับต้นกัญชาหลังลงทะเบียนประมาณ 30วัน สำหรับกรุงเทพฯและปริมณฑลสามารถลงทะเบียนได้ที่ศูนย์บริการจัดการพืชกัญชา กัญชงและกระท่อมแบบเบ็ดเสร็จ หรือลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี