มือฆ่า 4 ศพเปิดปาก ‘ผบ.ตร.’รุดสอบปากคำเอง ด้านรองโฆษกอัยการสูงสุด ระบุฟ้อง‘สันติ’เป็นอำนาจศาลไทย มีอำนาจสอบสวน ไม่หวั่นขั้นตอนหาพยานหลักฐานต่างประเทศ ระบุมีอัยการต่างประเทศคอยประสานความร่วมมืออยู่
17 มิถุนายน 2565 ความคืบหน้ากรณีนายสันติ ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่า 4 ศพที่ไต้หวัน และหลบหนีเข้ามาในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ที่ให้คนใกล้ชิดติดต่อขอเข้ามอบตัวกับตำรวจในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แล้วนั้น ล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม (บก.ป.) ควบคุมตัวนายสันติขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อสอบปากคำที่กองปราบปราม เบื้องต้นยังให้การภาคเสธ อ้างว่าไม่ได้เป็นคนลงมือก่อเหตุ โดยในเวลา 16.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะเดินมาสอบปากคำด้วยตัวเอง
ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการดำเนินคดีนายสันติ ว่าเรื่องนี้หากฝ่ายผู้เสียหาย ได้แก่ ญาติ พ่อแม่ พี่น้องของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ขอให้ดำเนินคดีในไทย ก็สามารถดำเนินคดีกับนายสันติในประเทศไทยได้ ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 8 บัญญัติไว้ว่า ความผิดที่เกิดนอกราชอาณาจักร ถ้าเป็นความผิดเกี่ยวกับชีวิต หรือฆ่าคนตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 และผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดเป็นคนไทย ก็สามารถดำเนินคดีในประเทศไทย หรือศาลไทย และรับโทษในประเทศไทยได้ หลักว่าไว้แบบนี้
ส่วนการดำเนินการตามมาตรา 8 จะต้องมีการสอบสวน ซึ่งกระบวนการสอบสวนจะต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 (ป.วิอาญา) ที่บัญญัติไว้ว่า ความผิดนอกราชอาณาจักรอำนาจสอบสวนเป็นของอัยการสูงสุด ซึ่งอัยการสูงสุดสามารถมอบหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไปหรือให้พนักงานสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวนได้
นายประยุทธ ระบุว่า แต่คดีนี้เหตุเกิดที่ประเทศไต้หวัน พยานหลักฐานแทบทั้งหมดจึงอยู่ที่ประเทศไต้หวัน กระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานจากประเทศต้นทาง เพื่อเข้ามาในสำนวนการสอบสวน ถ้าจำเป็นต้องดำเนินการในส่วนนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุด มีสำนักงานอัยการต่างประเทศ ที่มีนายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ เป็นอธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ จะเป็นผู้ประสานความร่วมมือกับทางการไต้หวัน แต่เนื่องจากไทยกับไต้หวันไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน เนื่องจากไต้หวันเองก็มีปัญหาละเอียดอ่อนที่มีประเด็นกับประเทศจีนอยู่
นายประยุทธ กล่าวว่า การประสานความร่วมมือระหว่างเรากับไต้หวันในเรื่องทำนองนี้จะผ่าน สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยมีสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทยประจำไต้หวันคอยประสานงานเช่นกัน ที่ผ่านมาการขอความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับไต้หวัน ก็ผ่านหน่วยงานดังกล่าวกันอยู่เป็นประจำ ในเรื่องนี้จึงไม่น่ามีปัญหา เมื่อการสอบสวนเสร็จแล้วสำนวนก็จะถูกส่งไปยังอัยการสูงสุดมีความเห็นและคำสั่ง และหากมีคำสั่งฟ้องก็จะมอบให้อัยการสำนักงานคดีอาญาเป็นผู้ยื่นฟ้องคดีที่ศาลอาญาต่อไป
เมื่อถามว่าหากทางการไต้หวันประสงค์จะขอตัวนายสันติกลับไปดำเนินคดีนั้น นายประยุทธ กล่าวว่า โดยหลักถ้าทางไต้หวันขอตัวส่งกลับไปก็จะเข้าสู่กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งเมื่อเราไม่มีสนธิสัญญา ก็ต้องไปใช้วิธีทางการทูตเรื่องถ้อยทีถ้อยอาศัยผ่านสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปที่กล่าวมาข้างต้น แต่เรื่องนี้ตนเข้าใจว่าเป็นอำนาจของศาลไทย ผู้เสียหายเป็นคนไทยและผู้ถูกกล่าวหาก็เป็นคนไทยคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องส่งไปดำเนินคดีที่ไต้หวัน เพราะสามารถดำเนินคดีในประเทศไทยได้ ตามที่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 8บัญญัติไว้
“คดีนี้คงไม่ส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพราะมีกฎหมายดำเนินคดีในไทยได้อยู่แล้ว คนถูกดำเนินคดีก็เป็นคนไทย ตาม ป.อาญามาตรา 8 เขียนไว้ชัดเจนให้พิจารณาในศาลไทยและอำนาจสอบสวนเป็นของอัยการสูงสุด และกระบวนการประสานงานต่อพยานหลักฐานสำนักงานอัยการต่างประเทศของประเทศไทยสามารถทำได้หมด” รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี