วันที่ 23 มิถุนายน 2565 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ตรวจค้นบ้านผู้ใช้บัญชีโซเชี่ยลอวตาร หลอกลวง ให้เด็กหญิงส่งภาพโป้สนองตัณหาตนเอง และข่มขู่แบล็คเมล์จนเด็กเครียดฆ่าตัวตาย

ภายใต้ยุทธการ “ Cosplay อวตาร”ด้วยสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้กําชับให้กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ขับเคลื่อนนโยบาย รัฐบาลในการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์สืบสวนขยายผล จับกุมตัวผู้กระทําความผิด ติดตามและเฝ้าระวัง การใช้สื่อสังคมออนไลน์และแพลตฟอร์มต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ต เป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ กับเด็กและสตรี กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองว่ามีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ส่งข้อความแชทหลอกลวงเหยื่อซึ่งเป็นเด็กให้ถ่ายภาพนิ่งและคลิปวิดีโอ เปลือยกายเห็นอวัยวะเพศ เพื่อแลกกับเงิน เมื่อเหยื่อซึ่งเป็นเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ส่งภาพโป้เปลือยโชว์ของสงวนของลับตนเองกลับมา ก็จะบันทึกภาพนั้นไว้และนําไปแสดงหาผลประโยชน์ให้ตนเอง

กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้พล.ต.ต.วิวัฒน์คําชํานาญ ผบก.ปคม., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.,พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท.,พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.ณรงค์เทศวิบูลย์พ.ต.อ. สุรพงษ์ชาติสุทธิ์,พ.ต.อ.กฤตัชบํารุงรัตนยศ,พ.ต.ท.อภิชน ขันกา รอง ผกก.3 บก.ปคม.โดยมอบหมายให้กก.3 บก.ปคม. ดําเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อพิสูจน์ทราบตัวคนร้ายและ ขยายผลเพื่อดําเนินคดีกับผู้กระทําผิด 

จากการที่บิดาและมารดาของน้องไข่มุก (นามสมมติ) ได้เข้ามาร้องทุกข์กับ บก.ปคม. ว่าน้องไข่มุก บุตรสาวของตนได้ถูกผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ปลอม (อวตาร) ทักข้อความคุยกับ น้องไข่มุกแล้วหลอกลวงให้น้องไข่มุกส่งภาพโป้ จากนั้นผู้ใช้บัญชีดังกล่าวได้ใช้ภาพโป้ดังกล่าวข่มขู่แบล็คเมลล์ให้น้องไข่มุกคอลวิดีโอและสั่งให้ทําในสิ่งที่ตนต้องการในทางลามกอนาจาร ซึ่งถ้าไม่ทําจะปล่อยภาพสู่สังคม ภายนอกจนภายหลัง น้องไข่มุก ได้เกิดอาการเครียดจนฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา

ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.3 บก.ปคม. ได้สืบสวนทราบตัวคนร้าย นายผล(นามสมมุติ) อายุ 28 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่บริเวณ ต.คูคต อ.ลําลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อพิสูจน์การกระทําผิดจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นที่พักดังกล่าว เพื่อตรวจยึดพยานหลักฐานภายที่ใช้/ในการกระทําผิดและดําเนินคดีต่อไป

ต่อมาวันที่ 23 มิ.ย.65 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ได้ปฏิบัติการตรวจ ค้นบ้านซึ่งเป็นที่อยู่ของคนร้าย จากการตรวจค้นพบพยานหลักฐานคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือของ คนร้าย ซึ่งพบบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่คนร้ายได้หลอกลวงเด็ก เพื่อให้ได้มาซึ่งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว โป้เปลือยของเด็ก สนองความใคร่ของตน หรือประโยชน์ของตน จึงได้จับกุมคนร้ายในข้อหา “ครอบครองสื่อ ลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสําหรับตนเองหรือผู้อื่น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287/1 ระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ โดยจะได้สืบสวน ขยายผลหาผู้ที่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมต่อไป