วันที่ 30 มิถุนายน 2565 เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ต.ปกรณ์ มณีปกรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราดแถลงข่าวปิดคดีไฟไหม้โรงแรมโซเนวา คีรี รีสอร์ท อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2565 และมีผู้เข้าพักจำนวน 14 คนจนส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 รายเนื่องจากตกจากที่สูงและมีทรัพย์สินเสียหายจำนวนมากและมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 34 ล้านบาท เช่น นาฬิกา ยี่ห้อริซาร์ตมิล, อัญมณีและอุปกรณ์ไอทีต่างๆ เป็นต้น
พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า หลังจากสอบสวนและเร่งรัดการคดีให้สรุปได้โดยเร็วเนื่องจากเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงในระดับสากลและอาจมีผลกระทบกับการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศ ตำรวจภูธรจังหวัดตราด ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมสอบสวนเพื่อดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนพบว่า บริษัทแห่งหนึ่งประกอบธุรกิจโรงแรมในชื่อโรงแรมโซเนวา คีรีรีสอร์ท ที่เกิดเพลิงไหม้ ได้นำกลุ่มอาคารห้องพักพูลวิลล่า 63 ที่ไม่ผ่านการตรวจความปลอดภัยจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและนำอาคารดังกล่าวใช้ประกอบกิจการโรงแรม โดยไม่แจ้งนายทะเบียนและบริษัทฯขาดการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าจนเกิดเหตุเพลิงไหม้และโรงแรมทราบดีอยู่แล้วว่าระบบแจ้งเตือนภัยไฟไหม้ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในการยับยั้งตันเหตุเพลิงไหม้ใช้การไม่ได้ แต่กลับไม่ซ่อมแซมให้ใช้การได้
เมื่อเกิดเหตุจึงไม่สามารถระงับยับยั้งไม่ให้เพลิงไหม้ลุกลามใหญ่โตได้ การกระทำดังกล่าวของบริษัทจึงเป็นความผิดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทจนเป็นเหตุให้มีทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย หรือการกระทำโดยประมาทนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิต บุคคลอื่น, กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส, และร่วมกันนำอาคารซึ่งไม่เป็น อาคารควบคุมการใช้, ใช้หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารดังกล่าวเพื่อกิจการโรงแรม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
โดย บริษัทดังกล่าวมีกรรมการผู้มีอำนาจจำนวน 3 คนโดย 1 ใน 3 คนเป็นคนไทยได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนอีก 2 คนจะได้เร่งรัดติดตามจับกุมให้มาดำเนินคดีตามกำหมายต่อไป
พล.ต.ต.ปกรณ์ มณีปกรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด กล่าวว่า ขอประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของผู้ประกอบการกิจการโรงแรมทุกแห่งให้ความสำคัญในการดำเนินการ ตามมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น อุปกรณ์ตรวจจับควัน สปริงเกอร์ กริ่งสัญญาณ เตือนภัย และอุปกรณ์ในการดับเพลิงต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีของประเทศโดยรวมต่อไป
ด้านนายชัยนันท์ ประเสริฐวิทย์ น้องชายแพทย์หญิง 1 ในเหยื่อไฟไหม้ได้เดินทางมามอบกระเช้าขอบคุณการทำงานของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราดและทีมสอบสวนที่ได้ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา
จากนั้นนายชัยนันท์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เดินทางมาพักที่โรงแรมดังกล่าว ในเวลา 16.00 น.แต่ยังไม่ได้เข้าที่พักและเมื่อเข้าที่พักก็มานั่งอยู่บริเวณสระน้ำ ซึ่งคืนนั้นน้องสาวอยากจะเล่นน้ำที่สระทางโรงแรมได้นำไฟสปอร์ตไลท์มาติดตั้งส่องสว่างให้ จากนั้นในเวลบา 23 .00 น. ทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้องพัก จนกระทั่งเช้ามืดได้ยินเสียงตะโกนว่าเกิดเพลิงไหม้ ต่างคนต่างหลบหนีเอาตัวรอดเพราะเกิดเร็วมาก ซึ่งไม่สามารถนำทรัพย์มีค่าออกมาได้ ทั้งหมดรวมมูลค่ากว่า 30 ล้าน ทั้งนาฬิกา แหวนเพชร และทรัพย์อื่นๆ โดยเฉพาะข้อมูลงานวิจัยที่อยู่ในโน๊ตบุคส์ที่มีค่ามากต้องสูญเสียไป
หลังจากนั้นทางโรงแรมก็ไม่ได้เข้ามาติดต่อช่วยเหลือหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ ในเรื่องความเสียหาย กระทั่งทางตำรวจได้เข้ามาทำสำนวนคดี และพบว่าเป็นเรื่องของความประมาทของทางโรงแรม เพราะจากหลักฐานการสอบสวนได้ชี้ชัดออกมาแล้ว ซึ่งทางครอบครัวจะนำสำนวนคดีไปทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป
นายชัยนนัท์ กล่าวอีกว่า ต้องขอบคุณทางผู้ช่วย ผบ.ตร.และตำรวจจังหวัดตราดในการสอบสวนคดีและคลี่คลายคดีได้เป็นอย่างดีและตรงไปตรงมา
สุดท้ายผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้ให้พนักงานสอบสวนได้อธิบายถึงการสอบสวนและการทำคดีให้สื่อมวลชนรับทราบถึงที่มาที่ไปและบอกกับนายชัยนันท์ ว่า ขอให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและพร้อมจับตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาชาวต่างชาติได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้วจึงออกหมายจับและให้ ตม.ดำเนินการติดตามต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ไฟไหม้พูลวิลล่าหรูบนเกาะกูด อาคารสร้างด้วยไม้เสียหายยับ วอดนับ 100 ล้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี