‘อธิบดีกรมทางหลวง’ขอโทษ
รับประมาทคานปูนหล่นทับรถดับ2ศพ
สยองสะพานกลับรถถ.พระราม2 สมุทรสาคร
รับผิดชอบเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเต็มที่
ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงสรุปใน14วัน
กรมทางหลวงเร่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุการณ์สยองคานสะพานกลับรถ ถนนพระราม 2 ใกล้ รพ.วิภาราม จ.สมุทรสาคร ยาว 10 เมตร หนัก 5 ตัน ถล่มลงมาทับรถยนต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บ 2 รายให้ได้ข้อสรุปภายใน 14 วัน หากพบว่าสาเหตุเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่จะดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาด และพร้อมเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงค่ำวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุแผ่นปูนความยาวกว่า 10 เมตร น้ำหนักประมาณ 5 ตัน ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพานกลับรถบริเวณด้านหน้า รพ.วิภาราม ถนนพระราม 2 กม.ที่ 34 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พังถล่มลงมาทับรถยนต์หลายคันที่กำลังสัญจรผ่านถนนดังกล่าว ทางช่องทางขาเข้า กทม.โดยเหตุที่เกิดขึ้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ติดคาอยู่ในซากรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต ทะเบียน ชธ6271 กรุงเทพมหานคร และมีผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย ต่อมาหนึ่งในผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตลงอีกราย
ภายหลัง พ.ต.อ.ยงลิต ศุภผล ผกก.ฝอ.บก.ภ.จว.นครปฐม รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร รับทราบเหตุที่เกิดขึ้น จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ภานุพงศ์ ภาวะบุตร สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสาคร นำกำลัง ประสานหน่วยกู้ภัย เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยพบว่าเป็นจุดกลับรถ (เกือกม้า) พบรถยนต์คันดังกล่าวสภาพถูกแผ่นปูนทับจนขาดท่อน ส่วนผู้เสียชีวิตเป็นคนที่นั่งฝั่งซ้าย ขณะที่คนขับบาดเจ็บ อีกทั้งยังมีรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมกซ์ ทะเบียน 3ฒธ5940 กรุงเทพมหานคร ที่ถูกแผ่นปูนทับด้านหน้ารถ แต่โชคดีที่คนขับและผู้ที่โดยสารมาด้วยปลอดภัย
นอกจากนี้พบว่ามีคนงานที่กำลังทำงานซ่อมแซมบนสะพานกลับรถดังกล่าว ร่วงตกมาพร้อมแผ่นปูน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย และเสียชีวิตลง 1 ราย ที่ รพ.สมุทรสาคร พร้อมกันนั้น พบว่ายังมีรถที่ได้รับความเสียหายจากเหตุที่เกิดขึ้นอีก 1 คัน เป็นรถบรรทุกน้ำมันดีเซล ที่ไปลงน้ำมันให้ลูกค้าแล้ว
ต่อมาเวลา 11.30 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2565 ญาติของ น.ส.สุวรรณี รักท้วม อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ภายในรถยนต์คันเกิดเหตุ ได้นิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธีเชิญวิญญาณที่จุดเกิดเหตุ โดยญาติยังมีอาการเศร้าโศกเสียใจและไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน จากนั้น น.ส.ปรียานันท์ ลิขิตศานต์ ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ
น.ส.ปรียานันท์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้น นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้มอบหมายให้ตนและทีมเฉพาะกิจกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้าตรวจสอบและพูดคุยกับเจ้าของงาน โดย พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมการทำงาน ปี 2554 กำหนดไว้ให้ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย และเกี่ยวกับกฎกระทรวง เรื่องการก่อสร้าง ซึ่งได้นัดหมายช่างกรมทางหลวงเพื่อหารือในประเด็นดังกล่าว เบื้องต้นพบว่ามีการกำหนดเขตก่อสร้าง และมีป้ายระบุการก่อสร้างแสดงไว้ ทั้งนี้ ตัวกฎหมายกำหนดว่า หากส่วนราชการทำตามมาตรฐานแต่ไม่มีผลบังคับใช้จะมีการหารือกันภายในระหว่างหน่วยงานรัฐ เว้นแต่เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบการคุมงานครั้งนี้ กระทรวงแรงงานจึงจะสามารถเอาผิดตามกฎหมายได้
น.ส.ปรียานันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับการช่วยเหลือเยียวยานั้น สำนักงานประกันสังคมจะตรวจสอบสิทธิทั้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตว่าประกอบอาชีพใด เพื่อช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลและค่าทำศพ ตามที่กองทุนเงินทดแทนและกองทุนประกันสังคมกำหนดไว้
ทางด้าน นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง โดยการทำงานครั้งนี้เป็นการซ่อมแซมไม่ใหญ่ ใช้เจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวง คือ ศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) เป็นฝ่ายดำเนินการเอง ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญในการกำหนดมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น กรมทางหลวง อยู่ระหว่างพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิต 2 ราย (ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวง) ผู้บาดเจ็บ 2 คน (ประชาชนในรถ ทำบาดแผลและสามารถกลับไปพักที่บ้าน และเจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวง) ทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาล รถที่เสียหาย และ ค่าจัดงานพิธีศพ ในส่วนของเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง กรณีเสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยา 30,000 บาท ส่วนบาดเจ็บ วงเงิน 10,000-30,000 บาท และมีเงินกองทุนสำหรับเจ้าหน้าที่กรณีที่ประสบอุบัติเหตุในการก่อสร้างด้วย
สำหรับการทำงานเมื่อคืนนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเทคอนกรีต จึงไม่มีการปิดการจราจร จะปิดการจราจรเมื่อมีการเทคอนกรีต ในขณะนี้ สั่งระงับการซ่อมแซมจนกว่าจะทราบสาเหตุที่แท้จริง ส่วนสาเหตุที่แท้จริง วันนี้ กรมทางหลวงรวมถึงสภาวิศวกร สภาวิศวกรรมสถาน ลงพื้นที่ จะทราบสาเหตุเร็วๆ นี้ ขณะที่ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รายงานผลภายใน 14 วัน โดยมีตัวแทนของกรมทางหลวงและตัวแทนสภาวิศวกรและสภาวิศวกรรมสถาน หากพบว่า สาเหตุเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่จะดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาด เป็นการลงโทษทางวินัย ลงโทษความผิดทางละเมิด มีส่วนรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย
“ในความเห็นส่วนตัว เหตุการณ์รถบรรทุกใช้สะพานบ่อย และเมื่อปี 2547 หรือ เกือบ 20 ปี เกิดเหตุพลิกคว่ำและเกิดไฟไหม้ได้ปรับปรุงและซ่อมแซมแก้ไขให้ใช้งานได้ เหตุเมื่อคืนอาจจะมาจากสาเหตุนี้ก็ได้ เนื่องจาก โครงสร้างเหล็กเสียหาย อาจจะส่งผลให้เกิดการชำรุด แต่สาเหตุที่แท้จริงรอเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ ขณะที่อีกสาเหตุ การทุบพื้นสะพาน เพื่อซ่อมแซม ทำให้น้ำหนักในส่วนสะพานหายไป คานอาจเคลื่อนตัว เพราะมีฝนตก อาจมีส่วนที่ทำให้คานตัวริมหล่นลงมาได้” อธิบดีกรมทางหลวง กล่าว
นายสราวุธ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์นี้ทำให้กรมทางหลวงจะต้องเพิ่มมาตรการในการดำเนินโครงการกว่า 200 โครงการทั่วประเทศ จะดำเนินการลงโทษผู้รับเหมา หากไม่ทำตามมาตรฐาน ส่วนการซ่อมแซมสะพานที่เกิดเหตุ ยืนยันว่า ไม่ได้อยู่ในโครงการก่อสร้างในเส้นทางมอเตอร์เวย์เอกชัย บ้านแพ้ว ซึ่งจะเป็นการก่อสร้างยกระดับสูงกว่าสะพานเกือกม้า
สำหรับขั้นตอนการซ่อมสะพานเกือกม้า พบว่าพื้นสะพานเสียหาย เพราะสภาพการจราจร รถใช้เส้นทางจำนวนมาก ทำให้เกิดความเสียหายของพื้น จำเป็นต้องรีบซ่อมแซม เพื่อให้บริการได้ การทำงานต้องรื้อทุบสกัดพื้นสะพานเดิม เปลี่ยนเป็นเหล็กและเทคอนกรีตสะพาน ใช้เวลาการทำงานตอนกลางคืน ไม่กระทบจราจร วันที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างการซ่อมช่วงที่สองของสะพาน ยังไม่ได้เริ่มเทพื้น ปรากฏว่าคานชิ้นริมร่วงหล่นลงมา
ด้าน พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ ภาวะบุตร สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสาคร กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำคนงานในที่เกิดเหตุทั้งหมด 10 คนเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ จากนี้ก็จะพิจารณาเรียกหัวหน้าผู้ควบคุมงานและวิศวกร มาสอบปากคำ และต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าเก็บรวบรวมหลักฐานในรายละเอียดต่างๆ ก่อนจะสรุปหาสาเหตุของเหตุที่เกิดขึ้น และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณจุดเกิดเหตุบนถนนพระราม 2 กม.34 ทางเจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวงได้มีการนำเชือกแดงมากั้นล้อมเอาไว้เพื่อเป็นเขตอันตรายห้ามผู้ใดเข้าไปบริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้การจราจรบนถนนพระราม 2 ปรากฏว่า เช้านี้ยังคงปิดช่องทางด่วนฝั่งขาเข้ากรุงเทพ ทำให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมากในช่วงทางเบี่ยงออกคู่ขนานก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ส่วนการจราจรขาออกนั้นเป็นไปอย่างคล่องตัวเพราะว่าได้มีการเปิดให้ใช้ทุกช่องทาง
วันเดียวกัน ทางจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีการประชุมหาความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ กัน โดยช่วงแรกนั้นเป็นเรื่องการบรรเทาปัญหาด้านการจราจรที่มีรถติดสะสมถึง 6 กิโลเมตร โดยขอให้ทางกรมทางหลวงเร่งวิเคราะห์สภาพสะพานโดยด่วนว่าสภาพเสียหายมากน้อยแค่ไหน สามารถเปิดถนนได้ปกติหรือไม่ หากพบชำรุดมาก เสี่ยงอันตรายเปิดไม่ได้ ขอให้เปิดช่องทางพิเศษให้รถวิ่งสวน หากต้องเปิดขอให้เปิดโดยด่วนเพื่อบรรเทาการจราจรติดขัด และให้ทำป้ายประชาสัมพันธ์เส้นทางการจราจรให้ประชาชนทราบเป็นระยะๆ ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี