ทะลัก‘เชียงราย-แม่ฮ่องสอน-น่าน’
นาป่าถล่มกลางดึก
พายุ‘มู่หลาน’แผลงฤทธิ์
‘ปภ.’ระดมกำลังเข้าช่วย
ปภ.รายงาน อิทธิฤทธิ์ของพายุ “มู่หลาน”ส่งผลให้น้ำท่วม 6 จังหวัดภาคเหนือ แม่สาย เชียงรายอ่วมหนัก แนวกั้นน้ำสายล้นทะลักเข้าชุมชน กระทบ “ไทย-เมียนมา” พร้อมส่งกำลังเข้าไปช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานสถานการณ์พายุโซนร้อน “มู่หลาน” ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันบริเวณเมืองลางซอน สาธารณรัฐสังคมนิคมเวียดนาม และอ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวตอนบน ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 11 – 13 สิงหาคม 2565 ส่งผลให้มีพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง รวม 11 จังหวัด
ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ พิษณุโลก นครพนม เลย และปราจีนบุรี 30 อำเภอ 77 ตำบล 410 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 2,312 ครัวเรือน ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา น่าน และพิษณุโลก รวม 25 อำเภอ 70 ตำบล 391 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 1,885 ครัวเรือน ภาพรวมระดับน้ำลดลงทุกพื้นที่ ดังนี้
เชียงราย (12 ส.ค.65) เกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อ.ขุนตาล อ.วเวียงแก่น อ.เมืองเชียงราย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ อ.แม่จัน อ.เทิง และ อ.แม่สาย รวม 27 ตำบล 206 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 1,081 ครัวเรือน
แม่ฮ่องสอน (12 ส.ค.65) เกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ปาย และ อ.ปางมะผ้า รวม 4 ตำบล 6 หมู่บ้าน อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย
เชียงใหม่ (12 ส.ค.65) เกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ฝาง อ.แม่อาย อ.เชียงดาว อ.เวียงแหง แลtอ.สะเมิง รวม 18 ตำบล 77 หมู่บ้าน อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย
พะเยา (11 ส.ค.65) เกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่ใจ อ.ภูซาง และ อ.เชียงคำ รวม 7 ตำบล 68หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับ 750 ครัวเรือน
น่าน (11 ส.ค.65) เกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เชียงกลาง อ.บ่อเกลือ อ.ปัว อ.ทุ่งช้าง อ.เมืองน่านและ อ.ท่าวังผา รวม 13 ตำบล 33 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับ 54 ครัวเรือนพิษณุโลก (12 ส.ค.65) เกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย
สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งพื้นที่ที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว จะได้เร่งสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาและประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลงแต่ยังคงทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT”
สื่อข่าวรายงานว่า น้ำจากลำน้ำสายชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้เอ่อล้นเข้าท่วมชุมชนทั้ง 2 ฝั่งประเทศ ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดช่วงเช้าวันที่ 13 สิงหาคมเช้าปริมาณน้ำยังคงมีมากขึ้นและมีระดับความลึกใต้สะพานมากกว่า 6 เมตร และทะลักล้นแนวกั้นที่เจ้าหน้าที่ตั้งเอาไว้ตามจุดต่างๆ ส่งผลทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมทั่วตลาดสายลมจอย ซึ่งเป็นตลาดชายแดน ทำให้ เทศบาล ต.แม่สาย ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง มณฑลทหารบกที่ 37 ต้องระดมกำลังกันเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดอยู่ภายในตลาด และเจ้าหน้าที่ยังคงวางกำลังช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบเหตุริมฝั่งลำน้ำสายไปจนกว่าระดับน้ำจะลดลงต่อไป
ขณะที่ในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พบว่าน้ำได้ท่วมแนวกั้นคอนกรีตที่อยู่ริมฝั่งจนทะลักเข้าท่วมตลาดและร้านค้ารวมทั้งชุมชนริมฝั่งอย่างหนักเช่นกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่อื่นๆ ทั้งในเขต อ.เมือง อ.ขุนตาล ฯลฯ พบว่าน้ำได้ลดลงแล้ว ซึ่งทางศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินถล่ม จ.เชียงราย รายงานว่าอุทกภัยครั้งนี้ส่งผลกระทบในพื้นที่ 8 อำเภอ 26 ตำบล 185 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 1,081 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร พืชไร่ 550 ไร่ พืชสวน 200 นาข้าว 700 ไร่ ฝาย 3 แห่ง และอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายเพิ่มเติมต่อไป
นายสมบัติ สุขรัตนา เจ้าหน้าที่สถานีวัดระดับน้ำ SW.A5 แม่น้ำปาย สถานีอุทกวิทยาภาคเหนือตอนบน บ้านท่าโป่งแดง หมู่ 5 ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องมาหลายวัน โดยเฉพาะพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำปาย คือ อ.ปาย และแม่น้ำสาขา ในพื้นที่ อ.ปางมะผ้า กับ อ.เมือง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปายที่สถานีวัดระดับน้ำ ฯ สูงสุดเมื่อเช้าวันนี้วัดได้ 3.84 เมตร จากเดิมเมื่อวานวัดได้ 2.50 เมตร โดยปริมาณน้ำในแม่น้ำปาย ได้สูงปริ่มขอบฝั่งพื้นที่ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปายตามพระราชดำริโป่งแดง หากปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีกเพียง 0.50 เมตร ก็จะเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ที่กล่าวมาข้างต้นทันที แต่ปัจจุบันปริมาณน้ำยังทรงตัวและค่อย ๆ ลดลงบ้างแล้ว หากมีฝนตกลงมาอีกก็อาจจะทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเช่นเดิม
นายบุญยิ่ง คีรีสัตยานนท์ ผญบ.บ้านท่าโป่งแดง หมู่ 5 ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากน้ำท่วม ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 20 ราย และมีพื้นที่ทางการเกษตรถูกน้ำท่วม 50 ไร่ ส่วนใหญ่ปลูกถั่วลิสง ข้าวโพด งา ถั่วเหลือง ถั่วฝักยาว ซึ่งขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย ซึ่งต้องรอให้น้ำลดลงก่อน
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า เนื่องจากจะยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือต่อเนื่องและได้ระบายลงตอนล่าง
จึกของแจ้งเตือน 11 จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ให้ระมัดระวัง ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร รวมถึงแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี