วันเสาร์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
คุณป้าลั่นติดคุกก็ยอม ตกเป็นเจ้าของบัญชีตุ๋นเงิน1.5ล้าน วอนขอความเป็นธรรม

คุณป้าลั่นติดคุกก็ยอม ตกเป็นเจ้าของบัญชีตุ๋นเงิน1.5ล้าน วอนขอความเป็นธรรม

วันพุธ ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 09.29 น.
Tag : เจ้าของบัญชีตุ๋นเงิน แนวหน้าออนไลน์ ราชบุรี
  •  

ป้าวัย 51 ชาวโพธาราม ราชบุรี เข่าทรุด เจอหมายเรียกตกเป็นเจ้าของบัญชีตุ๋นเหยื่อกู้เงินออนไลน์ 1.5 ล้านบาท โร่ขึ้นโรงพักขอความเป็นธรรม ลั่นตนเองไม่ใช่หน้าม้าเปิดบัญชีแต่กลับตกเป็นเหยื่อแอพเงินกู้เถื่อนลวงข้อมูลส่วนบุคคลไปก่อเหตุ ยอมติดคุกหากถูกออกหมายจับเพราะมีฐานะยากจน ไร้งาน เงินติดตัวยังไม่มีจะเอาที่ไหนสู้คดี

17 ส.ค.2565 ผู้สื่อข่าวได้แจ้งจาก ร.ต.อ.พลาญชัย ชัยชนะ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจโพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ว่ามีหญิงสาวรายหนึ่ง ตกเป็นเหยื่อแก๊งค์แอพเงินกู้เถื่อนหลอกลวงข้อมูลส่วนบุคคลไปก่อเหตุ จนถูกออกหมายเรียก จากสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง กรุงเทพมหานคร ว่าเป็นเจ้าของบัญชีกระทำการก่อเหตุหลอกลวงให้ผู้เสียหายรายหนึ่งโอนเงินเข้าบัญชีของหญิงสาวรายดังกล่าวสูญเงิน 1.5 บาท มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าตนเองไม่ได้เปิดบัญชีดังกล่าว หรือ ก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายรายดังกล่าว พร้อมทั้งขอความเป็นธรรมกับทางเจ้าหน้าที่ ไม่สามารถเดินทางไปตามหมายเรียกของ สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง กรุงเทพมหานครได้ เนื่องจากมีฐานะยากจนไม่มีเงินที่จะใช้เดินทางไปหรือเงินในการสู้คดีดังกล่าว


 

 

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไป สถานีตำรวจภูธรโพธาราม พบหญิงสาวรายดังกล่าว ทราบชื่อคือ น.ส.ฐิติกร จันทร์สร้อย อายุ 51 ปี ชาวบ้าน ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี อยู่ในสภาวะอาการเครียด กำลังนั่งให้ข้อมูลกับทาง ร.ต.อ.พลาญชัย ชัยชนะ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจโพธาราม เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้กระทำ หรือ ก่อเหตุเปิดบัญชีเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินเข้าบัญชี หลังถูกออกหมายเรียกพยาน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารทำให้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีจาการถูกหลอกลวงให้โอนเงินเข้าบัญชี จำนวน 1.5 ล้าน โดยให้เดินทางไปให้ปากคำยัง สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2565 นี้ หากขัดหมายเรียกจะถูกออกหมายจับ

 

 

น.ส.ฐิติกร จันทร์สร้อย เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้ตนและสามีอยู่ในภาวะความเครียด เนื่องจากโดนออกหมายเรียกจากทางสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง ถูกกล่าวหาว่าตนเองเป็นเจ้าของบัญชีไปหลอกลวงเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท ซึ่งตนเองได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังตำรวจที่ออกหมายเรียก คือ ร้อยตำรวจโทสุมิตต์ กลางวงษ์ พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี โดยแจ้งไปว่า ตนไม่สามารถเดินทางไปได้เนื่องจากไม่มีเงินที่จะเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หรือ เงินที่จะให้ในการประกันตัวสู้คดี แต่ได้รับคำตอบจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าหากไม่ไปพบจะถูกออกหมายจับ ทำให้ตนเองตกใจและเกิดความเครียดเป็นอย่างมาก เพราะตนเองไม่ได้ทำ ไม่ได้ไปหลอกลวงใคร บ้านก็ยากจนเงินติดตัวยังแทบจะไม่มี ต้องขอสามีวันละ 50 บาทมาซื้อข้าวรับประทาน งานก็ไม่มีทำ เพราะแขนซ้ายถูกรถชนจนแทบจะพิการ ไม่สามารถไปทำงานได้

น.ส.ฐิติกร เล่าถึงสาเหตุที่คาดว่าจะตกเป็นเหยื่อของพวกแก๊งแอพเงินกู้ เนื่องจากเมื่อ 5 เดือนก่อน ตนกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ จู่ๆมีแอพให้กู้เงิน ซึ่งดูจากรีวิวแล้ว มีเอกสารที่น่าเชื่อถือจึงเปิดสมัครทำตามขั้นตอน โดยมีความประสงค์ที่จะกู้เงินเพียง 10,000 บาท เท่านั้น ตนได้กรอกข้อมูล มีการถ่ายบัตรประชาชน ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมทั้งให้ถือบัตรประชาชนและแอพถ่ายภาพ เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้ายมีการหลอกให้ตนเองไปที่หน้าตู้ธนาคารเพื่อให้โอนเงินเข้าไปก่อน แต่ตนก็ไม่ได้เดินทางไปเพราะคิดว่าไม่ได้แน่นอน จึงไม่สนใจ และแอพก็หายไป จนกระทั้งมีเอกสารจากทางธนาคารส่งมาตนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะตนเองไม่มีเครดิต หรือ จะไปกู้เงินกับทางธนาคาร

 

 

จนล่าสุด  เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมมีเอกสารจากทางธนาคารกรุงเทพส่งมาแจ้งว่าทางธนาคารแจ้งการอายัดบัญชีเงินฝากตามคำสั่งของหน่วยงานราชการ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 โดยแจ้งว่าตนเองเปิดบัญชีไว้กับทางธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาโพธาราม ประเภทสะสมทรัพย์ เลขที่บัญชี 980-0-88571-8 ชื่อบัญชี น.ส.ฐิติกร จันทร์สร้อย ซึ่งได้มีหนังสือจาก สถานีตำรวจภูธรมาบตาพุด เลขที่ ตช.0017.(รย)96/3037 ลงวันที่ 26/06/2565 ให้อายัดบัญชีเงินฝากเลขที่ดังกล่าว ธนาคารจึงมีความจำเป็นต้องอายัดบัญชีเงินฝากเลขที่ 980-0-88571-8 ของตนเอง นับตั้งแต่วันที่ 29/06/2565 เป็นต้นไป

น.ส.ฐิติกร เล่าต่อว่า หลังจากนั้น ตนได้เดินทางไปยังธนาคารกรุงเทพ สาขาโพธาราม พร้อมทั้งแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าตนไม่เคยเปิดบัญชีกับทางธนาคารเลย และไม่มีบัญชีของธนาคารกรุงเทพแต่อย่างไร พร้อมทั้งขอตรวจสอบบัญชีที่ถูกอายัดดังกล่าว แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยกับตนได้ เพราะถูกทางสถานีตำรวจมาบตาพุดอายัดบัญชีไว้ ทั้งที่ตนเองเป็นเจ้าของบัญชี จากนั้นเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายเรียกมาให้ พอเปิดอ่านดูถึงกับตกใจและทำอะไรไม่ถูก โดยหมายเรียกดังกล่าวเป็นหมายเรียกพยาน ให้ตนเองเดินทางไปที่ สถานีตำรวจภูธรพระโขนง กรุงเทพมหานคร โดยถูก นางสาวณัฎฐ์ภร ทิพย์มณี เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีกับตนเองในคดีอาญา ระบุว่าตนเองเป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร 980-0-88571-8 โดยหลอกลวงให้นางสาวณัฎฐ์ภร ทิพย์มณี โอนเงินเข้าบัญชี 1,500,000 บาท ซึ่งให้ตนเองไปสอบปากคำที่ สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง ในวันที่ 18 สิงหาคม 2565 นี้ หากไม่ไปตามหมายเรียก จะถูกออกหมายจับ

 

 

ซึ่งตนเองไม่มีรายได้อะไร ไม่ได้ประกอบอาชีพ มา 3 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ ทำงานเป็นลูกจ้างโรงปุ๋ยพอมีรายได้วันละ 300 บาท ก่อนจะตกงานเพราะสถานการณ์โควิด ไม่มีงาน นายจ้างเลยให้หยุดงานโดยไม่มีกำหนด จนตนเองตกงาน และมาประสบอุบัติเหตุ รถเก๋งมาชนตนเองขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อเดือนกันยายน ปี 2564 จนทำให้ข้อแขนหักไม่สามารถทำงานได้ และไม่สามารถไปรับจ้าง หรือ ทำงานได้ ปัจจุบันอยู่กับสามีและทำงานเป็นเสาหลัก มีรายได้แค่วัน 300-400 บาท ส่วนตนเองต้องขอเงินสามีมาใช้วันละ 50 บาท เท่านั้นเอง ไม่มีรายได้ไม่มีเงินที่จะไปสู้คดี หรือ เดินทางไปโรงพักที่ออกหมายเรียกมา หากออกหมายจับก็คงต้องให้ตำรวจมาจับตัวไป ตนยืนยันว่าตนไม่ได้กระทำความผิด ไม่ได้รับจ้างเปิดบัญชี หรือ เปิดบัญชีเพื่อหลอกลวงคนอื่น หรือ ที่ถูกอ้างว่ามีเงินโอนเข้ามาในบัญชี 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้ ตนยอมติดคุก หากตำรวจจะมาจับ ทั้งนี้ตนจึงขอความเป็นธรรมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

ด้าน ร.ต.อ.พลาญชัย ชัยชนะ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจโพธาราม กล่าวว่า เคสนี้จากที่สอบถามคุณป้า ทราบว่ามีการไปกู้เงินผ่านแอะเถื่อน และมีการกรอกข้อมูลส่วนตัว ถ่ายภาพบัตรประชาชน หน้า-หลัง และถ่ายภาพใบหน้าตนเองส่งไปในแอพเงินกู้ดังกล่าว จนนำไปสู่ การนำข้อมูลที่เชื่อว่าไปเปิดบัญชีผ่านแอบธนาคาร โดยช่วงที่มีการยืนยันบุคคลด้วยใบหน้า มิจฉาชีพ ก็จะนำหน้าจอโทรศัพท์ที่บันทึกใบหน้าของเราหันตรงกับการสแกนใบหน้าของแอพธนาคาร ก็จะสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้ทันที และนำไปหลอกเหยื่อในรายอื่นๆ ต่อไป จนมีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีกับทางคุณป้าผู้เสียหายรายนี้

 

 

เบื้องต้น ตนก็แนะนำคุณป้าว่า ให้คุณป้าทำหน้าสื่อถึงสถานีตำรวจที่ออกหมายเรียก เพื่อขอให้สอบที่ สภ.โพธาราม ซึ่งคุณป้าสะดวกที่จะเดินทางมาได้ แต่ทราบว่าทาง พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีจะส่งหนังสือมาให้ทาง สภ.ท้องที่ เป็นผู้ช่วยสอบปากคำให้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และหาก จากการสอบสวน และสืบสวนแล้วหากคุณป้าผิดจริง หรือ เป็นผู้กระทำการหลอกลวงจริงก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ จึงฝากเตือนประชาชน อย่าตกเป็นเหยื่อแอพเงินกู้เถื่อน ที่หลอกให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล โหลดภาพบัตรประชาชน ด้านหน้าและด้านหลัง และ ถ่ายภาพใบหน้าให้พวกมิจฉาชีพ ซึ่งอาจจะถูกนำไปก่อเหตุ และตนเองจะตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับทางคุณป้ารายนี้ ซึ่งโทษเป็นคดีอาญา ต้องเสียเงินประกันตัว และ ต้องประวัติในคดีอาญาด้วย  -009

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • รวบคาด่าน 2 โจ๋ซุกยาบ้า 22,000 เม็ด ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ รวบคาด่าน 2 โจ๋ซุกยาบ้า 22,000 เม็ด ใต้เบาะรถจักรยานยนต์
  • พ่อร่ำไห้แทบขาดใจ ลูกชายวัย17 ขับจยย. อัดท้ายสิบล้อเสียชีวิต พ่อร่ำไห้แทบขาดใจ ลูกชายวัย17 ขับจยย. อัดท้ายสิบล้อเสียชีวิต
  • เดินหน้าปราบ\'แว้น\' \'ปิดกรุงเทพซิ่ง 2568\' จับ 18 ผู้ต้องหา ยึดรถ 17 คัน เดินหน้าปราบ'แว้น' 'ปิดกรุงเทพซิ่ง 2568' จับ 18 ผู้ต้องหา ยึดรถ 17 คัน
  • \'ตร.ไซเบอร์\'จ่อชง\'อสส.\'เอาผิด\'ฮุนเซน\'ปมคลิปเสียง 14 ก.ค.นี้ เอาผิด ม.116 -พ.ร.บ.คอมฯ 'ตร.ไซเบอร์'จ่อชง'อสส.'เอาผิด'ฮุนเซน'ปมคลิปเสียง 14 ก.ค.นี้ เอาผิด ม.116 -พ.ร.บ.คอมฯ
  • ​เคสสีกาฉาวลาม! ‘กมธ.ศาสนาฯ’ยันลุยสอบปม‘เจ้าคุณดัง’ ​เคสสีกาฉาวลาม! ‘กมธ.ศาสนาฯ’ยันลุยสอบปม‘เจ้าคุณดัง’
  • แนวหน้าวิเคราะห์ : ปลอมใบกำกับภาษี รัฐต้องปิดช่องวางกฎหมาย แนวหน้าวิเคราะห์ : ปลอมใบกำกับภาษี รัฐต้องปิดช่องวางกฎหมาย
  •  

Breaking News

เป็นทหาร VS เป็นไกด์!? ทหารไทยสาดสปีคแนะนำนทท. สำเนียงสุดเป๊ะ (ชมคลิป)

เปิดผล‘ดัชนีสร้างชาติ’2025-26 ‘ไทย’พุ่งอันดับ 3 อาเซียน ติดท็อป 46 โลก สะท้อนรากฐานมั่นคง

‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

‘อนุสรณ์’แนะ‘ภราดร’ตรวจสอบคนในก่อนโวยวายคนนอกปมคุมเสียงไม่ได้

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved