ป้าวัย 51 ชาวโพธาราม ราชบุรี เข่าทรุด เจอหมายเรียกตกเป็นเจ้าของบัญชีตุ๋นเหยื่อกู้เงินออนไลน์ 1.5 ล้านบาท โร่ขึ้นโรงพักขอความเป็นธรรม ลั่นตนเองไม่ใช่หน้าม้าเปิดบัญชีแต่กลับตกเป็นเหยื่อแอพเงินกู้เถื่อนลวงข้อมูลส่วนบุคคลไปก่อเหตุ ยอมติดคุกหากถูกออกหมายจับเพราะมีฐานะยากจน ไร้งาน เงินติดตัวยังไม่มีจะเอาที่ไหนสู้คดี
17 ส.ค.2565 ผู้สื่อข่าวได้แจ้งจาก ร.ต.อ.พลาญชัย ชัยชนะ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจโพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ว่ามีหญิงสาวรายหนึ่ง ตกเป็นเหยื่อแก๊งค์แอพเงินกู้เถื่อนหลอกลวงข้อมูลส่วนบุคคลไปก่อเหตุ จนถูกออกหมายเรียก จากสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง กรุงเทพมหานคร ว่าเป็นเจ้าของบัญชีกระทำการก่อเหตุหลอกลวงให้ผู้เสียหายรายหนึ่งโอนเงินเข้าบัญชีของหญิงสาวรายดังกล่าวสูญเงิน 1.5 บาท มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าตนเองไม่ได้เปิดบัญชีดังกล่าว หรือ ก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายรายดังกล่าว พร้อมทั้งขอความเป็นธรรมกับทางเจ้าหน้าที่ ไม่สามารถเดินทางไปตามหมายเรียกของ สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง กรุงเทพมหานครได้ เนื่องจากมีฐานะยากจนไม่มีเงินที่จะใช้เดินทางไปหรือเงินในการสู้คดีดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไป สถานีตำรวจภูธรโพธาราม พบหญิงสาวรายดังกล่าว ทราบชื่อคือ น.ส.ฐิติกร จันทร์สร้อย อายุ 51 ปี ชาวบ้าน ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี อยู่ในสภาวะอาการเครียด กำลังนั่งให้ข้อมูลกับทาง ร.ต.อ.พลาญชัย ชัยชนะ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจโพธาราม เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้กระทำ หรือ ก่อเหตุเปิดบัญชีเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินเข้าบัญชี หลังถูกออกหมายเรียกพยาน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารทำให้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีจาการถูกหลอกลวงให้โอนเงินเข้าบัญชี จำนวน 1.5 ล้าน โดยให้เดินทางไปให้ปากคำยัง สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2565 นี้ หากขัดหมายเรียกจะถูกออกหมายจับ
น.ส.ฐิติกร จันทร์สร้อย เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้ตนและสามีอยู่ในภาวะความเครียด เนื่องจากโดนออกหมายเรียกจากทางสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง ถูกกล่าวหาว่าตนเองเป็นเจ้าของบัญชีไปหลอกลวงเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท ซึ่งตนเองได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังตำรวจที่ออกหมายเรียก คือ ร้อยตำรวจโทสุมิตต์ กลางวงษ์ พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี โดยแจ้งไปว่า ตนไม่สามารถเดินทางไปได้เนื่องจากไม่มีเงินที่จะเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หรือ เงินที่จะให้ในการประกันตัวสู้คดี แต่ได้รับคำตอบจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าหากไม่ไปพบจะถูกออกหมายจับ ทำให้ตนเองตกใจและเกิดความเครียดเป็นอย่างมาก เพราะตนเองไม่ได้ทำ ไม่ได้ไปหลอกลวงใคร บ้านก็ยากจนเงินติดตัวยังแทบจะไม่มี ต้องขอสามีวันละ 50 บาทมาซื้อข้าวรับประทาน งานก็ไม่มีทำ เพราะแขนซ้ายถูกรถชนจนแทบจะพิการ ไม่สามารถไปทำงานได้
น.ส.ฐิติกร เล่าถึงสาเหตุที่คาดว่าจะตกเป็นเหยื่อของพวกแก๊งแอพเงินกู้ เนื่องจากเมื่อ 5 เดือนก่อน ตนกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ จู่ๆมีแอพให้กู้เงิน ซึ่งดูจากรีวิวแล้ว มีเอกสารที่น่าเชื่อถือจึงเปิดสมัครทำตามขั้นตอน โดยมีความประสงค์ที่จะกู้เงินเพียง 10,000 บาท เท่านั้น ตนได้กรอกข้อมูล มีการถ่ายบัตรประชาชน ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมทั้งให้ถือบัตรประชาชนและแอพถ่ายภาพ เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้ายมีการหลอกให้ตนเองไปที่หน้าตู้ธนาคารเพื่อให้โอนเงินเข้าไปก่อน แต่ตนก็ไม่ได้เดินทางไปเพราะคิดว่าไม่ได้แน่นอน จึงไม่สนใจ และแอพก็หายไป จนกระทั้งมีเอกสารจากทางธนาคารส่งมาตนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะตนเองไม่มีเครดิต หรือ จะไปกู้เงินกับทางธนาคาร
จนล่าสุด เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมมีเอกสารจากทางธนาคารกรุงเทพส่งมาแจ้งว่าทางธนาคารแจ้งการอายัดบัญชีเงินฝากตามคำสั่งของหน่วยงานราชการ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 โดยแจ้งว่าตนเองเปิดบัญชีไว้กับทางธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาโพธาราม ประเภทสะสมทรัพย์ เลขที่บัญชี 980-0-88571-8 ชื่อบัญชี น.ส.ฐิติกร จันทร์สร้อย ซึ่งได้มีหนังสือจาก สถานีตำรวจภูธรมาบตาพุด เลขที่ ตช.0017.(รย)96/3037 ลงวันที่ 26/06/2565 ให้อายัดบัญชีเงินฝากเลขที่ดังกล่าว ธนาคารจึงมีความจำเป็นต้องอายัดบัญชีเงินฝากเลขที่ 980-0-88571-8 ของตนเอง นับตั้งแต่วันที่ 29/06/2565 เป็นต้นไป
น.ส.ฐิติกร เล่าต่อว่า หลังจากนั้น ตนได้เดินทางไปยังธนาคารกรุงเทพ สาขาโพธาราม พร้อมทั้งแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าตนไม่เคยเปิดบัญชีกับทางธนาคารเลย และไม่มีบัญชีของธนาคารกรุงเทพแต่อย่างไร พร้อมทั้งขอตรวจสอบบัญชีที่ถูกอายัดดังกล่าว แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยกับตนได้ เพราะถูกทางสถานีตำรวจมาบตาพุดอายัดบัญชีไว้ ทั้งที่ตนเองเป็นเจ้าของบัญชี จากนั้นเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายเรียกมาให้ พอเปิดอ่านดูถึงกับตกใจและทำอะไรไม่ถูก โดยหมายเรียกดังกล่าวเป็นหมายเรียกพยาน ให้ตนเองเดินทางไปที่ สถานีตำรวจภูธรพระโขนง กรุงเทพมหานคร โดยถูก นางสาวณัฎฐ์ภร ทิพย์มณี เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีกับตนเองในคดีอาญา ระบุว่าตนเองเป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร 980-0-88571-8 โดยหลอกลวงให้นางสาวณัฎฐ์ภร ทิพย์มณี โอนเงินเข้าบัญชี 1,500,000 บาท ซึ่งให้ตนเองไปสอบปากคำที่ สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง ในวันที่ 18 สิงหาคม 2565 นี้ หากไม่ไปตามหมายเรียก จะถูกออกหมายจับ
ซึ่งตนเองไม่มีรายได้อะไร ไม่ได้ประกอบอาชีพ มา 3 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ ทำงานเป็นลูกจ้างโรงปุ๋ยพอมีรายได้วันละ 300 บาท ก่อนจะตกงานเพราะสถานการณ์โควิด ไม่มีงาน นายจ้างเลยให้หยุดงานโดยไม่มีกำหนด จนตนเองตกงาน และมาประสบอุบัติเหตุ รถเก๋งมาชนตนเองขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อเดือนกันยายน ปี 2564 จนทำให้ข้อแขนหักไม่สามารถทำงานได้ และไม่สามารถไปรับจ้าง หรือ ทำงานได้ ปัจจุบันอยู่กับสามีและทำงานเป็นเสาหลัก มีรายได้แค่วัน 300-400 บาท ส่วนตนเองต้องขอเงินสามีมาใช้วันละ 50 บาท เท่านั้นเอง ไม่มีรายได้ไม่มีเงินที่จะไปสู้คดี หรือ เดินทางไปโรงพักที่ออกหมายเรียกมา หากออกหมายจับก็คงต้องให้ตำรวจมาจับตัวไป ตนยืนยันว่าตนไม่ได้กระทำความผิด ไม่ได้รับจ้างเปิดบัญชี หรือ เปิดบัญชีเพื่อหลอกลวงคนอื่น หรือ ที่ถูกอ้างว่ามีเงินโอนเข้ามาในบัญชี 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้ ตนยอมติดคุก หากตำรวจจะมาจับ ทั้งนี้ตนจึงขอความเป็นธรรมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
ด้าน ร.ต.อ.พลาญชัย ชัยชนะ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจโพธาราม กล่าวว่า เคสนี้จากที่สอบถามคุณป้า ทราบว่ามีการไปกู้เงินผ่านแอะเถื่อน และมีการกรอกข้อมูลส่วนตัว ถ่ายภาพบัตรประชาชน หน้า-หลัง และถ่ายภาพใบหน้าตนเองส่งไปในแอพเงินกู้ดังกล่าว จนนำไปสู่ การนำข้อมูลที่เชื่อว่าไปเปิดบัญชีผ่านแอบธนาคาร โดยช่วงที่มีการยืนยันบุคคลด้วยใบหน้า มิจฉาชีพ ก็จะนำหน้าจอโทรศัพท์ที่บันทึกใบหน้าของเราหันตรงกับการสแกนใบหน้าของแอพธนาคาร ก็จะสามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้ทันที และนำไปหลอกเหยื่อในรายอื่นๆ ต่อไป จนมีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีกับทางคุณป้าผู้เสียหายรายนี้
เบื้องต้น ตนก็แนะนำคุณป้าว่า ให้คุณป้าทำหน้าสื่อถึงสถานีตำรวจที่ออกหมายเรียก เพื่อขอให้สอบที่ สภ.โพธาราม ซึ่งคุณป้าสะดวกที่จะเดินทางมาได้ แต่ทราบว่าทาง พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีจะส่งหนังสือมาให้ทาง สภ.ท้องที่ เป็นผู้ช่วยสอบปากคำให้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และหาก จากการสอบสวน และสืบสวนแล้วหากคุณป้าผิดจริง หรือ เป็นผู้กระทำการหลอกลวงจริงก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ จึงฝากเตือนประชาชน อย่าตกเป็นเหยื่อแอพเงินกู้เถื่อน ที่หลอกให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล โหลดภาพบัตรประชาชน ด้านหน้าและด้านหลัง และ ถ่ายภาพใบหน้าให้พวกมิจฉาชีพ ซึ่งอาจจะถูกนำไปก่อเหตุ และตนเองจะตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับทางคุณป้ารายนี้ ซึ่งโทษเป็นคดีอาญา ต้องเสียเงินประกันตัว และ ต้องประวัติในคดีอาญาด้วย -009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี