เปิดคำสารภาพ‘มือปืน’ยิงอดีตผู้สมัคร ส.ส.ระยอง เร่งสางชนวนสังหาร
เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ชัยพจน สุวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 , พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ , พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. ร่วมกันแถลงผลจับกุมตัว นายปิติ อายุ 54 ปี และ นายนิติพนธ์ หรือแบน อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน” จากคดีใช้อาวุธปืนบุกยิงนายมานพ เสถียรเขตต์ ทนายความชื่อดัง อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.ระยอง พรรคไทยรักษาชาติ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสียชีวิตภายในปั๊มน้ำมัน หมู่ 4 ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาทำงานร่วมกันระหว่าง ตำรวจกองปราบและตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อเร่งรัดสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี จากการสืบสวนพบพยานหลักฐานว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 2 คน และมีการวางแผนมาก่อเหตุอย่างมืออาชีพ มีการสำรวจพื้นที่ สะกดรอยติดตามนายมานพ ไม่ต่ำกว่า 1 เดือน ซึ่งก่อนวันก่อเหตุ นายปิติได้เดินทางไปยัง จ.ระยองล่วงหน้า 2 วัน เพื่อตรวจสอบดูลาดเลาให้แน่ชัด ก่อนลงมือในวันที่ 15 สิงหาคม
ส่วนรถจักรยานยนต์ (จยย.) ที่ใช้ก่อเหตุนั้น คนร้ายจงใจไปจอดทิ้งไว้ในที่ดินรกร้างแห่งหนึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร ก่อนไปขึ้นรถยนต์ของผู้ร่วมก่อเหตุอีกคน ที่จอดรอรับในพื้นที่เปลี่ยวใกล้จุดทิ้งรถขับหลบหนีไปด้วยกัน จากการตรวจสอบพบว่า รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถที่ถูกขโมยมา มีการแจ้งความหายไว้ตั้งแต่ ปี 2557
ต่อมาตำรวจสืบสวนจนยืนยันตัวบุคคลที่เป็นมือยิงและคนพาหลบหนีได้ทั้ง 2 คน จากรอยนิ้วมือที่อยู่บนรถจักรยานยนต์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับ จนนำมาสู่การตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ได้ในที่สุด โดยสามารถจับกุมนายปิติ ได้ภายในบริเวณปั๊มน้ำมัน ถ.รัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และ จับกุมตัวนายนิติพนธ์ ได้ในพื้นที่ จ.แพร่ พร้อมกับอาวุธปืน 1 กระบอก อย่างไรก็ตามตรวจสอบประวัติ ผู้ต้องหาทั้งสอง ยังไม่พบว่าเคยต้องคดีมาก่อน
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ในส่วนของการสอบสวน มีการสอบปากคำ นายปิติ ไปบ้างแล้วบางส่วน เบื้องต้นยอมรับว่าได้รับการติดต่อจากนายนิติพนธ์ ผู้ต้องหาอีกรายที่ถูกจับกุมได้ในพื้นที่ จ.แพร่ ให้ไปก่อเหตุยิงผู้ตาย ได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 80,000 บาท หลังก่อเหตุเสร็จได้นำอาวุธปืนไปคืนให้กับนายนิติพนธ์ ก่อนที่นายนิติพนธ์ จะพาหลบหนี ส่วนชนวนเหตุเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ทราบ เพราะนายนิติพนธ์ ไม่ได้บอกรายละเอียดในส่วนนี้ นอกจากนี้ยังยอมรับว่าเคยก่อเหตุยิงคนตายมาแล้ว
ขณะที่ในส่วนของนายนิติพนธ์ อยู่ระหว่างนำตัวเดินทางกลับมาสอบปากคำยังกองปราบ ขณะนี้ยังมาไม่ถึงไม่ถึง จึงยังไม่ได้ทำการสอบปากคำ ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึงทางคณะพนักงานสอบสวนจะเร่งดำเนินการสอบสวนโดยทันที และคาดว่าคดีดังกล่าวจะเริ่มกระจ่างมากขึ้น ส่วนอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้จากนายนิติพนธ์ ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นคนละกระบอกกับที่ใช้ก่อเหตุ
เมื่อถามว่าชนวนสังหารครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่นหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะพยานหลักฐานยังเชื่อมไปไม่ถึง แต่เชื่อว่าหลังการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนอย่างละเอียดในคืนนี้ คดีจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นแน่นอน แต่จากแนวทางสืบสวนทราบว่า นายนิติพนธ์ รู้จักกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ระยอง จริง ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบให้แน่ชัดถึงมูลเหตุสังหารว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังอีกหรือไม่
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี