“ตรีนุช”มอบอาชีวะทั่วประเทศคิดสิ่งประดิษฐ์ช่วยเด็กติดในรถโรงเรียน พร้อมสั่งศึกษาธิการจังหวัดสุ่มตรวจ
วันที่ 1 กันยายน 2565 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์นักเรียนถูกลืมบนรถตู้รับ-ส่งนักเรียน จนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต นั้น ตนได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ประสานไปยังสถานศึกษาในสังกัด สอศ.ทั้งของรัฐและเอกชนทั่วประเทศ ให้คิดค้นนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ป้องกันและช่วยเหลือเด็กที่ติดอยู่ในรถยนต์ โดยต้องเร่งดำเนินการโดยด่วน ซึ่งหลังจากคิดค้นนวัตกรรมและประดิษฐ์สำเร็จแล้วให้ประสานไปยังโรงเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่ของวิทยาลัยนั้น ๆเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ นอกจากนี้ ได้มอบให้นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งไปยังศึกษาธิการจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการกำกับ ติดตามและสุ่มตรวจสอบการใช้รถรับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียนต่าง ๆทั่วประเทศ ว่าได้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ.2562 หรือไม่
“ทราบว่าที่ผ่านมาวิทยาลัยอาชีวศึกษาหลายแห่งได้คิดค้นนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ในการป้องกันและช่วยเหลือเด็กที่ติดอยู่ในรถออกมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีการนำไปใช้อย่างแพร่หลาย เช่น วิทยาลัยเทคนิคลำปาง ได้สร้างระบบป้องกันและเตือนภัย โดยอาศัยหลักการตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในรถยนต์ ซึ่งเมื่อระบบตรวจสอบพบการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตในรถ กล่องควบคุมจะสั่งการเปิดประตูรถยนต์ และส่งสัญญาณเตือนภัยในรูปแบบระบบเสียงแจ้งเตือนด้วยไซเรนและส่งข้อความ SMS ที่ระบุพิกัดสถานที่ด้วย GPS ไปยังโทรศัพท์ ที่ตั้งค่าเอาไว้ก็จะสามารถดูพิกัดสถานที่ได้ทันที, วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม ได้ประดิษฐ์ชุดควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในรถยนต์ เมื่อมีผู้ติดอยู่ในรถ และมีค่าคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 1,000 ppm ซึ่งเป็นค่าที่ทำให้ผู้ติดอยู่ในรถรู้สึกอึดอัด เครื่องก็จะทำงานอัตโนมัติ และวิทยาสารพัดช่างอุบลราชธานี ได้ประดิษฐ์เครื่องทำลายกระจกรถยนต์ กรณีรถยนต์ตกน้ำหรือมีผู้ติดอยู่ในรถ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวจะติดตั้งไว้ในรถ สามารถยิงทำลายกระจกรถยนต์แบบ Tempered เมื่อกระจกถูกทำลายจะแตกตัวแบบเมล็ดข้าวโพด และหากตกน้ำจะมีอุปกรณ์เสริมเพื่อขอความช่วยเหลือ และจะมีสัญญาณแสดงตำแหน่งที่รถจมอยู่ เป็นต้น “ รมว.ศธ.กล่าว
นางสาวตรีนุช กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นขึ้น เป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อให้มีอุปกรณ์ในการช่วยเหลือนักเรียนที่ถูกลืมไว้ในรถยนต์ได้ทันทีเท่านั้น ทุกโรงเรียนไม่ควรให้มีเหตุการณ์ลืมนักเรียนไว้บนรถตู้รับ-ส่งนักเรียน จนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตเกิดขึ้นมาอีก ขอให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศใช้รถรับ-ส่งนักเรียน โดยปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ.2562 อย่างเคร่งครัดและไม่ประมาท ทั้งในส่วนของการตรวจสอบสภาพรถยนต์ที่นำมารับ-ส่งนักเรียน ความพร้อมของพนักงานขับรถ และผู้ควบคุมดูแลนักเรียน ที่ต้องตรวจสอบจำนวนนักเรียนที่รับ - ส่ง แต่ละเที่ยวให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายชื่อนักเรียน, ประจำอยู่กับรถโรงเรียนตลอดเวลาที่รับ - ส่งนักเรียน เพื่อควบคุมดูแล และช่วยเหลือนักเรียนให้เกิดความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
“หลังเกิดเหตุการณ์นักเรียนถูกลืมบนรถตู้รับ-ส่งนักเรียนที่ จ.ชลบุรี ก็สั่งให้เลขาธิการ สช.ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ไปดูแลผู้ปกครองของน้องที่เสียชีวิตในเบื้องต้นแล้วเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และให้ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงแล้วก็อยากเน้นย้ำไปยังทุกโรงเรียนให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการภายในโรงเรียนของตนเองเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้น ซึ่งมาตรการเรื่องความปลอดภัย เป็นนโยบายเร่งด่วนที่ศธ.เน้นย้ำมาโดยตลอด และโรงเรียนรัฐและเอกชนมีข้อปฏิบัติของระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ.2562 อยู่แล้ว และก็มีการเน้นย้ำต้นสังกัดของโรงเรียนมาตลอด แต่ต้องมีการตรวจสอบมากขึ้น ว่ามีการทำตามขั้นตอนนี้เข้มข้นแค่ไหน ดังนั้น จึงมอบให้ปลัดศธ.ประสารกับศึกษาธิการจังหวัด ช่วยไปสุ่มตรวจสอบโรงเรียนในพื้นที่ของตนเองว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนและระเบียบของศธ.หรือไม่” รมว.ศธ. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี