10 กย 56 กรณีเครื่องบินการบินไทย แอร์บัส เอ330-300 เครื่องบิน ทีจี 679 บินจากกวางโจว ประเทศจีน เกิดอุบัติเหตุไถลออกนอกทางวิ่ง (RUN WAY) ขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 23.20 น. ของวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้เกิดเสียงวิจารณ์ตามมาถึงการปฏิบัติงานของทีมลูกเรือการบินไทยในนาทีวิกฤติไปต่างๆ นานา จนกระทั่งลูกเรือการบินไทยหลายคนต้องใช้พื้นที่เฟสบุ๊ค เขียนความจริงอีกด้าน เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของประชาชนให้ได้รับรู้ทั่วกัน ทั้งยังรณรงค์ให้คว่ำบาตรรายการข่าวของนักจัดคนดังด้วย
เช่น เฟสบุ๊ค ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่การบินไทยท่านหนึ่งที่ใช้นามว่า @Voravat Utamote ได้บรรยายความช่วยเหลือที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพของกัปตันและทีมลูกเรือบนเครื่อง ทีจี 679 ท่ามกลางความโกลาหลของผู้โดยสาร และ ภาพหนึ่งที่เขาชี้ให้เห็นจนเป็นที่มาของประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ คือ "ผู้โดยสารส่วนหนึ่งที่สไลด์ลงไปแล้วใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และกัปตัน-ลูกเรือทุกคนทำงานตามกฏการบินทุกประการ อีกทั้งอยู่ช่วยเหลือจนคนสุดท้าย"
รายละเอียดที่เขียนมีดังนี้
"กรณีอุบัติเหตุเครื่องบินของสายการบินไทยไถลออกจากทางวิ่ง เครื่องร่อนลงในสภาพปกติทุกอย่าง ฐานล้อกางครบ ทัศนวิสัยดี แรงลมไม่มีปัญหา การที่ฐานล้อหน้า(nose gear) พับลงอาจมีสาเหตุหลายประการ อาทิ ยางระเบิด ระบบที่ทำให้ล้อหันเลี้ยวชำรุด หรือความบกพร่องของอุปกรณ์จนทำให้ฐานล้อหน้ากางไม่สุด สาเหตุนี้ ต้องได้รับการสอบสวนจากผู้เชี่ยวชาญต่อไป"
"แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วลูกเรือได้รับสัญญาณหรือคำสั่งจากนักบินให้ลี้ภัยออกจากเครื่องบินทันที ลูกเรือจะมองออกไปข้างลำตัวเครื่องบิน ว่ามีเพลิงไหม้หรือไม่ ซึ่งมีเครื่องยนต์เกิดเพลิงไหม้หนึ่งเครื่ิอง"
"ลูกเรือจึงไม่เปิดประตูนั้นเพราะจะเป็นอันตรายกับผู้โดยสาร ลูกเรือจะสั่งให้ผู้โดยสารลี้ภัยที่ประตูอื่นแทน"
"ลูกเรือได้ช่วยกันนำทางด้วยการตะโกนให้ผู้โดยสารปลดเข็มขัดนิรภัย ลุกออกจากที่นั่ง และชี้ทางออกที่ปลอดภัยให้"
"ขั้นตอนการเปิดประตูในเหตุกรณีฉุกเฉินที่จะต้องใช้แพชูชีพเป็นทางเลื่อนเพื่อลี้ภัย เมื่อเปิดประตูไปแล้วแพชูชีพจะใช้เวลาพองลมเต็มที่ใช้เวลาไม่เกิน 6 วินาที ลูกเรือต้องสังเกตุอุปกรณ์แจ้งเตือนว่า แพชูชีพได้กางพร้อมใช้ จึงสามารถลี้ภัยผู้โดยสารออกจากเครื่องบินได้ มิเช่นนั้น จะเกิดอันตรายถึงชีวิตแก่ผู้โดยสาร"
"เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับสายการบินไทย เมื่อผู้โดยสารไถลตัวออกจากเครื่องไปจนสุดปลายแพชูชีพที่มีความสูงขนาดตึก 3 ชั้น ผู้โดยสารสูงอายุ และชราหลายคนไปกองทับรวมกันที่ปลายแพชูชีพ"
"ประกอบกับผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่ลี้ภัยออกจากเครื่องไปแล้ว กลับมายืนใกล้ปลายแพชูชีพเพื่อถ่ายภาพ อันเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารที่กองอยู่และผู้โดยสารอีกนับร้อยคน ที่กำลังจะไถลตัวลงไปด้วยความเร็วสูง"
"หัวหน้าเที่ยวบินจึงสั่งให้ลูกเรือแบ่งกำลังพลไถลตัวลงไปเพื่อไปเปิดพื้นที่ นำร่างผู้โดยสารชราและสั่งให้ผู้โดยสารที่ยืนดูเหตุการณ์และถ่ายภาพออกไปจากบริเวณนั้น"
"ซึ่งลูกเรือหาได้หนีเอาตัวรอดไม่ เมื่อลี้ภัยจนผู้โดยสารหมดลำแล้ว หัวหน้าเที่ยวบินพร้อมกัปตันได้ออกเดินหาผู้โดยสารที่อาจจะติดอยู่บนเครื่องโดยใช้เครื่องขยายเสียงประจำเครื่องเรียกผู้โดยสาร จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้โดยสารติดอยู่ในห้องโดยสาร จึงออกจากเครื่องบินเป็นสองท่านสุดท้าย"
"เราขอขมเชย และภูมิใจการปฏิบัติหน้าที่ที่กล้าหาญ และสำนึกในหน้าที่ของลูกเรือและนักบินการบินไทยในเที่ยวบินดังกล่าวด้วยใจจริงครับ พวกคุณคือ ตัวแทนของเรา"
อย่างไรก็ตาม ข้อความเปิดเผยความจริงด้านนี้ได้ถูกแชร์ไปมากมายในโลกโซเชียลมีเดีย ทำให้เสียงวิจารณ์ลูกเรือการบินไทยที่ดังกระหึ่มในด้านลบดีขึ้นอย่างมาก
เสียงวิจารณ์การทำงานของกัปตันและลูกเรือการบินไทยเที่ยวทีจี 679 กวางโจว -กรุงเทพ เริ่มกระหึ่มขึ้นหลังจากรายการข่าวของนักจัดรายการชื่อดังได้สัมภาษณ์ผู้โดยสารบางคนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยเพิ่มด้านลบให้กับทีมลูกเรือการบินไทย เป็นเหตุให้เฟสบุ๊คของพนักงานการบินไทยจำนวนมากประกาศคว่ำบาตรรายการทีวีและผู้จัดรายการนี้ทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี