กรมอุตุฯ เตือนกทม.และปริมณฑล-ภาคตะวันออก ฝนหนักถึงหนักมาก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ส่วนจ.พิจิตร น้ำท่วมขยายวงกว้าง 9 อำเภอ กระทบ 1,528 หลังคาเรือนจนท.เร่งช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 7กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ใน กทม.และปริมณฑล และภาคตะวันออก บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขัง น้ำรอการระบายโดยเฉพาะบริเวณชุมชนเมือง เช่น กทม.และปริมณฑล รวมทั้งระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
อนึ่ง พายุโซนร้อน “ตาปะฮ์” (TAPAH) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในวันที่ 8 กันยายนนี้ พายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ60ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ลมแปรปรวน ความเร็ว 5-15กิโลเมตร/ชั่วโมง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ70ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-15กิโลเมตร/ชั่วโมง
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ80ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-15กิโลเมตร/ชั่วโมง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรีและตราด ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ40ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตรภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ60ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ตั้งแต่ จ.พังงาขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2เมตร ตั้งแต่ จ.ภูเก็ตลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ที่ จ.พิจิตร ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่ายังวิกฤตและทวีความรุนแรง โดยเฉพาะแม่น้ำยม ที่รับมวลน้ำก้อนใหญ่จาก จ.สุโขทัย และพิษณุโลก มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และเอ่อล้นตลิ่งขยายวงกว้างออกไปหลายอำเภอนอกจาก ต.สามง่าม ต.กำแพงดิน ต.รังนก อ.สามง่ามมวลน้ำได้ล้นตลิ่งท่วม ไปยัง ต.วังจิก ต.โพธิ์ประทับช้าง ต.ไผ่ท่าโพ อ.โพธิ์ประทับช้าง และ ต.บางลาย อ.บึงนาราง รวมทั้งอีก 7 ตำบลของ อ.โพทะเล ซึ่งมวลน้ำดังกล่าวยังคงไหลท่วมบ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตร และเส้นทางคมนาคมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านต้องนำเรือออกมาใช้สำหรับสัญจรไปมา
น.ส.สุกัญญา ต้นทุน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พิจิตร ให้ข้อมูลว่า มวลน้ำดังกล่าวเกิดจากอิทธิพบพายุฝนช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้พื้นที่ จ.พิจิตร ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ขณะนี้หลายอำเภอเผชิญกับสถานการณ์อุทกภัย มีมวลน้ำมาจากหลายทิศทางด้วยกัน ทั้งแม่น้ำน่าน และแม่น้ำยม ไหลทะลักลงมาอย่างต่อเนื่อง และยังมีกระแสน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ไหลหลากลงมาตามลำคลองธรรมชาติ และในพื้นที่ จ.พิจิตร มีมวลน้ำสะสมจากฝนตกหนักที่ผ่านมาค่อนข้างมาก ส่งผลให้มีบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตร เส้นทางคมนาคมต่างๆถูกน้ำท่วมได้รับผลกระทบ 9 อำเภอ ประกอบด้วย แม่น้ำยม ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ คือ อ.สามง่าม อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.บึงนาราง และ อ.โพทะเล
ส่วนแม่น้ำน่าน ได้รับผลกระทบ 2 อำเภอ คือ อ.เมืองอ.บางมูลนาก และน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ คือ อ.สากเหล็ก อ.ทับคล้อ และอ.ดงเจริญ รวม 9 อำเภอ 31 ตำบล 136 หมู่บ้าน มีชาวบ้านได้รับผลกระทบ 1,528 ครัวเรือน นาข้าวเสียหาย 5,075 ไร่ บ่อปลา 10 บ่อ ถนนหลวงเสียหาย 3 เส้นทาง ซึ่ง ผวจ.พิจิตรได้ประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจากอุทกภัยแล้ว เพื่อนำเงินทดรองราชการ บูรณาการให้การช่วยเหลือประชาชนตามความเหมาะสมอย่างเร่งด่วนแล้ว
ด้าน นพ.วิศิษฐ์ อภิสิทธิ์วิทยา นายแพทย์สาธารณสุขจ.พิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้แพทย์ รพ.พิจิตร เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลได้ลงพื้นที่ 9 อำเภอ 31 ตำบล 136 หมู่บ้าน มีชาวบ้านมีผลกระทบกว่า 1,500 หลังคาเรือนที่ถูกน้ำท่วม นอกจากนี้ได้นำยารักษาโรค พร้อมตรวจสุขภาพให้กับชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนไปก่อน
สำหรับระดับน้ำแม่น้ำยม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยที่สถานีวัดน้ำยม Y-17 หน้าที่ว่าการ อ.สามง่าม วัดระดับได้ 06.14 เมตร ระดับตลิ่ง 06.76 เมตร อัตราการไหล 479.70 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ส่วนแม่น้ำน่านระดับน้ำเริ่มทรงตัวหลังจากเขื่อนสิริกิติ์ลดการระบายน้ำลงเหลือ 25 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน โดยที่สถานีวัดระดับน้ำน่าน N7-A อ.เมือง จ.พิจิตร วัดได้ 10.39 เมตร ระดับตลิ่ง 09.87 เมตร ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 52 เซนติเมตร อัตราการไหล 1,060 ลบ.ม./วินาที อย่างไรก็ตาม ระยะนี้ยังมีร่องฝนจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เริ่มขยับร่นลงมาในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบน จะทำให้มีฝนตกชุกต่อไปอีก อย่างไรก็ตาม ปภ.ยังได้ประกาศให้ประชาชนเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องในระยะนี้
ส่วนที่ จ.ชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ มีน้ำท่วมสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ภายหลังถูกพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อ.เมือง ย่านเศรษฐกิจในตัว อ.แก้งคร้อ และ อ.บ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี