เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมฟื้นฟูคลองหัวลำโพง ตามโครงการนำร่อง (Pilot Project) เนื่องในวันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำคูคลองแห่งชาติ 20 กันยายน 2565 โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักงานเขตคลองเตย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถานีตำรวจนครบาลพื้นที่ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ร่วมกิจกรรม บริเวณหน่วยเก็บขยะทางน้ำคลองหัวลำโพง เขตคลองเตย พร้อมร่วมปลูกต้นอโศกอินเดีย จำนวน 70 ต้น
นายชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้ 20 กันยายน เป็นวันอนุรักษ์และพัฒนาคูคลอง ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมาได้ไปพูดคุยกับสภาอุตสาหกรรม จึงคิดว่าเรื่องคูคลองเป็นเรื่องสำคัญของกรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นเราจะลองเลือกคูคลองที่โหดๆ เป็นต้นแบบในการทำให้เข้าใจปัญหาที่แท้จริง แล้วลองทำเพื่อเอาผลที่ได้ไปขยายต่อ ซึ่งคลองหัวลำโพงที่วิ่งไปถึงหัวลำโพง ตอนหลังโดนถมที่ทำถนน สุดท้ายก็จะเห็นเป็นคลองเล็กๆ มาจากตลาดคลองเตย วิ่งออกที่คลองพระโขนง และไปเชื่อมต่อกับคลองไผ่สิงโตด้วย เป็นจุดที่ถือว่าท้าทาย จากจุดที่เราอยู่ตรงนี้จะได้กลิ่นน้ำเน่าเหม็น เพราะว่ามีบ้านเรือนที่อยู่ริมคลองทิ้งสิ่งปฏิกูลทั้งห้องส้วมการซักล้างทิ้งลงคลอง อีกทั้งต้นทางมีตลาดคลองเตยที่เป็นตลาดใหญ่ มีการเชือดไก่ มีน้ำล้างเขียงหมูลงคลองหมด ไม่แน่ใจว่ามีบ่อบำบัดหรือไม่ ก็เป็นต้นเหตุหนึ่ง ซึ่งอยู่ในนโยบายของเรา ข้อที่ 171 เรื่องการดูแลตลาดให้ถูกหลักสุขอนามัย มีความร่วมมือกับกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทางรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการลงมาดูพื้นที่ร่วมเดือน โดยจะเอาพื้นที่นี้เป็นพื้นที่นำร่องในการพัฒนาให้สะอาด ถ้าทำได้จะขยายผลไปทั่วพื้นที่ กทม.อีกทั้งตรงนี้เป็นคลองที่ระยะทางสั้นแค่ 3 กิโลเมตร เป็นจุดที่เราดูแลได้เต็มที่ ไม่มีการสัญจรทางน้ำ ทำให้การควบคุมดูแลทำได้ง่ายขึ้น
ผู้ว่าฯ กล่าวอีกว่า เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นโครงการที่เราเริ่มตั้งแต่เข้ามา ตอนนี้เราเริ่มเรื่องน้ำเสีย บ่อบำบัดน้ำเสีย ต่อไปที่จะทำขนานกันไปคือ เรื่องอากาศพิษ เรื่อง PM 2.5 ซึ่งได้มีคณะทำงานเริ่มทำงานหลายเดือนแล้ว และจะมีเข้าไปคุยกับทาง วช.เรื่องการติดตั้งอุปกรณ์เตือนภัย ทำเครื่องฟอกอากาศให้กับชุมชน เพราะเรื่องมลพิษมีหลายมิติ ขยะเราทำแล้วเรื่องแยกขยะ เรื่องน้ำเสีย ต่อไปเรื่องอากาศพิษ ก็ต้องลุยในแต่ละงานต่อไป
นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงแผนการฟื้นฟูคลองหัวลำโพง 3 เฟส เฟสแรก ระยะ 6 เดือน สร้างผังข้อมูลน้ำและโมเดลนำร่อง เฟสที่ 2 ระยะ 10 เดือน เริ่มโมเดลนำร่องในจุดที่น้ำมีคุณภาพแย่ ส่วนเฟสที่ 3 ปรับภูมิทัศน์บ้านเรือน และสำรวจความเข้มข้นของน้ำ
ด้าน ดร.ไชโย จุ้ยศิริ ผู้อำนวยการส่วนแหล่งน้ำจืด กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คลองหัวลำโพงวัดค่า FCB หรือค่าความสกปรกที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียจากสิ่งปฏิกูลได้หลักแสน หลักล้าน จากค่าเฉลี่ย 4,000 ส่วนค่าบีโอดี BOD (Biological Oxygen Demand) หรือการหาปริมาณออกซิเจนที่แบคทีเรียใช้ในการหายใจ วัดได้หลักร้อย ซึ่งทั้ง 2 ค่านี้สูงกว่าเกณฑ์ปกติการใช้ประโยชน์ของแหล่งน้ำประเภทที่ 3
"คลองหลักๆ ที่เริ่มทำแล้วเช่น คลองแสนแสบ คลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว ที่เราดูเรื่องการปล่อยน้ำเสีย การปล่อยสิ่งปฏิกูล ที่คลองแสบแสบก็ได้แจกถังดักไขมันตามชุมชนต่างๆ ส่วนเรื่องผู้บุกรุกริมคลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว จะต้องรีบดำเนินการต่อ เพราะจะเป็นตัวอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาหลายๆ อย่างในระยะยาว คือจะให้ชาวบ้านลงทุนเองก็คงเป็นเรื่องที่ยาก แล้วเรามีโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียรวม สามารถแก้ปัญหาเส้นเลือดฝอยอย่างนี้ได้ ถ้ายังมีคนรุกล้ำซึ่งเรื่องนี้คงต้องทำระยะยาว ต้องช่วยเรื่องการติดตั้งบ่อบำบัดเสียที่มีคุณภาพในชุมชนให้เยอะขึ้น ถ้าเอาน้ำเสียรวมต่อท่อเอาน้ำเสียทั้งหมดดึงไปบำบัดที่รวมคงยาก เราคงต้องบาลานซ์ระหว่างเส้นเลือดใหญ่กับเส้นเลือดฝอยในชุมชนให้มากขึ้น ต้องเอาตรงนี้เป็นตัวอย่าง ถ้าเราสามารถหาวิธีดูแลกลุ่มนี้ได้ ก็ขยายผลในระยะยาวได้" ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี