‘ชัชชาติ’ห่วง น้ำเหนือเทียบเท่าปี’54 พร้อมรับมือน้ำท่วมกทม.

‘ชัชชาติ’ห่วง น้ำเหนือเทียบเท่าปี’54 พร้อมรับมือน้ำท่วมกทม.

วันเสาร์ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ชัชชาติ’ห่วง

น้ำเหนือเทียบเท่าปี’54

พร้อมรับมือน้ำท่วมกทม.

ชัชชาติ” ผู้ว่าฯกทม. ห่วงน้ำเหนือเกือบเท่าปี’54 เตรียมพร้อมรับมือหากมีพายุฝนเพิ่มเติม เชื่อยังรับมือน้ำท่วมได้ กรมชลฯ ปรับเพิ่มระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา เป็น 2,000 ลบ.ม./วินาที ขณะที่กรุงเก่าภาพรวม 6 อำเภอ อ่วมหนัก หนุ่มใหญ่จมน้ำดับอนาถ หลังลงอาบน้ำใต้ถุนบ้านน้ำท่วมกว่า 3 เมตร ขณะที่ กรมอุตุฯเตือนทั่วไทยฝนหนัก กระทบ 31จังหวัด รับมือน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ กทม.ว่าขณะนี้มีความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำ เนื่องจากน้ำเหนือมีจำนวนมาก จากเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาณเกือบเทียบเท่าปี 2554 แต่มีการประสานระหว่างกรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์หากมีพายุเข้ามา โดยสถานการณ์ไม่น่าจะรุนแรงเท่าปี 2554


นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ กทม.ได้มีการตรวจแนวคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา และแก้ปัญหาแนวฟันหลอ 10 จุด โดยการวางแนวกระสอบทราย ป้องกันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ล้นเข้ากระทบชุมชนริมแนวคันกั้นน้ำ รวมถึงตรวจแนวคันกั้นน้ำจากพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง อาทิ คลองรังสิต คลองมหาสวัสดิ์ เพื่อป้องกันผลกระทบ ซึ่งมีการหารือกับจังหวัดข้างเคียงอย่างต่อเนื่อง เช่น จ.สมุทรปราการ จ.นนทบุรี รวมถึงขณะนี้มีฝนทิ้งช่วง ทำให้การระบายน้ำในจุดที่ยังได้รับผลกระทบ สามารถระบายได้ดีขึ้น

ส่วนพื้นที่ด้านตะวันออก ใกล้กับพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา มีการระบายออก 3 ทิศทาง คือทางแปดริ้ว และปากน้ำ อีกทางคือคลองประเวศบุรีรมย์ เข้ามาที่สถานีสูบน้ำพระโขนง ซึ่งมีความจำกัด คลองคดเคี้ยว ทำให้ระบายน้ำได้ช้า ที่ผ่านมามีฝนตกหนักก็ทำให้น้ำท่วมขังบางจุด แต่สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น

ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.เสนา ได้เข้าตรวจสอบเหตุมีผู้จมน้ำเสียชีวิตในพื้นที่หมู่ 3 ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัย โดยพบจุดเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง น้ำท่วมประมาณ 3-4 เมตร กู้ภัยได้ใช้เรือเข้าไป ก่อนจะพบศพนายสุนทร อายุ 58 ปี จากการสอบสวนนายพนมกร อายุ 32 ปี ผู้ที่พบศพ ระบุว่าช่วงค่ำวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตลงไปอาบน้ำใต้ถุนบ้าน ก่อนจะจมน้ำไป ตนที่ทำกับข้าวในครัว ได้บอกกับเพื่อนบ้านให้ช่วยกันหา จนพบแล้วรีบปั๊มหัวใจ แต่ก็ไม่ทันการณ์ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบดังกล่าว

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ยังน่าเป็นห่วง หลังจากเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มการระบายน้ำ โดยส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ และที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ ได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.บางบาล อ.บางไทร อ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บางปะอิน รวมกว่า 20,000 ครัวเรือน สำหรับพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญและเขตเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา สถานที่ท่องเที่ยว ยังไม่ถูกน้ำท่วม

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครราชสีมา และบุรีรัมย์ ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.กระบี่ ตรัง และสตูล ตั้งแต่ จ.ภูเก็ต ขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.กระบี่ ลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร

ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน ระบุว่า เช้าวันเดียวกันนี้ ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,101 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคืนที่ผ่านมา กรมชลประทาน ได้ปรับเพิ่มการระบายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จาก 1,900 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,950 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้ บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทาน ทั้ง 2 ฝั่ง ตามศักยภาพของคลอง แต่เนื่องจากปริมาณน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้มีพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำบริเวณด้านเหนือเขื่อนได้รับผลกระทบ ได้แก่ อ.มโนรมย์ (ต.ท่าฉนวน ต.ศิลาดาน ต.วัดโคก ต.คุ้งสำเภา) จ.ชัยนาท , อ.วัดสิงห์ (ต.มะจามเฒ่า ต.วัดสิงห์) จ.ชัยนาท , อ.เมือง จ.ชัยนาท (ต.ธรรมามูล ต.หาดท่าเสา ต.เขาท่าพระ ต.ท่าชัย ต.บ้านกล้วย ต.ชัยนาท)

กรมชลประทาน จำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป จากอัตรา 1,950 ลบ.ม./วินาที ให้เป็น 2,000 ลบ.ม./วินาที และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้ โดยจะทำให้พื้นที่นอกคั้นกันน้ำบริเวณด้านท้ายเขื่อนที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม ระดับน้ำที่ท่วมขังสูงขึ้น ดังนี้ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง , คลองบางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ติดกับแม่น้ำน้อย หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้นและส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ

อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน ได้เพิ่มมาตรการจัดจราจรน้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ด้วยการทยอยลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่จะไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้การระบายน้ำเหนือออกทะเลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับลดการระบายน้ำจากอัตรา 150 ลบ.ม./วินาที เป็นอัตรา 100 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะคงอัตรานี้ถึงวันที่ 14 กันยายนนี้ จากนั้นจะทยอยปรับลดอีกครั้ง

ปัจจุบันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีน้ำ 464.60 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 48.40% มีปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 375.87 ลบ.ม./วินาที หรือ 32.47 ล้าน ลบ.ม./วัน ส่วนการระบายน้ำที่ 100.53 ลบ.ม./วินาที จะเท่ากับระบาย 8.68 ล้าน ลบ.ม./วัน การปรับลดการระบายน้ำในอัตราดังกล่าวจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักด้านท้ายเขื่อน ลดลงจากเดิมอีกประมาณ 0.30–0.50 เมตร ซึ่งได้ประชาสัมพันธ์แจ้งให้ประชาชนทราบแล้ว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top