วันจันทร์ ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
โควิดโรคเฝ้าระวังหลัง1ต.ค.  เตรียมยุบศบค.  ยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน/ส่งต่อสธ.ดูแล

โควิดโรคเฝ้าระวังหลัง1ต.ค. เตรียมยุบศบค. ยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน/ส่งต่อสธ.ดูแล

วันศุกร์ ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2565, 06.00 น.
Tag : โควิด19 ไวรัส โรคระบาด โควิดไทย
  •  

โควิดโรคเฝ้าระวังหลัง1ต.ค.

เตรียมยุบศบค.

ยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน/ส่งต่อสธ.ดูแล

เสนอที่ประชุมใหญ่เคาะ23ก.ย.

เตือนBA.2.75ลุกลามแล้ว48ปท.

ไทยป่วยรายวัน806-ตาย15ศพ

คนไทยติดโควิดต่ำกว่าพันอีกรอบ ยอดรายวัน 806 คน ตาย 15 ศพ รักษาตัวในรพ.ทั่วประเทศสะสม 8,286 ราย อาการหนักลดเหลือ 533 คน ใส่ท่อหายใจ 248 ราย ด้านเลขาฯสมช.เผยที่ประชุม ศปก.ศบค.เสนอศบค.ชุดใหญ่พิจารณาสถานการณ์ระบาดโควิดพร้อมประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน-ยุบศบค.รวมถึงหน่วยงานและคำสั่งที่เกี่ยวข้อง มีผล1 ตค.หมอธีระเตือนโอมิครอนสายพันธุ์ BA.2.75 ระบาดเพิ่มขึ้นช้าๆ ลามแล้ว 48 ประเทศ

เมื่อวันที่ 22 กันยายน ศูนย์ข้อมูล Covid-19 รายงานภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันทั่วโลกว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 429,250 ราย ผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 618,553,048 ราย ผู้ป่วยอาการรุนแรง 40,073 ราย ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,273 ราย สะสม 6,535,384 ราย ประเทศที่มีการติดเชื้อใหม่สูงสุด คือ สหรัฐอเมริกา 47,843 ราย สะสม 97,721,719 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 375 ราย สะสม 1,080,356 ราย


ติดเชื้อใหม่806ตาย15คน

สำหรับประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 806 ราย สะสม 4,676,338 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 15 ราย สะสม 32,683 ราย อัตราเสียชีวิตเฉลี่ยย้อนหลัง 7 วันอยู่ที่ 1 รายต่อล้านประชากร ผู้ป่วยที่อยู่ในระบบการรักษา 8,286 ราย อาการรุนแรง 533 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 248 ราย อัตราครองเตียงระดับ 2-3 อยู่ที่ 8.50% อัตราเฉลี่ย 14 วันย้อนหลัง ในผู้ป่วยรายใหม่ 868 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 533 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 248 ราย และเสียชีวิต 14 ราย โดยผู้เสียชีวิต 15 ราย เป็นเพศชาย 9 ราย หญิง 6 ราย เป็นผู้อายุ 60 ปีขึ้นไป 13 ราย ต่ำกว่า 60 ปีอีก 2 ราย มีประวัติโรคเรื้อรัง เป็นมะเร็ง 4 ราย โรคไต 3 ราย โรคอ้วน 5 ราย หลอดเลือดสมอง 8 ราย หัวใจ 1 ราย และติดเตียง 4 ราย

ฉีดวัคซีนสะสม143ล.โดส

ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยสะสม 143,195,138 โดส ข้อมูลการฉีดวัคซีนวันที่ 21 กันยายนเพิ่มขึ้นรวม 19,190 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 ฉีด 2,929 โดส สะสม 57,309,604 โดส คิดเป็น 82.4%ของประชากร เข็มที่ 2 ฉีด 3,996 โดส สะสม 53,809,052 โดสคิดเป็น 77.4% ของประชากร และ เข็มที่ 3 ฉีด 12,265 โดส สะสม 32,076,482 โดสคิดเป็น 46.1%ของประชากร

ขณะที่การฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปในประชากรเป้าหมาย 12,704,543 คน ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว 10,749,324 โดสคิดเป็น 84.6% ฉีดเข็มที่ 2 แล้ว 10,251,583 โดสคิดเป็น 80.7% และฉีดเข็มที่ 3 แล้ว 6,494,846 โดสคิดเป็น 51.1% ส่วนเด็กอายุ 5-11 ปีประชากรเป้าหมาย 5,150,082 คน ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว 3,324,759 โดสคิดเป็น 64.6% ฉีดเข็มที่ 2 แล้ว 2,482,172 โดสคิดเป็น 48.2% และฉีดเข็มที่ 3 แล้ว 51,509 โดสคิดเป็น 1.0%

ติดเชื้อไม่กักตัวแต่ต้องยึดDMHT

ขณะที่นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรคเปิดเผยถึงสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ปัจจุบันนี้ว่า อาการของโควิดไม่ได้รุนแรง คล้ายโรคหวัด และเราต้องการให้ใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ ดังนั้น หากรู้ตัวว่าป่วย แต่กลับไม่ยอมป้องกันตัวเองจะทำให้ผู้อื่นเสี่ยงไปด้วย จึงแนะนำให้ปฏิบัติตาม DMHT คือเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และตรวจ ATK สิ่งสำคัญที่สุดคือ สวมใส่หน้ากากอนามัย ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีคำแนะนำว่า คนป่วยอาการไม่มากหรือไม่มีอาการให้ปฏิบัติตาม DMHT แต่การไปทำงาน ต้องขึ้นกับนโยบายบริษัทหรือผู้ประกอบการด้วย เช่น ถ้าเราทำงานในโรงพยาบาล ต้องอยู่ใกล้หรือดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หากเป็นเจ้าของสถานบริการดูแลผู้สูงอายุ ก็อาจต้องให้หยุดงาน เพราะผู้สูงอายุหากติดเชื้อเสี่ยงอาการรุนแรงได้

ย้ำใส่แมสก์ยังจำเป็นลดแพร่เชื้อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าครบกำหนด 5 วัน ผู้ติดเชื้ออาการน้อยหรือไม่มีอาการต้องตรวจ ATK หรือไม่ นพ.โสภณกล่าวว่า ไม่จำเป็น แต่ทั้งหมดขึ้นกับความเสี่ยง เช่น ถ้าทำงานใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยงก็ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ โดยหลักคือ การสวมหน้ากากอนามัย หากเราป่วยเราก็ควรต้องสวมหน้ากากอนามัย ต้องระวังให้มากกว่าปกติ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อไปผู้อื่น หรือง่ายๆคือ ต้องปฏิบัติตาม DMHT

BA.2.75ระบาดแล้ว48ปท.

ด้านรศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งถึงการติดตามความคืบหน้าการกลายพันธุ์สายพันธุ์โควิด-19ว่า สัดส่วนสายพันธุ์ที่ระบาด องค์การอนามัยโลกออกรายงาน WHO Weekly Epidemiological Update ระบุ โอมิครอน สายพันธุ์ BA.5 ยังครองการระบาด 76.6%, BA.4 7.5% ขณะที่สายพันธุ์ย่อยที่กำลังเป็นที่จับตามองคือ BA.2.75 นั้นเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ปัจจุบันพบ 1.26% มีประเทศที่ตรวจพบแล้ว 48 ประเทศทั่วโลก

ทั้งนี้ ไวรัสที่กลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นนั้น มักพัฒนาสมรรถนะการหลบหลีกภูมิคุ้มกัน การแพร่เชื้อ การจับกับตัวรับที่เซลล์เป้าหมาย และ/หรือนำไปสู่การป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ หากอนาคต ภูมิจากวัคซีนที่ฉีดจะลดลงตามเวลา หากนโยบายและสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตประจำวันมีการเดินทาง พบปะกันมาก คนติดเชื้อไม่ได้แยกกักตัว ความใส่ใจสุขภาพและการป้องกันตัวเองของประชาชนแต่ละคนจะกลายเป็นปัจจัยเดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการใส่หน้ากากสม่ำเสมอ เพราะสุดท้ายแล้ว จะเกิดปัญหาติดเชื้อ ป่วย ตาย และ Long COVID ตามมา มากน้อยขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนในสังคม แต่ผลกระทบระยะยาวที่เกิดขึ้นนั้น มีทั้งเรื่องความสูญเสียด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ไม่ว่าต่อตัวผู้ป่วยเอง ครอบครัว และประเทศ

ชงเลิกพรก.ฉุกเฉิน-ยุบศบค.มีผล1ตค.

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด– 19 (ศปก.ศบค.)ว่า ศปก.ศบค.หารือกันเรื่องสถานการณ์โควิด-19ปัจจุบันที่ดีขึ้นตามลำดับ ผู้ป่วยผู้เสียชีวิตลดลง กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ต้องเป็นผู้ดำเนินการต่อ เพื่อให้ตัวเลขน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย ประเด็นที่ 2คือ แผนเปลี่ยนผ่านสู่โรคติดต่อเฝ้าระวัง กระทรวงสาธารณสุขได้รับความเห็นชอบจาก ศบค.ไปแล้ว และประกาศเป็นโรคติดต่อที่ไม่ร้ายแรงเมื่อวันที่ 21 กันยายน ซึ่งศปก.ศบค.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาแผนรองรับ เพื่อเตรียมกลไกกลับไปสู่ภาวะปกติของประเทศคือ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบ มีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ เป็นกลไกบริหารจัดการ รวมถึงต้องมีแผนเผชิญเหตุรองรับ ไม่ให้กลับไปสู่ความเสียหายขนาดใหญ่

นอกจากนี้ ที่ประชุม ศปก.ศบค.เห็นชอบเสนอศบค.ชุดใหญ่ที่จะหารือวันที่ 23 กันยายน เพื่อพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากที่ประชุมเห็นชอบยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ต้องยุบ ศบค.แน่นอน รวมทั้งยุบหน่วยงานภายใต้ ศบค. และคำสั่งที่ออกโดย ศบค.ก็ต้องยกเลิกทั้งหมด และจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม

กก.โรคติดต่อฯรับไม้คุมโควิดต่อ

พล.อ.สุพจน์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ถ้าเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยุบศบค. จะมีกลไกรองรับคือคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ซึ่งเราเตรียมการมาเป็นลำดับไว้แล้ว โดยจะให้พ.ร.บ.โรคติดต่อ ตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่เดิม แต่อาจต้องปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตามการประชุมวันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของศปก.ศบค. ยกเว้น ศบค.ชุดใหญ่ จะมีข้อสั่งการอะไรพิเศษที่ต้องดำเนินการต่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินช่วงนี้ สืบเนื่องจากประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคใช่หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว แต่เราดูภาพรวมของประเทศ หัวใจสำคัญคืออยากให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศกลับมาสู่ภาวะปกติ และอยากให้ประชาชนมีอาชีพมีรายได้ ที่ผ่านมาตัวเลขการท่องเที่ยวดีมาก ชดเชยภาวะวิกฤตเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศหรือสถานการณ์ของโลก

ย้ำปชช.เข้มป้องกันตัวเองอย่าการ์ดตก

พล.อ.สุพจน์ยังกล่าวถึงข้อกังวลช่วงเปลี่ยนผ่านหลังโควิดกลายเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังว่า สิ่งที่กังวลเป็นพิเศษคือ เรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ถ้ายกเลิกแล้วไม่ใช่ถอดหน้ากากหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการเลย ยังต้องมีมาตรกรป้องกันส่วนบุคคล เพราะทุกวันนี้ยังมีคลัสเตอร์ย่อยๆ ในกลุ่มสังคมที่มีการรวมตัวกัน แต่ภาพรวมภูมิคุ้มกัน ประชาชนในประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีมาก มียาเพียงพอ โรงพยาบาลและหมอเพียงพอ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเปิดให้ทุกคนใช้ชีวิตปกติ ถอดหน้ากากได้ในชีวิตประจำวันเหมือนที่สหรัฐฯหรือประเทศอื่นประกาศไปแล้วช่วงใด พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ช่วงนี้เราก็ปกติ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป สิ่งที่รัฐบาลทำมาจะเห็นว่าทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เสียหายทีเดียว เราต้องคำนึงความเสียหายของประชาชนเป็นหลัก จึงต้องค่อยๆปรับตัว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • รัฐบาลยันคุม‘โควิด’อยู่ ย้ำเคร่งครัด 5 มาตรการป้องกัน สกัดแพร่เชื้อ รัฐบาลยันคุม‘โควิด’อยู่ ย้ำเคร่งครัด 5 มาตรการป้องกัน สกัดแพร่เชื้อ
  • ‘โควิด’รีเทิร์น เริ่มระบาดหนัก ยอดนอนรพ.พุ่ง 5พันคน/สัปดาห์ ‘โควิด’รีเทิร์น เริ่มระบาดหนัก ยอดนอนรพ.พุ่ง 5พันคน/สัปดาห์
  • \'หมอธีระ\'เผยแค่อาทิตย์เดียว ป่วยโควิดเข้า รพ.กว่า 8,446 ราย 'หมอธีระ'เผยแค่อาทิตย์เดียว ป่วยโควิดเข้า รพ.กว่า 8,446 ราย
  • ‘สมศักดิ์’สั่งเฝ้าระวังโรค‘แอนแทรกซ์’เข้มข้น ยับยั้งการแพร่ระบาด ‘สมศักดิ์’สั่งเฝ้าระวังโรค‘แอนแทรกซ์’เข้มข้น ยับยั้งการแพร่ระบาด
  • ‘หมอยง’เลคเชอร์‘โควิด’เปลี่ยนตามกาลเวลา ปีนี้ยุติแล้ว แต่‘ไวรัส’ยังอยู่ต่อไป ‘หมอยง’เลคเชอร์‘โควิด’เปลี่ยนตามกาลเวลา ปีนี้ยุติแล้ว แต่‘ไวรัส’ยังอยู่ต่อไป
  • \'สภาทนายความ\'หารือ\'กปว.\'เร่งแก้ไขปัญหาให้ผู้เอาประกันภัยโควิด-19 'สภาทนายความ'หารือ'กปว.'เร่งแก้ไขปัญหาให้ผู้เอาประกันภัยโควิด-19
  •  

Breaking News

เยียวยาจิตใจจากไฟสงคราม! ‘David’s Circle’พื้นที่ฟื้นฟูของชาวอิสราเอลในไทย

ปักหมุด 13 พ.ค.นี้ ‘เพื่อไทย’เปิดตัวโครงการใหม่‘Pheu Thai YPP’

ผบ.ตร.สั่งฟันเด็ดขาด! เหตุทำร้าย'ตำรวจ'ภายในหน่วยเลือกตั้ง จ.สงขลา

เช็คผลที่นี่!!! 'เลือกตั้งเทศบาล'ส่วนใหญ่แชมป์เก่าคว้าชัย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved