เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2565 ที่ สภ.เลย อ.เมือง จ.เลย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ตำรวจภูธรภาค 4 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมทั้ง พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เลย พ.ต.อ.ยุทธวัฒน์ โชคชัย รอง ผบก.ภ.จว.เลย ร่วมแถลงการจับกุม คนร้ายชิงทรัพย์ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ สาขาโลตัสเลย
โดยผู้ต้องหา ดาบตำรวจสมภพ ลีลาพันธิสิทธิ์ หรือ ดาบโจ้ อายุ 39 ปี ชาว จ.เลย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเลย ที่ 223/2565 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2565 โดยกล่าวหาว่า “ชิงทรัพย์โดยมีหรือโดยใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิด เพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือ เพื่อให้พ้นจากการจับกุม” พร้อมตรวจยึดของกลาง 1.ทองรูปพรรณ จำนวนทั้งหมด 23 เส้น ตะขอทอง จำนวน 7 ชิ้น (รวมน้ำหนักประมาณ 52 บาท) 2.อาวุธปืนยี่ห้อ ซิกซาวเออร์ รุ่น P 320 ขนาด 9 มม. (ทะเบียน กท61446662) จำนวน 1 กระบอก พร้อมด้วยซองกระสุน 1 ซอง และเครื่องกระสุน จำนวน 15 นัด 3.รถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ MG รุ่น ZS สีดำ จำนวน 1 คัน 4.เสื้อคลุมแขนยาวยี่ห้อ อาดิดาสสีดำ 1 ตัว 5.กางเกงขายาวสีกรมแถบขาว ยี่ห้อ แกรนสปอร์ต 1 ตัว 6.รองเท้าผ้าใบสีดำ พื้นสีขาว ยี่ห้อ CLICKS 1 คู่ 7.หมวกแก๊ปสีดำ 1 ใบ 8.กระเป๋าสะพายสีดำ ยี่ห้อ MOOD 1 ใบ 9.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
จากกรณีเมื่อวันที่ 30 ก.ย.65 เวลาประมาณ 13.30 น.ได้มีคนร้ายไม่ทราบชื่อ ใช้อาวุธปืนยี่ห้อ ซิกซาวเออร์ P320 ขนาด 9 มม.จี้ชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างเทสโก้โลตัส สาขาเลย พื้นที่ สภ.เมืองเลย ได้ทรัพย์สินเป็นทองคำหนักรวม 52 บาท มูลค่าความเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท ก่อนขี่รถยนต์ยี่ห้อ MG สีดำ รุ่น ZS ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนขับหลบหนีไป
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ควบคุมสั่งการพื้นที่ในการเร่งรัดการสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าว เนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ คนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจโดยใช้อาวุธปืนในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านในช่วงกลางวัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ลดความหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 และ พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เลย เร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวโดยด่วน
จากการรวบรวมพยานหลักฐาน ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิด ไล่ตามเส้นทางหลบหนีของคนร้าย ใช้เส้นทางออกจากโลตัสมุ่งหน้าสนามบินแล้วกลับรถเข้าเส้นทางรอง บ้านห้วยโตก ต.นาโป่ง อ.เมืองเลย จ.เลย ไปตามเส้นทางป่าสวนยางพารา เข้าเขต อ.วังสะพุง และ อ.เอราวัณ จ.เลย จนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ ดาบตำรวจ สมภพ ลีลาพันธิสิทธิ์ หรือดาบโจ้ อายุ 39 ปี สังกัด สภ.เอราวัณ ภ.จว.เลย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเลยเพื่อขอหมายจับ และสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้พร้อมของกลางดังกล่าว
โดย ด.ต.สมภพ จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน ชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม จากการสอบถาม ด.ต.สมภพ ให้การว่า สาเหตุที่ตนก่อเหตุ เนื่องจากตนมีหนี้สินติดตัวเป็นจำนวนมาก มีปากเสียงกับภรรยาเป็นประจำ ทำให้เกิดความเครียด และต้องการประชดชีวิต จึงได้ตัดสินใจก่อเหตุชิงทองจากร้านทองในห้างตามวันเวลาดังกล่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่คนร้ายใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองในช่วงกลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาไม่นานในการเร่งรัดการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ก่อเหตุในคดีนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด ภ.จว.เลย ก่อเหตุชิงทรัพย์เสียเอง ดังนั้น จะได้สั่งการให้พื้นที่มีมาตรการในการป้องกันเหตุอุกฉกรรจ์ในลักษณะนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาคอยสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด คอยให้คำแนะนำกรณีที่มีปัญหาในการทำงานหรือปัญหาส่วนตัว เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ และคอยรักษาความสงบสุขให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี