ผู้เฒ่าอาข่า 14 คน ได้เฮ! หลวงให้สัญชาติไทยในวัยเกือบ 80 ปี เดินทางไปทำบัตร ปชช.ครั้งแรกในชีวิต เผยยังตกค้างอีกนับหมื่น
วันที่ 14 พ.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ที่ว่าการ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการ พชภ.ได้พากลุ่มผู้สูงอายุชาวหมู่บ้านป่าคาสุขใจ หมู่ 5 ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย จำนวน 14 คน เป็นชายจำนวน 3 คนและหญิง 11 คน เดินทางไปทำบัตรประจำตัวในฐานะบุคคลสัญชาติไทยเป็นครั้งแรกหลังจากที่ทั้งหมดผ่านกระบวนการขอแปลงสัญชาติจากบุคคลต่างด้าวเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย โดยพบว่าผู้สูงอายุทั้งหมดนั้นมีอายุตั้งแต่ 72-79 ปี และเป็นกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า โดยทุกคนต่างดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ไปทำบัตรประชาชนเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยมี ว่าที่ ร.ท.พงค์ กูลนรา นายอำเภอแม่ฟ้าหลวง นำเจ้าหน้าที่อำนายความสะดวก
นางเตือนใจ กล่าวว่า ผู้เฒ่าเหล่านี้เดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง ตั้งแต่ปี 2524 ต่อมาได้มีมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 ต.ค.2538 เปิดให้ผู้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเกิน 10 ปี นั้นสามารถทำบัตรบุคคลต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ และหากครบ 5 ปี ก็สามารถขอสัญชาติไทยได้ สำหรับผู้เฒ่าทั้งหมดได้ทำเรื่องขอทำบัตรต่างด้าวจนได้ในปี 2546 จึงถือว่าเข้าเกณฑ์ กระนั้นหลักเกณฑ์ก็ยากเกินกว่าจะทำได้ เช่น ต้องมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท มีใบอนุญาตการทำงาน ต้องสามารถตอบคำถามความรู้ด้านต่างๆ ได้ ร้องเพลงชาติได้ ฯลฯ ซึ่งกรณีผู้มีอายุมากเหล่านี้ย่อมมีข้อจำกัด ทำให้ทาง พชภ.ได้พาสื่อมวลชนได้ลงสำรวจพื้นที่จริงจนพบสภาพปัญหาและต่อมาพล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาดไทย ได้ปรับเกณฑ์เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2563 ให้มีความเป็นไปได้มากขึ้น เช่น ให้สามารถใช้ภาษาถิ่นในการตอบคำถามได้ เป็นต้น
นางเตือนใจ กล่าวด้วยว่า หลังจาก รมว.กระทรวงมหาดไทย ได้ปรับเกณฑ์ดังกล่าวทางพชภ.โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ลงพื้นที่จัดกิจกรรมผู้เฒ่าไร้สัญชาติในพื้นที่เป็นครั้งแรกซึ่งพบว่ามีจำนวนกว่า 110,000 คนทั่วประเทศ เฉพาะจ.เชียงราย มีประมาณ 13,000 คน พอๆ กับ จ.เชียงใหม่ และ จ.ตาก กระนั้นผู้ที่มีบัตรบุคคลต่างด้าวในพื้นที่ จ.เชียงราย มีเพียงประมาณ 3,000 คน แต่ผู้ที่เข้าหลักเกณฑ์ในการแปลงสัญชาติมีจำนวน 15 คนแต่ได้เสียชีวิตไป 1 คนจึงเหลือจำนวน 14 คน เป็นกลุ่มคนกลุ่มแรกที่ได้มีโอกาสได้รับสัญชาติไทยเป็นครั้งแรกจากการปรับเกณฑ์ใหม่เป็นครั้งแรกดังกล่าวโดยผ่านขั้นตอนการคัดกรอง นำเสนอไปยังกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติพิจารณา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาต
"จากนั้นกรมการปกครองแจ้งไปยังที่ว่าการ อ.แม่ฟ้าหลวง เพื่อทำพิธีปฏิญานตนต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก่อนบันทึกลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีการทำบัตรประจำตัวประชาชนเป็นครั้งแรกดังกล่าว ซึ่งรวมระยะเวลาที่ พชภ.ผลักดัน 10 ปีและผ่านกระบวนการหลัง พล.อ.อนุพงษ์ อนุมัติปรับหลักเกณฑ์อีก 2 ปี จึงคาดหวังว่าผู้เฒ่าไร้สัญชาติที่ยังเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมากจะได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วตามหลักเกณฑ์ใหม่ดังกล่าว"
นางเตือนใจ กล่าวอีกว่า ทั้ง 14 คน ถือเป็นบุคคลนำร่องที่ได้รับสัญชาติไทยเป็นครั้งแรกตามหลักเกณฑ์ใหม่และยังมีผู้ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในแผ่นดินไทยไม่ต่ำกว่า 40-50 ปี ซึ่งมีการประกาศได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยอีก 175 ราย ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยวันที่ 3 ต.ค.2565 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 19 ต.ค.อีกจำนวน 175 ราย โดยอยู่ใน จ.ชียงราย 32 ราย ด้วย
ทางด้านนายอาเมีย แซ่แบว ผู้เฒ่าวัย 72 ปี ซึ่งเป็นช่างตีเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของชาวอาข่าในประเทศไทยและพม่า กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจและโล่งใจอย่างาก เพราะได้เป็นคนไทยเต็มตัวหลังจากรอมานาน และคนที่ดีใจมากคือลูกหลานของตนเพราะพวกเขาทำงานในตัวเมืองและนายจ้างหรือคนอื่นก็มักจะถามว่าพ่อแม่มีสัญชาติอะไร เมื่อต้องลงเอกสารว่าพ่อแม่เป็นพม่าก็ทำให้เขาไม่สบายใจ แต่ตอนนี้ทุกคนสบายใจแล้ว
นางอาเบอะ หม่อปอกู่ อายุ 71 ปี กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้บัตรประชาชน เพราะตอนนี้อายุมากแล้วแต่การเดินทางไปไหนก็ลำบากเพราะเราไม่มีสัญชาติไทย การรักษาพยาบาลต่างๆ ก็เป็นปัญหาไปหมด แต่หลังจากนี้ตนก็ได้รับสิทธิตามปกติและยังได้รับเบี้ยผู้สูงอายุอีกด้วย
ว่าที่ร้อยโทพงค์ กล่าวว่า ในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง มีประชากรประมาณ 77,000 คน และมีผู้ไม่มีสัญชาติประมาณ 15,000 คน แต่กรณีที่เป็นผู้เฒ่าที่อยู่ในเกณฑ์ลักษณะนี้มีอยู่จำนวน 705 คน ซึ่งล่าสุดทางอำเภอส่งเรื่องไปยังจังหวัดแล้วจำนวน 573 คน ทำให้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 132 คน
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี