วันที่ 2 ธ.ค.65 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ปัจจุบันทางพรรคเพื่อไทย มีทีมวิชาการเกษตร รวมถึงทีมนวัตกรรมด้านการเกษตร ที่ศึกษาวิจัยค้นคว้าวางแผน การแก้ไขปัญหาเรื่องผลผลิตทางการเกษตร มีราคาตกต่ำ โดยเน้นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
จากการสำรวจพบว่าพื้นที่การเกษตรที่มากที่สุดของไทย คือ นาข้าว มีประมาณกว่า 60 ล้านไร่ รองลงมาคือยางพารามีพื้นที่ประมาณ 22 ล้านไร่ และมันสำปะหลังตามลำดับ ส่วนยางพารานอกจากจะปลูกมากในพื้นที่ภาคใต้แล้ว ยังมีพื้นที่อีสานที่ปลูกยางพาราจำนวนมาก 1 ใน 3 ของประเทศ ทั้งพื้นที่ จ.นครพนม และ จ.บึงกาฬ รวมถึงหลายจังหวัดของอีสาน ที่มีเกษตรกรหันมาปลูกยางพารามากขึ้น
แต่จากการตรวจสอบประเมินของทีมวิชาการเกษตรครอบครัวเพื่อไทย พบว่าปัจจุบัน กำลังประสบปัญหาราคายางตกต่ำมากในรอบ 10 ปี รวมถึงปริมาณน้ำยางพาราต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผลผลิตน้ำยางของประเทศเพื่อนบ้านต่อไร่ ยอมรับว่ามาจากปัญหารายได้ลดลง ทำให้เกษตรกรไม่มีกำลังในการดูแล ต้องแบกภาระต้นทุน
ดังนั้น จึงได้หารือ กับ ส.ส.เดือน หรือ ดร.มนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นำร่องลงพื้นที่ จ.นครพนม รวมถึงจังหวัดเป้าหมายในพื้นที่อีสาน เปิดแปลงสาธิตแก้ไขปัญหาผลลิตน้ำยางพาราต่ำ เพื่อชดเชยราคาที่ตกต่ำ จึงต้องหาแนวทางเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น และลดต้นทุนการผลิตควบคู่ไปด้วย พร้อมนำทีมนวัตกรรมการเกษตรรูปแบบใหม่ เข้าไปให้ความรู้ ทำความเข้าใจกับเกษตรกรชาวสวนยาง ในการแก้ไขปัญหาปัญหาโรคเชื้อรา โรคต้นยางตายนึ่ง หรือยืนต้นตาย ส่วนสาเหตุมาจากขาดการดูแลเอาใจใส่ รวมถึงการให้อาหารต้นยางไม่เพียงพอ จึงได้จัดหาแปลงสาธิตใช้หลักวิชาการเข้าไปให้ความรู้แบบครบวงจร
ตั้งแต่การกรีดยางที่ถูกวิธีตามหลักวิชาการ ลดการเกิดโรคในต้นยาง ให้ปริมาณน้ำยางมากขึ้น ด้วยนวัตกรรมใหม่ จากมีดกรีดยางที่มาตรฐาน ไปจนถึงการให้อาหารเสริมพืชด้วยกรดซิลิคอน รักษาโรคยางตายนึ่ง ให้น้ำยางไม่ได้ โดยใช้ระยะเวลารักษาต้นยางไม่เกิน 1 ปี จะสามารถกลับมากรีดยางได้ตามปกติ ที่สำคัญในการให้อาหารการดูแล กำจัดวัชพืช จะต้องเป็นไปตามหลักวิชาการ และให้ปุ๋ยชีวภาพลดต้นทุน แทนการใช้ปุ๋ยเคมี ถือเป็นแนวทางเดียวที่จะแก้ปัญหาราคายางตำต่ำได้ เพราะเราไม่สามารถควบคุมกลไกการตลาดได้ กระทบต่อราคายางพาราในประเทศ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กล่าวต่ออีกว่า พรรคเพื่อไทยรวมถึงทีมนวัตกรรมวิชาการเกษตรครอบครัวเพื่อไทย จะเดินหน้าจังหวัดเป้าหมายในพื้นที่อีสาน เปิดแปลงสาธิตให้เกษตรกรได้มาศึกษาเรียนรู้ให้มากที่สุด เพราะเป็นทางรอดทางเดียวของชาวสวนยาง เมื่อยางพาราให้ผลลิตมากขึ้น ต้นทุนต่ำ จะเป็นการชดเชยเรื่องราคาตกได้ และจะเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร ลูกหลานเยาวชนแรงงานในพื้นที่ จะได้มีงานมีอาชีพ ไม่ต้องหนีไปขายแรงงสานต่างจังหวัด
สำหรับปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ตนเชื่อว่าปัจจุบันเกิดจากทางรัฐบาลไม่มีการบริหารจัดการเรื่องกลไกการตลาด รวมถึงไม่มีการเอาใจใส่ในการเจรจาส่งออกไปต่างประเทศ ทั้งที่ปัจจัยพื้นฐานยางพารา จะเชื่อมโยงกับราคาน้ำมันตลาดโลก เมื่อราคาน้ำมันแพง ปกติราคายางพาราจะต้องสูง แต่กับสวนทางกัน ถือว่าไม่เป็นไปตามกลไกของตลาด ฝากถึงรัฐบาลต้องมีการบริหารจัดการเรื่องตลาดการส่งออก เพราะเชื่อว่ายางพาราไม่มีคำว่าล้นตลาด หากมีการส่งออกไปต่างประเทศ และปัญหานายทุนกดราคาจะไม่เกิด เมื่อรัฐบาลเอาใจใส่เรื่องระบบการตลาด หากทำได้สิ่งที่ตามมาคือคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย จะดีขึ้นอย่างแน่นอน ครอบครัวเพื่อไทยพร้อมเดินหน้าดูแลเกษตรกรทั้งประเทศ ในการนำนวัตกรรมใหม่ รวมถึงหลักวิชาการเกษตร มาแก้ไขปัญหาในระยะยาว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี