ยกฟ้องลูกเกด “ชลธิชา” หมอทศพร กับพวกไม่ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯชุมนุมหน้าเรือนจำปี 63
วันที่ 6 ธันวาคม 2565 ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการ ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการคดีศาลเเขวง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด , นาย ธัชพงศ์ หรือ ชาติชาย แกดำ และ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร้ายแรง,ไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ, กีดขวางทางเท้า ตาม พ.ร.บ.จราจร, กีดขวางทางสาธารณะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 และ ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2564 ระบุว่า เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2563 พวกจำเลยชุมนุมที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเรือนจำกลางคลองเปรม เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมที่ถูกจับกุมและฝากขังคดีจากการชุมนุมทางการเมือง เรียกร้องให้ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน และเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่ง พร้อมทั้งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เเละได้มีการปล่อยตัวผู้ต้องขังจำนวน 19 คน ในคดีชุมนุมคณะราษฎรอีสาน ทำให้มีประชาชนไปรอรับ โดยรวมตัวกันอยู่บริเวณหน้าประตูเรือนจำกลางคลองเปรม ตำรวจ สน.ประชาชื่น มีการดำเนินคดีต่อนักกิจกรรมจำนวน 3 รายดังกล่าว จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานเเล้วเห็นว่าไม่ปรากฏข้อความใด อันมีลักษณะเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย กิจกรรมดังกล่าวมีเพียงการติดป้ายหน้า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีนักศึกษา 20คน จัดกิจกรรม" ร่วมกันกินลาบ" และมีสื่อมวลชน 40คน ไม่ ปรากฏกรณีที่มีการกระทำรุนแรง เป็นเพียงการนัดกันให้กำลังใจผู้ต้องขังและจัดกิจกรรม เท่านั้น การที่จำเลยที่ 1ลงข้อความและภาพดังกล่าวในเฟซบุ๊กจึงมิใช่การเชิญชวนให้ ประชาชนมาชุมนุมหรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยบริเวณหน้าเรือนจำพิเศษแต่อย่างใด ทั้งโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2,3 มีส่วนร่วม ในการจัดกิจกรรมกินลาบก้อยที่บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จึงรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันจัดการชุมนุมบริเวณดังกล่าว แม้ต่อมาจะได้ความจากพยานโจทก์ว่า หลังจากกิจกรรมกินลาบก้อยเสร็จแล้ว มีประชาชนบางส่วนเดินทางไปยังเรือนจำกลางคลอง เปรมเนื่องจากได้ทราบข่าวว่าจะมีการปล่อยตัวผู้ต้องขังทั้ง 19 คน จึงพากันมารับ ประกอบกับ มีประชาชนมาสมทบอีกบางส่วนจนมีผู้เข้าร่วมบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรมประมาณ 300 คน ก็ตาม
แต่พยานโจทก์ปากตำรวจรายหนึ่งเบิกความว่าพบจำเลยที่ 1 กำลังพูดคุย กับผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แล้วหันมาพูดผ่าน เครื่องขยายเสียงว่าจะมีการปล่อยตัวผู้ต้องขัง 19คน เวลา 21.00 น. จำเลยทั้งสามไม่ได้มีการปราศรัย พยานไม่เห็นป้ายหรือข้อความเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมแต่อย่างใด ผู้ชุมนุมแต่ละคนจะทำกิจกรรมหรือแสดงสัญลักษณ์อะไรก็เป็นเรื่องของแต่ละคนทำขึ้นเอง ส่วน พยานโจทก์ปากตำรวจอีกปากเบิกความว่า จำเลยที่ 2-3 พูดผ่านเครื่องขยายเสียง ให้กำลังใจผู้ชุมนุมให้สู้ต่อไป
เห็นว่า พยานโจทก์ต่างเบิกความตรงกันว่าการชุมนุมดังกล่าว เป็นผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ย่อมเป็นบุคคลที่มีผู้รู้จักจำนวนมาก การที่มีประชาชนมารวมตัว กันถึง 300 คน เพื่อต้อนรับบุคคลดังกล่าวหน้าเรือนจำกลางคลองเปรมซึ่งเป็นสถานที่ปล่อยตัว นับเป็นเรื่องปกติ มิใช่เป็นการชุมนุมหรือกระทำการใดอันทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย จึงรับ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันจัดการชุมนุมที่บริเวณเรือนจำกลางคลองเปรม
เมื่อฟังได้ว่า จำเลยทั้งสามมิได้จัดการ ชุมนุมและร่วมชุมนุมแล้ว ประกอบกับโจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยทั้งสามกระทำการอันใดอันเป็น การกีดขวางทางเท้าหรือทางใด ๆ ซึ่งจัดไว้สำหรับคนเดินเท้า จึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสามได้ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัย ให้จำเลยพิพากษายกฟ้อง .
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี