วันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ถึงเวลาแล้ว! 'อภิสิทธิ์'แนะปฏิรูปเกษตรไทย รื้อประกันราคา เลิกให้แบบหว่าน

ถึงเวลาแล้ว! 'อภิสิทธิ์'แนะปฏิรูปเกษตรไทย รื้อประกันราคา เลิกให้แบบหว่าน

วันพุธ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 16.03 น.
Tag : เกษตรไทย อภิสิทธิ์
  •  

“อภิสิทธ์” ลั่นเกษตรไทยถึงเวลายกเครื่อง  ชี้โลกร้อน ปัญหาขาดแคลนปุ๋ย เทรนด์สุขภาพบีบให้ต้องปรับตัว รัฐต้องอัดงบช่วยเปลี่ยนเทคโนโลยีลดต้นทุน   รื้อมาตรการประกันราคา เลิกให้แบบหว่าน  “ณัฐพงศ์” จี้รัฐหนุนเอสเอ็มอีลุยตลาดโลกแข่งรายใหญ่  

จากงานสัมมนาทางวิชาการ ในหัวข้อ"พลิกแผนปฏิรูปเกษตรไทยยุค 5 G” ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ที่จัดขึ้น (วันนี้) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี  ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถา ในหัวข้อเรื่อง “ได้เวลายกเครื่องเกษตรไทย” โดยมีใจความสำคัญและให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเกษตรไทยในปัจจุบันต้องได้รับการ“ยกเครื่อง”อย่างเร่งด่วนที่สุดเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก


“เรามักจะภาคภูมิใจว่าภาคเกษตรไทยมีความได้เปรียบจากความอุดมสมบูรณ์ที่มีมาแต่ช้านาน ในน้ํามีปลา ในนามีข้าว เราจึงทําการเกษตรตามธรรมชาติ มีเหลือจากบริโภคภายในประเทศก็ส่งออก ไม่เคยต้องถูกกดดัน ให้เปลี่ยนแปลง แต่ปัจจุบัน เรามีครัวเรือนที่อยู่ในภาคเกษตรถึงร้อยละ ๔๐ แต่ทํารายได้ไม่ถึงร้อยละ ๑๐ ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ จึงทําให้เกิดความเหลื่อมล้ําสูง เกษตรกรกลายเป็นกลุ่มผู้ยากจนที่รัฐต้องใช้ งบประมาณจํานวนมากในการให้ความช่วยเหลือ ที่สําคัญผลิตภาพของผลผลิตทางการเกษตรของเราต่ํา แม้ใน พืชผลที่เราส่งออกเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากนี้ไป จะมีหลายปัจจัยกดดันจากภายนอกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะโลกร้อนที่ส่งผ ส่งผลกระทบ ต่อความอุดมสมบูรณ์ ปัญหาภัยพิบัติ ผนวกกับการกีดกันทางการค้าในลักษณะเดียวกับที่การประมงของไทย เผชิญมาแล้ว ภาวะสงครามยูเครน-รัสเซียที่ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนปุ๋ย ซึ่งไทยต้องพึ่งพาการนําเข้าปุ๋ย เกือบทั้งหมด จําเป็นต้องมีมาตรการเตรียมการรับมือโดยด่วน

“แนวโน้มโลกให้ความสําคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น เน้นสินค้าออร์แกนิค การผลิตที่มุ่งความเป็นธรรมชาติไม่ใช้สารเคมี ส่งผลต่อความต้องการสินค้าเกษตรโดยตรง ขณะเดียวกันไทยมีคู่แข่งมากขึ้น โดยเฉพาะ เวียดนาม ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในหลาย ๆ สินค้า เช่น ข้าว ทุเรียน”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หัวใจของการยกเครื่อง คือ การนําเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนการจัดการเรื่องดิน น้ํา อากาศ ปรับตัวเข้าสู่การทําเกษตรแม่นยําเต็มรูปแบบ แต่การจะดําเนินการดังกล่าวได้ต้องเริ่มต้นด้วยการมี โครงการเพิ่มพูนทักษะ (Upskill) ให้เกษตรกรไทยเรียนรู้การใช้เครื่องมือสมัยใหม่เหล่านี้ พร้อมไปกับการได้รับ โอกาสจากการเพิ่มมูลค่าของสินค้าและการทําการตลาด โดยรัฐให้การสนับสนุนทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และเงินทุนที่จะต้องใช้ในการปรับเปลี่ยน

นายอภิสิทธิ์ยังได้กล่าวต่อไปว่า รัฐควรใช้โอกาสในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ปรับปรุงนโยบายของรัฐต่อภาคการเกษตร โดยนําเครื่องมือที่ใช้ในการสนับสนุนเกษตรกรในปัจจุบัน เช่น โครงการประกันรายได้ในการกําหนดเงื่อนไขและ สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรปรับตัว และใช้โอกาสนี้ดําเนินนโยบายเกี่ยวกับการเพิ่มอํานาจการต่อรองของเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรเพื่อมิให้การเปลี่ยนแปลงเอื้อประโยชน์เฉพาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ รวมทั้งสร้าง แพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้เกษตรกรเข้าถึงตลาดโลกโดยตรงได้ง่ายขึ้น

“การเร่งปรับปรุงพัฒนาเกษตรกรไทยเป็นเรื่องเร่งด่วน ไทยหมดเวลาแล้ว ถ้าเรายังย่ําอยู่กับที่ จะแข่งขันใน ตลาดโลกไม่ได้แล้ว แต่หากการยกเครื่องประสบความสําเร็จ จะเป็นการยกระดับทั้งภาคการเกษตร ความ เป็นอยู่ของเกษตรกร แก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ํา ตลอดจนเสริมสถานะของประเทศไทยในภาวะที่โลกกําลังเผชิญกับปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร” นายอภิสิทธิ์กล่าวในที่สุด

ด้านนายณัฐพงศ์  พันธเกียรติไพศาล ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา   บรรยายหัวข้อ “เกษตรกรไทยกับเทรนด์ความยั่งยืน” ว่า สินค้าเกษตรไทยยังมีอนาคตมากในเวทีโลก โดยเฉพาะเกษตรแปรรูปด้านอาหาร และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ด้านสุขภาพ แต่ปัญหาคือ ต้องมีการจัดสมดุลระหว่างผู้ส่งออก หรือผู้ประกอบการรายใหญ่ รายเล็ก ให้มีความสามารถด้านการแปรรูปและส่งออกใกล้เคียงกัน เพราะผู้ประกอบการขนาดเล็กจะสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าได้มากกว่า และกระจายซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรได้กว้างขวางกว่า ในราคาที่่เป็นธรรมกว่า โดยการลงทุนด้านเครื่องจักรในการแปรรูป เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ด้านอาหารที่พัฒนาขึ้นอย่างมากและต้นทุนลดลง หากรัฐบาลมองความสัมพันธ์เหล่านี้ออก และมีนโยบายส่งเสริมที่ถูกจุด บูรณาการร่วมกับภาคการศึกษาวิจัย เอกขนขนาดกลางและขนาดเล็ก

“อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปจะเป็นอนาคตของประเทศ และส่งผลดีต่อประชาชนในประเทศมากกว่าอุตสาหกรรมอื่่น ๆ ทั้งหมดในอนาคต” นายณัฐพงศ์กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!

น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง'อดีตรองเสธ.กัมพูชา' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น

ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม

ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved