"บิ๊กโจ๊ก" สั่งการตรวจสอบแอพเงินกู้ที่ขู่หนุ่มโรงงาน จนต้องสังเวยชีวิต สุดแสบยังไม่เลิกโทรขู่และไม่เชื่อว่าหนุ่มโรงงานผูกคอเสียชีวิตไปแล้ว จนแม่ต้องปิดมือถือหนี พี่สาวคนตายวอนเจ้าหนี้ทั้งน้ำตา หยุดโทรขู่ครอบครัว น้องตายไปทั้งคนยังไม่พออีกหรือ
7 ธ.ค.2565 จากกรณีที่หนุ่มอายุ 29 ปี พนักงานโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่งได้ผูกคอเสียชีวิตคาต้นไม้ ซอยโรงฆ่าสัตว์ ถ.ราษฎร์บำรุง ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ด้านมารดาของผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่เกิดเหตุถึงกับเป็นลมหมดสติ หลังอาการดีขึ้น ได้พร่ำพูดว่า “ทำไมไม่รอแม่ก่อน” เป็นที่เวทนาเป็นอย่างมาก
ต่อมาได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า สาเหตุที่บุตรชายคิดสั้น เกิดจากการไปกู้เงินจากแอพให้กู้เงิน ครั้งแรกกู้มาจำนวน 2,000 บาท แต่ทำไปทำมากลายเป็นหนี้ถึง 70,000 บาท ทั้งที่เคยจ่ายคืนไปแล้ว 25,000 บาท โดยทางผู้ให้กู้กำหนดเส้นตายต้องคืนเงินภายในวันนี้จำนวน 40,000 บาท โดยที่ลูกชายมาปรึกษา ทางตนก็ไม่มีเงิน เตรียมนำรถ จยย.ไปขาย แต่ไม่ทัน ลูกชายมาผูกคอลาโลกไปก่อน ต่อมาแม่เผยขณะมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดเนินพระ จ.ระยอง ว่า เจ้าหนี้ยังไม่หยุดทวง โทรขู่ถ้าไม่จ่ายจะตามไปกระทืบ ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 7 ธ.ค. ร.ต.อ.ปริญญา ใจเที่ยง ร้อยเวร สภ.เมือง ระยอง ได้ให้ทาง นางลำพึง (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี มารดาของ นายพรทวัส อายุ 29 ปี ที่ผูกคอเสียชีวิต เพราะถูกแอพพลิเคชั่นเงินกู้ดอกเบี้ยโหดตามทวง เพื่อนำหลักฐานของแอพเงินกู้ดังกล่าวมาตรวจสอบ เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
นางลำพึง เปิดเผยว่า ทางตำรวจให้นำหลักฐานการกู้เงินของบุตรชาย มาตรวจสอบ รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้โทรข่มขู่ว่า "ถ้าไม่จ่ายจะตามมากระทืบ" ตนเองจึงนำโทรศัพท์มาให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ ส่วนเจ้าหนี้ยังไม่ยอมหยุด โทรเข้ามาหาตลอด ทางตนเองไม่กล้ารับสาย เพราะกลัวจะถูกติดตามมาทำร้าย วอนให้หยุดโทร เพราะตนเองสูญเสียลูกชายไปทั้งคนยังไม่พออีกหรือ ทำไมจึงไม่ยอมเชื่อว่าลูกชายตายไปแล้ว ต้องการให้ทางตำรวจตรวจหาต้นตอ เพื่อจะได้นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ก่อนเสียชีวิต ลูกชายได้ส่งข้อความมาหาตนเองว่า "แม่เหนื่อยไหม ท้อไหมที่มีลูกอย่างข้อย" จึงโทรกลับไปหาลูกชาย ซึ่งบอกว่า "ข้อยบ่ดีเอง ข้อยติดหนี้เขาเจ็ดแปดหมื่น ข้อยโง่เอง พลาดเอง ทำตัวผิดพลาดเป็นลูกที่บ่ดีของแม่" จึงปลอบใจไป และพร้อมจะนำรถจยย.ไปขายช่วยลูกใช้หนี้ แต่ก็ไม่ทัน นั่นก็คือเสียงสุดท้ายของลูกชายที่ได้ยิน
ด้าน น.ส.อัมพวัล (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนเองพลัดพรากกับแม่และน้องชายมาถึง 26 ปี กำลังจะได้พบหน้ากันตอนปีใหม่ แต่น้องชายก็มาเสียชีวิตไปก่อน โดยที่ยังไม่ได้พบหน้ากันเลย โดยตนเองทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ พลัดพรากจากแม่และน้อง เพิ่งจะมาทราบที่อยู่เมื่อเดือนก่อน จึงนัดกันว่าจะเดินทางไปที่บ้านป้าที่ จ.สุพรรณบุรี ช่วงปีใหม่ พอทราบข่าวน้องชาย ก็รีบเดินทางมางานศพ เสียใจมากทำไมเจ้าหนี้ถึงโหดร้ายขนาดนี้ ติดต่อเข้ามาทางไลน์ พอตนเองส่งรูปถ่ายหลักฐานว่าน้องชายตายแล้ว ก็ยังไม่เชื่อ ยังส่งข้อความมาข่มขู่ จนต้องปิดมือถือของน้องชายไปเลย เพราะกลัวจะถูกตามมาทำร้ายแม่ วอนเจ้าหนี้ หยุดข่มขู่ได้แล้ว เพราะสูญเสียน้องชายไปแล้ว จะให้เสียแม่ไปอีกคนหรือ ซึ่งคนก็ตายไปจากการข่มขู่ของทางเจ้าหนี้ ยังไม่พออีกหรือ กับการชดใช้ด้วยชีวิต ขอให้หยุดโทรหยุดทวงหนี้เถิด แค่เงินจัดงานศพยังไม่มีเลย ต้องจัดแค่คืนเดียว จากเงินของเจ้าของบริษัทที่แม่ทำงาน เป็นผู้ออกเงินให้ จึงตัดสินใจจัดแค่หนึ่งคืน โดยจะทำพิธีฌาปนกิจศพ ในเวลา 16.00 น. นี้
ด้าน ร.ต.อ.ปริญญา ได้กล่าวว่า ทางด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้มีการสั่งการให้ตรวจสอบคดีนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของแอพเงินกู้ ที่ผู้เสียชีวิตไปกู้เงินมา จนต้องมาจบชีวิต เบื้องต้น ได้นำโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิตมาตรวจสอบ หาต้นตอของแอพพลิเคชั่นทั้งหมด ที่ติดต่อกับผู้เสียชีวิต รวมถึง บัญชีธนาคารที่ผู้ตายโอนเงินเข้าไป ซึ่งจะมีการส่งหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) ที่จะเดินทางมาเก็บหลักฐานไปดำเนินการต่อไป
-009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี