วันอังคาร ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
‘เรือหลวงสุโขทัย’อับปาง! ระดมช่วยเหลือ เร่งค้นหา31กำลังพลสูญหาย

‘เรือหลวงสุโขทัย’อับปาง! ระดมช่วยเหลือ เร่งค้นหา31กำลังพลสูญหาย

วันอังคาร ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 06.30 น.
Tag :
  •  

‘เรือหลวงสุโขทัย’อับปาง!

ระดมช่วยเหลือ

เร่งค้นหา31กำลังพลสูญหาย

ทร.ชี้แจงยังไม่พบผู้เสียชีวิต

สาเหตุเกิดจากคลื่นลมแรง

ซัดเรือเอียงน้ำทะลักเข้าท่วม

ขณะทำการออกลาดตระเวน

กองทัพเรือยืนยัน ยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง พร้อมทั้งได้สั่งการให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน โดยประสานการทำงานกับหน่วยงานภายนอกด้วย โดยช่วยเหลือกำลังพลที่ประสบภัยได้แล้ว 75 นาย ซึ่งยังต้องค้นหาและช่วยเหลืออีก31 นาย ส่วนสาเหตุเกิดจาก ตัวเรือมีอาการเอียงจากคลื่นลมแรง จนทำให้น้ำทะลักเข้าท่วม นายกฯกำชับให้เร่งช่วยเหลือกำลังพลทุกคนให้ปลอดภัย

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565 พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงถึงเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย จมลงใต้ทะเลในช่วงดึกของวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ขณะที่เรือหลวงสุโขทัยกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ20 ไมล์ จากท่าเรือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เรือมีอาการเอียงเนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีคลื่นลมแรง จนทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ จนทำให้เครื่องไฟฟ้าดับ และส่งผลให้เครื่องจักรใหญ่หยุดทำงานเป็นเหตุให้เรือไม่สามารถควบคุมเรือได้ และมีน้ำทะลักเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียงในเวลาต่อมา


ทร.สั่งเร่งระดมความช่วยเหลือ

เมื่อกองทัพเรือ ได้รับแจ้งเหตุ จึงได้สั่งการให้เรือรบและอากาศยานของกองทัพเรือ ประกอบด้วย เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงกระบุรี เฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 เครื่อง พร้อม ชุดป้องกันความเสียหายและกู้ภัยเรือ เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน นอกจากนี้ได้ประสานหน่วยภายนอกเข้าร่วมให้การช่วยเหลือ โดย เรือหลวงกระบุรี ได้เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ เมื่อเวลา 20.40 น. และพยายามเข้าเทียบเรือหลวงสุโขทัย เพื่อส่งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และช่วยเหลือกำลังพลจำนวน 106 นาย แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากคลื่นลมยังคงรุนแรง

เรือเอียงก่อนจมลงใต้ทะเล

ต่อมา เรือหลวงสุโขทัย มีอาการเอียงมากขึ้นและได้จมลงเมื่อเวลา 00.12 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่มีเรือลากจูงเอกชนจากท่าเรือบางสะพานจำนวน 2 ลำ และเรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” ได้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ เพื่อให้การสนับสนุนในการช่วยเหลือ ซึ่งเรือหลวงกระบุรี เรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” และเรือลากจูงทั้ง 2 ลำ ได้ดำเนินการช่วยเหลือกำลังพล

และต่อมาเวลา 01.04 น. เฮลิปคอปเตอร์แบบ Seahawks จำนวน 2 ลำ ได้เดินทางมาถึง พร้อมทั้งทำการปล่อยแพช่วยเหลือลงทะเล จำนวน 8 แพ ทั้งนีเรือต่าง ๆ สามารถให้การช่วยเหลือกำลังพลขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว 73 นาย โดยอยู่บนเรือหลวงกระบุรี จำนวน 47 นาย เรือลากจูง จำนวน 4 นาย เรือน้ำมัน “ศรีวิชัย” จำนวน 20 นาย และเรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” จำนวน 2 นาย ยังคงมีกำลังพลจำนวน 33 นายที่ลอยคออยู่ในทะเล ซึ่งเรือทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่กำลังเร่งดำเนินการค้นหาและช่วยเหลือต่อไป

ทั้งนี้ เรือหลวงกระบุรี เรือลากจูง และเรือน้ำมัน “ศรีไชยา” ได้นำกำลังพลที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 71 นาย เดินทางไปยังท่าเรือบางสะพานเรียบร้อยแล้ว โดยมีกำลังพลจำนวน 11 นาย รักษา ณ โรงพยาบาลบางสะพาน ส่วนกำลังพล จำนวน 40 นาย เดินทางไปยังศูนย์พักพิง สำหรับกำลังพลที่ขึ้นมาจากเรือน้ำมัน “ศรีไชยา” จำนวน 20 นาย ได้เดินทางไปยัง โรงพยาบาลบางสะพาน เพื่อตรวจร่างกายและคัดแยกต่อไป

ช่วยกำลังพลชุดแรกเข้าท่าเทียบเรือ

เวลา 04.00 น. สามารถช่วยกำลังพลที่ลอยคออยู่ในทะเลขึ้นมาได้ 43 คน และนำกำลังพลที่ช่วยขึ้นมาได้เดินทางเข้ามาขึ้นที่ท่าเรือน้ำลึก อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ โดยมีการเตรียมพร้อม รถพยาบาล และรถของมูลนิธิ ในจังหวัดประจวบฯ รวมกว่า 30 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครองอำเภอบางสะพาน ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเขต 4 ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบฯ แพทย์ พยาบาล

โดยมี พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาค1 มาบัญชาการ รวมทั้ง น.อ.เรือง ฤทธิ์ แสงแก้ว รอง.ผอ.ศรชล จ.ประจวบฯ นายอำเภอบางสะพาน ตลอดจนหน่วยงานเกี่ยวข้องทันทีที่เรือหลวงสุโขทัย เข้าเที่ยบท่าเรือน้ำลึก บางสะพาน เจ้าหน้าที่ได้ทำการเคลื่อนย้าย กำลังพลทั้งหมดลงจากเรือหลวงกระบุรี ขึ้นรถไปที่โรงพยาบาลบางสะพาน และศูนย์พักพิงอุ่นไอรัก บางสะพานที่เตรียมไว้แล้ว

เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่เป็นสีแดง 4ราย ทั้งขาหัก และเสียเลือดมาก. และบาดเจ็บเล็กน้อยสีเหลือง โดยในชุดแรกมีกำลังพลบาดเจ็บรวม 43 ราย นำส่งโรงพยาบาลต่างๆในพื้นที่เพื่อทำการรักษาต่อไป

เปิดศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก

ต่อมา มีรายงานว่า ได้มีการช่วยเหลือ ลำเลียงลูกเรือขึ้นฝั่งที่ท่าเรือประจวบ 74 นาย ในเวลา 05.30 น. และได้คัดกรองผู้บาดเจ็บแยกส่งโรงพยาบาลบางสะพาน และแยกผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเข้าพักที่ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก ที่ทางอำเภอบางสะพานมีการจัดเตรียมไว้ โดยในจำนวน  74 นาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บขาหัก ข้อมือ นิ้วมือฉีกขาด บาดแผลเลือดออก จำนวน 7 นาย โดยมากับเรือหลวงกระบุรี จำนวน 48 นาย มากับเรือศรีไชยา จำนวน 22 นาย และมากับเรือ TUG ประจวบ จำนวน 5 นาย และยังคงสูญหายอีกจำนวน 32 นาย ตามที่ได้นำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือรบหลวงกระบุรี เดินทางออกจากท่าเรือประจวบ อีกครั้ง หลังตรวจสอบสภาพเรือที่เกิดอุบัติเหตุขณะเข้าช่วยเหลือลูกเรือรบหลวงสุโขทัย ซึ่งเรือรบหลวงกระบุรีโดนคลื่นยักษ์ซัดท้ายเรือไปกระแทกกับเรือรบหลวงสุโขทัย ได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่เพื่อความปลอดภัยผู้บังคับการเรือหลวงกระบุรี จึงนำเรือกลับเข้าฝั่งเพื่อตรวจสอบความเสียหาย จากการตรวจสอบแล้วพบความเสียหายไม่รุนแรง เรือหลวงกระบุรีจึงออกปฏิบัติภารกิจยังเรือหลวงสุโขทัยอีกครั้ง เพื่อค้นหาผู้สูญหาย ร่วมกับ เรือหลวงภูมิพล เรือหลวงอ่างทอง และเรือบรรทุกน้ำมันจากเอกชน 2 ลำ คือ เรือสตาร์เอนเนอจี่ และเรือศรีไชยา โดยมี เฮลิคอปเตอร์ซีฮอว์ก อีก 2 ลำ จากกองบินกองทัพเรือ บินตรวจสอบสภาพพื้นที่ และความเสียหายของเรือสุโขทัยทางอากาศ ท่ามกลางสภาพอากาศที่มีลมกระโชก และบริเวณทะเลมีคลื่นสูงกว่า 5-6 เมตร

ขณะที่นายเลิศยศ แย้มพราย นายอำเภอบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า สำหรับกำลังพลที่ได้รับการช่วยเหลือกลับขึ้นฝั่งที่ท่าเรือประจวบฯ ล่าสุดมีทั้งสิ้น 72 นาย แบ่งเป็นผู้ป่วยสีเขียวบาดเจ็บเล็กน้อย 50 นาย เข้าพักฟื้นที่ ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก หมู่ 1 บ้านฝั่งท่า ต.พงศ์ประศาสน์ อ.บางสะพาน และกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ 22 นาย เข้ารักษาที่โรงพยาบาลบางสะพาน 22 นาย

ยืนยันกำลังพลมีชูชีพทุกนาย

ต่อมา ในช่วงเช้าวันที่ 19 ธันวาคม พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เปิดเผยว่า ในวันนี้คลื่นลมก็ยังแรงอยู่ และเราส่งเรือไปช่วย ทั้งเรือหลวงกระบุรี เรือประจวบคีรีขันธ์ 4 และเรือประจวบคีรีขันธ์ 5 กำลังกระจายกำลังเจ้าหน้าที่ บริเวณโดยรอบพื้นที่เกิดเหตุ รวมทั้งมีเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินดอร์เนียร์ ออกบินลาดตระเวน ค้นหากำลังพลจำนวน 33 นาย

ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กล่าวว่า ก่อนที่เรือจะจมลงไปในทะเลนั้น ยืนยันว่ากำลังพลอยู่ครบทุกนาย จนกระทั่งเรือจมลงไปแล้ว จึงทำให้กำลังพลกระจัดกระจายกันออกไป คนละทิศละทาง อีกทั้งยังมีลมแรง ทำให้เรือเล็กลงไปช่วยไม่ได้ ทั้งนี้ กำลังพลมีเสื้อชูชีพทุกนาย โดยเรือหลวงกระบุรีได้นำเสื้อชูชีพไปเสริมให้ทั้งหมด

ทบ.ทร.เรียกถกวางแผนค้นหา

ขณะที่ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เรียก นายทหารระดับสูงประชุมด่วนในเช้านี้ พร้อม Video Conference กับเจ้าหน้าที่ทหารในจุดเกิดเหตุ เพื่อประเมินสถานการณ์และหาแนวทางค้นหากำลังพลกว่า 30 นาย เพื่อเร่งให้การช่วยเหลือ ซึ่งขณะยี้ยังมีอุปสรรค ในเรื่องของคลื่นลมแรงในอ่าวไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่การช่วยเหลือลูกเรือที่ประสบภัยจำนวน 106 นาย มีหน่วยงานในพื้นที่ อ.บางสะพานได้ระดมกำลังช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน ล่าสุดมีลูกเรือที่ประสบภัยเดินทางถึงท่าเรือน้ำลึกบางสะพาน พร้อมเรือหลวงกระบุรี 48 นาย โดยสารมากับเรือบรรทุกสินค้าศรีไชยา 20 นาย และมากับเรือทักของท่าเรือประจวบฯอีก 4 นาย รวมลูกเรือที่ปลอดภัยแล้ว 73 ราย สำหรับลูกเรืออีก 33 ราย

ขณะนี้ เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงภูมิพล เรือหลวงกระบุรี ของกองทัพเรือ ออกค้นหาผู้สูญหายอีก 33 รายได้ออกจากท่าเรือบางสะพานมุ่งหน้าไปจุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปางกลางทะเลอ่าวไทยแล้ว เพื่อให้การช่วยเหลือลูกเรือที่ยังลอยคออยู่ในที่ทะเล ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ภาวะคลื่นลมในทะเลยังทวีความรุนแรงต่อเนื่อง

ศรชล.เผยพบผู้เสียชีวิต1ราย

มีรายงานว่า เมื่อเวลา 12.40 น. ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับกำลังพล ของกองทัพเรือ ที่ได้รับการช่วยเหลือจาก เรือ PATTARAVARIN 88 จำนวน 10 คน พบเสียชีวิต 1 ราย อีก 9 ราย มีสภาพอิดโรย โดยเรือยังไม่สามารถเข้าฝั่งได้เนื่องจากสภาพคลื่นลมแรงจัด และน้ำมันเชื้อเพลิงไม่เพียงพอ จึงจอดสมอบริเวณบังคลื่น เกาะเสม็ด จ.ชุมพร

ทร.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยกำลังพล

ต่อมา เวลา 16.00 น. พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการค้นหาและช่วยเหลือกำลังพล กองทัพเรือได้ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ขึ้นมาทำหน้าที่ในการประสานการปฏิบัติ เพื่อดำเนินการในการให้ความช่วยเหลือกำลังพลและกู้เรือหลวงสุโขทัย พร้อมทั้งส่งเรือและอากาศยาน ประกอบด้วย เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงกระบุรี เฮลิคอปเตอร์แบบซีฮอว์ก เครื่องบินลาดตระเวนแบบดอร์เนีย รวมถึงชุดป้องกันความเสียหายและกู้ภัยเรือ เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน

นอกจากนี้ได้ประสานหน่วยภายนอกเข้าร่วมให้การช่วยเหลือ โดยปัจจุบันมีกำลังพลที่ได้รับความช่วยเหลือและนำขึ้นฝั่ง ณ ท่าเรือบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรียบร้อยแล้ว จำนวน 72 นาย โดยมีกำลังพลจำนวน 11 นาย ถูกส่งเข้ารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลบางสะพาน และกำลังพลจำนวน 61 นาย อาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงของ อบต.แม่รำพึง ส่วนกำลังพลอีก 2 นาย ขณะนี้ที่อยู่บนเรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” กำลังเดินทางไปยังท่าเรือมาบตาพุด จังหวัดระยอง

ดำเนินการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

สำหรับการปฏิบัติในพื้นที่เกิดเหตุ ในขณะนี้ เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงกระบุรี รวมถึงอากาศยานของกองทัพเรือและกองทัพอากาศได้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจในการลาดตระเวนค้นหาและช่วยเหลือกำลังพลที่เหลือ โดยในช่วงเช้า เรือหลวงกระบุรีสามารถเข้าไปช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย เพิ่มอีกจำนวน 1 นาย ขณะสวมชูชีพลอยคออยู่กลางทะเล

ทั้งนี้ เรือและอากาศยาน ยังคงทำการค้นหาและช่วยเหลือกำลังพลที่เหลืออีก 31 นาย โดยได้กำหนดพื้นที่ค้นหา ขนาดพื้นที่ 20X15 ตารางไมล์ ซึ่งอยู่ทางใต้ห่างจากจุดที่เรือหลวงสุโขทัยจมลง ประมาณ 18 ไมล์ทะเล โดยคำนวณจากทิศทางของกระแสน้ำและกระแสลม รวมทั้งบริเวณที่ตรวจพบและช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยล่าสุด นำมาพิจารณาพื้นที่ที่เป็นไปได้ว่ากำลังพลที่เหลือจะอยู่ตรงบริเวณดังกล่าว

โดยสรุป การดำเนินการในขณะนี้ ตรวจพบและให้การช่วยเหลือกำลังพลที่ประสบภัยได้แล้ว 75 นาย คงเหลือกำลังพลที่ยังต้องค้นหาและช่วยเหลืออีก 31 นาย ทั้งนี้ ญาติพี่น้องของกำลังพลประจำเรือ สามารถติดสอบถามได้ที่ ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยหมายเลขโทรศัพท์ 0-3818-2435 และ 08-4002-3554

ทร.ยืนยันยังไม่พบผู้เสียชีวิต

โฆษกกองทัพเรือกล่าวว่า จากการที่มีการนำเสนอข่าวว่าพบกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย 10 นาย เสียชีวิต 1 นาย และอยู่ในสภาพอิดโรย 9 นาย นั้น จากการตรวจสอบ ขอยืนยันว่า ไม่ใช่กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย แต่เป็นลูกเรือจากเรือสินค้าอนุภูมิ ซึ่งได้อับปางลงเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา จากเหตุคลื่นลมแรงเช่นกัน

มีรายงานว่า กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ได้ออกประกาศคำเตือนเพื่อการเดินเรือ ที่ 91/2022 และ ที่ 92/2022 แจ้งชาวเรือหลีกเลี่ยงพื้นที่ค้นหา ช่วยเหลือผู้ประสบภัยรอบบริเวณเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ตำบลที่ 11 องศา 00 ลิปดาเหนือ ลอง 99 53 ลิปดาตะวันออก สำหรับรายละเอียดการปฏิบัติเพิ่มเติม สำนักงานโฆษกกองทัพเรือจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป

‘บิ๊กตู่’กำชับช่วยทุกคนให้ปลอดภัย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือกำลังพลและลูกเรือที่สูญหายจากสถานการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ว่า ก็ติดตามอยู่โดยสรุปแล้ว มีบาดเจ็บหนักอยู่ ประมาณ 5 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนหาสาเหตุอยู่ ก็เห็นใจไม่อยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องการทำงานปฏิบัติหน้าที่ของเขา และไปเจอกับมรสุมพายุอะไรต่างๆ

เมื่อถามว่า กำลังเร่งค้นหากำลังพลที่สูญหายใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็กำลังดำเนินการอยู่ในทุกๆเรื่อง นายกฯ ติดตามในทุกมุมทุกเรื่องนั่นแหละ วันหยุดวันธรรมดาก็ไม่เคยหยุด

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามกรณีเหตุการณ์เรือหลวง (ร.ล.) สุโขทัย ประสบเหตุการณ์พายุคลื่นลมแรงกลางทะเลอ่าวไทย บริเวณพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 ธันวาคม 2565 โดยนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใย สั่งการให้กองทัพเรือส่งเจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือกำลังพลของ ร.ล.สุโขทัยทุกคนให้กลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ตำรวจไซเบอร์แถลงบุกทลาย\'แก๊งบัญชีม้า-เงินกู้เถื่อน\' อายัดเงินคืนผู้เสียหายโจรออนไลน์ ตำรวจไซเบอร์แถลงบุกทลาย'แก๊งบัญชีม้า-เงินกู้เถื่อน' อายัดเงินคืนผู้เสียหายโจรออนไลน์
  • เมียนมากระหน่ำอีก! ทิ้งบอมบ์กะเหรี่ยง\'เช้า-เที่ยง\' ดับ24-เจ็บเพียบ เมียนมากระหน่ำอีก! ทิ้งบอมบ์กะเหรี่ยง'เช้า-เที่ยง' ดับ24-เจ็บเพียบ
  • \'หลวงพ่ออลงกต\'ประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ 'หลวงพ่ออลงกต'ประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ
  • ขนยาบ้า! 8กระสอบ1.6ล้านเม็ด ออกจาก\'ถ้ำหลวงเชียงราย\'มุ่งเข้าเมือง ขนยาบ้า! 8กระสอบ1.6ล้านเม็ด ออกจาก'ถ้ำหลวงเชียงราย'มุ่งเข้าเมือง
  • ‘ผบ.ทสส.’เผยค้นหา‘วัตถุระเบิด’ 3 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วกว่า 800 จุด ‘ผบ.ทสส.’เผยค้นหา‘วัตถุระเบิด’ 3 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วกว่า 800 จุด
  • เปิดโผนายพลตำรวจ ระดับ \'รองผบ.ตร.-ผบก.\' 2568 เปิดโผนายพลตำรวจ ระดับ 'รองผบ.ตร.-ผบก.' 2568
  •  

Breaking News

'มาริษ'เผย ประธาน ICRC ร่วมปาฐกถา'สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร'

'ธีรรัตน์'ลงพื้นที่ตรวจสร้างทางเดินริมคลองแสนแสบระยะทาง 9 กม.

'กรมชลฯ'เตือน! เตรียมระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาในช่วง 3 วันข้างหน้า

1 เดือนแห่งการขับเคลื่อนการศึกษาไทย ยกระดับหลักสูตร และการสอนเพื่อพัฒนาครู สกร.

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved