ปาฐกถา : ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในการสัมมนา “Go Together Better Thailand : เกษตรเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแกร่ง” ขับเคลื่อนภาคการเกษตรให้เข้มแข็งและเติบโตอย่างมั่นคง เพื่อรองรับวิกฤตต่างๆ ในอนาคต
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานและปาฐกถาพิเศษ “เกษตรเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแกร่ง” ในการสัมมนาเรื่องภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี 2565 และแนวโน้มปี 2566 “Go Together Better Thailand : เกษตรเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแกร่ง” และมอบโล่ให้แก่เศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.) ดีเด่น โดยมีนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรฯ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่สโมสรทหารบกกทม. ว่าภาคเกษตรเป็นภาคการผลิตที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในทุกมิติ โดยมีเนื้อที่ทางการเกษตร 149.25 ล้านไร่ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.5 ของทั้งประเทศ มีสัดส่วนแรงงานภาคเกษตรประมาณร้อยละ 50 ของแรงงานทั้งประเทศ ที่สำคัญภาคเกษตรเป็นแหล่งวัตถุดิบหรือต้นน้ำของอุตสาหกรรมต่างๆ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 1.39 ล้านล้านบาทต่อปี และมีดุลการค้าเกินดุลเฉลี่ย 8.6 แสนล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ภาคเกษตรยังเป็นทางรอดที่ช่วยรองรับและโอบอุ้มเศรษฐกิจไทยในวิกฤตการณ์ต่างๆ กระทรวงเกษตรฯ ได้วางยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคเกษตร 5 ยุทธศาสตร์ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของเกษตรกร เพื่อรองรับวิกฤตในอนาคตอย่างรอบด้าน การพัฒนาฐานข้อมูล Big Data เพิ่มช่องทางให้เกษตรกรสามารถเข้าใช้ประโยชน์ข้อมูลในการวางแผนการผลิตและการตลาด เช่น Mobile Application (One App) การสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพให้เข้าถึงที่ดินทำกินและแหล่งเงินทุน การประกันภัยพืชผล ส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะและเกษตรแม่นยำสูง การยกระดับสู่เกษตรมูลค่าสูง เพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพทางรายได้และความมั่นคงในอาชีพแก่เกษตรกร รวมทั้งการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันภาคเกษตร
“การขับเคลื่อนภาคการเกษตรให้เข้มแข็งและเติบโตอย่างมั่นคง รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับวิกฤตต่างๆ ในอนาคต สิ่งสำคัญคือความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ภาคเกษตรคือรากฐานวิถีชีวิตของสังคมไทย และเกษตรกรเป็นอาชีพที่มีผลต่อความมั่นคงทางด้านอาหาร มีผลต่อระบบเศรษฐกิจหลักของประเทศ ดังนั้นการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน จะช่วยสร้างรากฐานภาคเกษตรไทยให้เข้มแข็ง นอกจากนี้ ต้องสนับสนุนให้เกษตรกรมีเครื่องมือที่ทันสมัย โดยสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และงานวิจัย เข้ามาพัฒนาภาคการเกษตร รวมถึงให้โอกาส ทั้งในแหล่งเงินทุนและการพัฒนาทักษะต่างๆ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก อีกทั้งต้องบริหารจัดการสินค้าเกษตรตามความต้องการ Demand และ Supply ให้สมดุล ตามความต้องการของตลาด เพื่อมุ่งสู่เกษตร 5.0 ต่อไปในอนาคต” ดร.เฉลิมชัย กล่าว