เตรียมรับนทท.จีน
สธ.นัดหารือมาตรการ5ม.ค.
เพื่อให้ปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด
‘อนุทิน’ชี้ต้องเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข
นายกฯยันไทยจัดการโควิดระดับเกรดA
นายกฯ ระบุ ไทยเตรียมใช้ประสบการณ์รับมือนักท่องเที่ยวจีนที่จะเปิดประเทศ 8 มกราคมนี้ ขณะที่“อนุทิน” เผยกระทรวงสาธารณสุขนัดหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งกระทรวงคมนาคม5 มกราคมนี้ เพื่อวางมาตรการรับมือ ยืนยันไม่กระทบเศรษฐกิจ จึงต้องให้ความเชื่อมั่น ชี้มาตรการพร้อม ไม่จำเป็นต้องมีข้อห้ามเยอะ
วันที่ 3 มกราคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการรับมือนักท่องเที่ยวจีนที่จะมาไทย ว่า วันที่ 5 ม.ค.จะมีการหารือกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด โดยที่ไม่มีความเสียหายใดๆ ส่วนจะมีมาตรการที่เข้มข้นกับชาวจีนนั้น ในที่ประชุมคณะกรรมการวิชาการทางการแพทย์ มีมติว่าไม่จำเป็นจะต้องแยกปฏิบัติใดๆ เรามีมาตรการที่มีความพร้อมทั้ง 2 ฝั่ง เช่นคนที่เข้ามาประเทศไทยต้องมีประกันสุขภาพ จึงไม่จำเป็นต้องมีข้อห้ามอะไรมากมาย ส่วนเรื่องตรวจเชื้อคงไม่จำเป็น ซึ่งเป็นความเห็นทางการแพทย์ เรียนว่าเรื่องบางอย่างถ้าเป็นเรื่องการแพทย์เราให้ทางกรมควบคุมโรคซึ่งทำหน้าที่ป้องกัน เฝ้าระวังโรคติดต่อ กำหนดมาตรการซึ่งไม่สร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นจึงต้องให้ความเชื่อมั่น และตนพร้อมให้กำลังใจ สนับสนุนเขาเต็มที่
เมื่อถามว่าประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในทวีปยุโรปมีความกังวลว่าโควิดสายพันธุ์ในประเทศจีนจะกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ และจะทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหาย นายอนุทิน กล่าวว่า ตนเชื่อนักวิชาการของคณะกรรมการวิชาการทางการแพทย์ของไทย เพราะได้มีการกำหนดมาตรการมาหลายรอบแล้ว ประเทศไทยสามารถควบคุมการติดเชื้อ การเจ็บป่วย หรือเสียชีวิตได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยไม่ได้เป็นรองใคร เพราะฉะนั้นจะไปเทียบกับประเทศอื่นๆ ซึ่งติดเชื้อมากกว่า เสียชีวิตมากกว่า เพราะฉะนั้นเราจะไปเทียบกับคนที่ด้อยกว่าทำไม อย่างไรก็ตามพื้นฐานของสายพันธุ์ไม่ต่างกัน วัคซีนที่มีในไทยยังสามารถภูมิคุ้มกันได้ ขอให้คนไทยไปรับวัคซีนเข้มบูสเตอร์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ก็จะยิ่งให้คนต่างชาติได้ท่องเที่ยวในเมืองไทย ใช้บริการต่างๆในเมืองไทยได้
ส่วนการรับมือถ้าประเทศจีนเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค. นายอนุทิน กล่าวว่า เขาไม่ได้แห่กันมาไทยตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. แต่มีการคาดการว่าเดือนม.ค.คนจีนจะมาไทย 4 หมื่นคน เดือนก.พ.จะมา 5 หมื่นคน และไม่ได้อนุญาตให้มาแบบหมู่คณะใหญ่ ส่วนใหญ่จะไม่ได้มาแบบกลุ่มทัวร์ อย่างไรก็ตามตนได้รับทราบมาว่าประเทศจีนได้ออกกฎใหม่ว่าคนที่จะเดินทางเข้าประเทศจีนต้องมีการตรวจเชื้อแบบ PCR ซึ่งหนักกว่าไทย ซึ่งถ้ามองด้านรายได้ประเทศไทยก็สามารถให้บริการทางด้านการตรวจแบบ PCR สร้างรายได้ให้กับประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคนที่จะไปจะมาก็ต้องมีความระมัดระวัง
เมื่อถามเพิ่มเติมว่าจะการันตีได้หรือไม่ว่าการโควิดในไทยจะไม่มีความรุนแรงมากกว่านี้แล้ว นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีอะไรการันตีได้ เพียงแต่ว่าเราผ่านจุดนั้นมาแล้ว ซึ่งการันตีได้ว่าจะไม่มีการล็อคดาวน์ หากใครเจ็บปวดถ้าใครฉีดวัคซีนเกินสี่เข็ม ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 608 ก็จะไม่เกิดความรุนแรงอาการหนัก หรือเสียชีวิต การันตีได้ว่ามียา เวชภัณฑ์ และหมอเพียงพอต่อการรักษา
ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงมาตรการรับมือนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค. ว่า เขาเปิดแล้วดีไหม ก็ดี เราก็เตรียมมาตรการของเราไว้เราจะต้องดูว่าทำอย่างไรไม่ให้เกิดผลกระทบ ทั้งเรื่องของสาธารณสุข และทีมแทพย์เขามีมาตรการต่างๆ ของเขาอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้หลายประเทศก็มีการรับมือของเขาอยู่แล้ว บางอย่างอาจจะเหมือนกัน บางอย่างอาจไม่เหมือน เพราะมาตรการพื้นฐานแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ของเราก็ถือว่าเป็นเกรด A ฉะนั้นก็ต้องเชื่อมั่นตรงนี้ เพราะถือเป็นรายได้ให้กับประเทศ จะเห็นว่าช่วงเทศกาลปีใหม่ คนไปท่องเที่ยวเยอะมาก สิ่งที่อยากให้ระวังคือการดูแลตัวเองในการป้องกันตัวเอง ที่เป็นก็รักษาพยาบาล แต่ต้องดูว่าถ้าหนักหนาสาหัสจะทำอย่างไ แต่ตนก็เคยแก้ปัญหาตรงนี้มาแล้ว ฉะนั้นประสบการณ์ของเราเป็นสิ่งสำคัญ หลายประเทศก็เอาตัวอย่างของเราไปทำ
วันเดียวกัน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขียนบทความเรื่อง ‘โควิด-19 การรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ’ เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก ‘Yong Poovorawan’ ระบุว่า จากการศึกษา วิเคราะห์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่สายพันธุ์อังกฤษ หรือ อัลฟา สายพันธุ์เริ่มจากอังกฤษก่อนหลายเดือน ในปลายปี 2563 และถึงแม้ว่าเราปิดบ้านปิดเมือง มีการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศถึง 14 วัน ในที่สุด สายพันธุ์นี้ก็มาระบาดในบ้านเราในเดือนมีนาคม 2564
เช่นเดียวกันกับสายพันธุ์เดลต้า จุดเริ่มต้นที่อินเดีย แล้วไประบาดในยุโรปและอเมริกา เข้าสู่ประเทศไทยหลังจากการระบาดในประเทศทางตะวันตก ขณะนั้นก็มีการกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ เช่นเดียวกัน สายพันธุ์โอมิครอน ก็เช่นเดียวกันเราเกิดหลังประเทศทางตะวันตกทั้งนั้น ขณะนี้บ้านเราเป็นสายพันธุ์ BA.2.75 ในขณะที่ยุโรปและอเมริกาได้ระบาดผ่านพ้นไปแล้ว และขณะนี้ทางอเมริกาและตะวันตกกำลังทั่วโลกมีแนวโน้มจะเข้าสู่สายพันธุ์ BQ.1, BQ.1.1 ซึ่งคาดว่าต่อไปของเราก็คงระบาดตามมา สายพันธุ์ดังกล่าวจะดื้อต่อภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น
ในขณะที่การระบาดในประเทศจีนขณะนี้ ยังเป็น BA.5 และลูกของ BA.5 คือ BF.7 ที่มีความคล้ายคลึงกับ BA.5 ที่เราได้ระบาดผ่านพ้นไปแล้ว หรือ จีนตามหลังเรา คนไทยส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อจะมีภูมิต้านทานต่อตัวนี้แล้วเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่ต้องคำนึงคือการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ประเทศจีน โดยเฉพาะถ้ามีการระบาดในผู้ป่วยจำนวนมาก โอกาสจะเกิดสายพันธุ์ใหม่ก็จะเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่ต้องตระหนักไว้ด้วย
“จากเหตุผลตามสายพันธุ์ จะให้ตรวจหรือป้องกัน ขณะนี้เราควรป้องกันสายพันธุ์ BQ มากกว่า BA.5 ที่เราได้ระบาดผ่านพ้นไปแล้ว ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ประเทศต้นทางที่น่าจะตรวจ เพื่อป้องกันสายพันธุ์ใหม่ของเรา ควรจะเป็นสายพันธุ์ที่ไม่มีในประเทศไทย เพื่อป้องกันการระบาดในประเทศไทยให้ช้าที่สุด อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์ทั้งหมดก็ยังเป็น โอมิครอน ที่ความรุนแรงน้อย และทั่วโลกก็ยอมรับว่า สายพันธุ์นี้ยังระบาดอยู่ทั่วโลก” ศ.นพ.ยง กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี